14 พ.ย. เวลา 05:09 • ท่องเที่ยว
Ba Na Hills

บานาฮิลล์…ยุโรปที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม

Chapter 75/1: Ba Na Hills, A Paradise Retreat in Vietnam
ได้ยินชื่อ "บานาฮิลล์" มานานละคราวนี้จะได้ไปกับเค้าซักที…แต่ดั๊นไปเดือนตุลาคมปลายฝนต้นหนาวซะนี่ ทริปนี้จะเป็นยังไงเปียกปอนแค่ไหน ไปดูกันเลยค่ะ
ใครจะไปเชื่อเนอะว่าจะมีคนย้ายยุโรปมาไว้ใกล้ๆ บ้านเราขนาดที่ใช้เวลาเดินทางแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น และเยส…เรากำลังพูดถึงบานาฮิลล์ (Ba Na Hills) นั่นเองค่ะ
บานาฮิลล์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของเวียดนาม ตั้งอยู่บนเทือกเขาอันนัมบนความสูงกว่า 1,400 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ห่างจากใจกลางเมืองดานังไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 25 กิโลเมตร
บานาฮิลล์ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 1919 เนื่องจากเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสที่เข้ามาปกครองเวียดนามในยุคนั้นต้องการสร้างสถานที่พักผ่อนตากอากาศให้กับชาวฝรั่งเศสรวมถึงทหารที่เข้ามาประจำการอยู่ในเวียดนาม จนได้พบกับภูเขาบานาเข้าจึงได้เลือกสถานที่แห่งนี้เพราะมีบรรยากาศดีและอากาศเย็นสดชื่นทั้งปี
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาวฝรั่งเศสที่อยู่ในเวียดนามไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ จึงได้เริ่มมีการสร้างวิลล่าขึ้น ตามด้วยโรงแรม รีสอร์ต และสาธารณูปโภคที่ทันสมัยมากมาย จนทำให้บานาฮิลล์กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม แต่ต่อมาในปี 1945 หลังจากที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้ออกจากประเทศเวียดนามไปและบานาฮิลล์ก็ถูกปล่อยทิ้งร้างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จนกระทั่งในปี 2009 บริษัท Sun Group ได้เข้ามาลงทุนบูรณะปรับปรุงพื้นที่นี้ให้กลับมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกครั้ง โดยเนรมิตให้มีทั้งโรงแรมหรู ร้านค้า ร้านอาหาร สวนสนุก เคเบิ้ลคาร์ และที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในคอนเซ็ปของหมู่บ้านฝรั่งเศสนั่นเอง
ทริปนี้เรามาเที่ยวกัน 4 วันโดยตั้งใจจะอยู่บน Ba Na Hills 3 วัน 2 คืนจากนั้นค่อยลงมาเที่ยวเมืองฮอยอันและดานังค่ะ
2
ฝนมารอต้อนรับเลย
เราบินกับ Airasia เพราะเขามีเที่ยวบินตรงมาที่ดานังเลยสะดวกมาก ใช้เวลาบินประมาณชั่วโมงครึ่งเท่านั้น พอมาถึงดานังสิ่งแรกที่ทำเลยคือกินค่ะ เพราะถึงเวลามื้อเที่ยงพอดี กำลังหิวเลย
เราแวะทานข้าวเที่ยงกันที่ร้าน Madame Lan ในตัวเมืองดานังซึ่งเป็นร้านอาหารพื้นเมือง และร้านนี้ได้ Michelin Selected หรือร้านที่มิชลินแนะนำด้วยนะ
Madame Lan
ร้านสวยดี มีที่นั่งทั้ง indoor และ outdoor
เราสั่งอาหารกันมาเยอะมากเลย
ที่เราว่าอร่อยก็มีปอเปี๊ยะเวียดนาม, Steam Rice Cake ที่หน้าตาเหมือนขนมถ้วย, ปลาย่างสมุนไพร 2 สี, หมูย่างเสียบไม้, ไก่ย่าง ส่วนหมูย่างที่เป็นเมนูแนะนำรู้สึกว่ามันแห้งไปนิด
สำหรับ Madame Lan เราผู้ชอบอาหารเวียดนามอยู่แล้วเลยถูกปาก แต่บางคนก็บอกว่าไม่ค่อยโดน อาจจะเป็นเพราะอาหารเวียดนามรสชาติไม่ได้จัดจ้านเท่าอาหารไทยนั่นเอง
กินเสร็จก็ได้เวลานั่งรถขึ้นไปบานาฮิลล์แล้วค่ะ ใช้เวลาเดินทางต่ออีกประมาณหนึ่งชั่วโมงเพื่อไปที่จุดขึ้น Cable Car หรือกระเช้า ฝนก็ตกไปตลอดทางเลย ดูลางไม่ค่อยดี 😅 จริงๆ ก่อนมาก็ดูพยากรณ์อากาศแล้วล่ะ ฝนตกฉ่ำทุกวันเลย แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ว่างสามารถมาได้ก็เลยทำใจเอาละกัน 😤
2
ถึงจุดขึ้นกระเช้าแล้ว จากที่นี่เราต้องนั่งกระเช้าไปที่โรงแรม Mercure Danang French Village อีกประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ ใครกลัวความสูงนี่ต้องอดทนหน่อยนะ
เป็น Cable Car ที่ได้ Guiness World Records หลายรางวัลซะด้วยนะ
กระเช้าของบานาฮิลล์ได้ชื่อว่าเป็นกระเช้าที่สูงที่สุดและยาวที่สุดในโลกเลยนะ มีความยาวถึง 5,801 เมตร และสูงกว่า 1,368 เมตรเลยทีเดียว
ฮู้ว…วิวไม่ค่อยเห็น เห็นแต่ฝนนี่แหละ
บานาฮิลล์เค้าจะแบ่งเป็นโซนๆ มี
  • Land of the Earth เป็นจุดขึ้นลงกระเช้า
  • Land of the Sun เป็นส่วนที่พักของโรงแรม Mercure ร้านค้า ร้านอาหาร Beer Plaza และสวนสนุก Fantasy Park
  • Land of the Moon จะเป็นส่วนที่มี Highlight ของบานาฮิลล์เยอะเลยไม่ว่าจะเป็น Golden bridge (สะพานมือ) Le Jardin D'amour (สวนแห่งความรัก) Lunar Castle และอีกหลายอย่าง
คิดว่าที่เค้าแบ่งเป็นโซนๆ ไว้เพื่อที่นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักบนบานาฮิลล์จะได้ขึ้นไปเที่ยวได้ โดยสามารถขึ้นกระเช้าจาก Land of the Earth ตรงไปที่ Land of the Moon ได้เลย
ถึงโรงแรมแล้ว โชคดีมากที่เราได้อยู่ Hotel De Paris ซึ่งเป็นอาคารแรกเลยไม่ต้องเดินไกล โรงแรมเค้าจะมีทั้งหมด 7 อาคารและเรียกทั้งหมดนี้ว่า French Village ค่ะ
บรรยากาศในโรงแรม
ส่วนของห้องพักก็ตกแต่งได้สวยดี ได้บรรยากาศยุโรปเลยค่ะ
วิวจากหน้าต่างห้อง
ป.ล. ในห้องพักจะไม่มีแอร์นะคะมีแต่ฮีตเตอร์ เพราะบนบานาฮิลล์เค้าจะเย็นทั้งปี แต่ถ้าใครรู้สึกอบอ้าวไปหน่อย อาจจะแง้มหน้าต่างไว้ช่วยได้ค่ะ
วันนี้ท่าจะไปไหนไม่ได้มากเพราะฝนยังไม่หยุดตกและหมอกเยอะมาก เลยเดินเล่นแถวหน้าโรงแรมก่อน
ถึงหมอกจะเยอะแต่ก็ยังถ่ายรูปได้อยู่
เราไปฆ่าเวลาที่เหลือใน Fanytasy Park กันดีกว่า
ในนี้ก็มีเครื่องเล่นพอสมควร จริงๆ อยากมาเล่นรถไฟเหาะ Alpine Coaster แต่ตอนนี้มันปิดอยู่
หลานปีน เรายืนเชียร์ 😆
มื้อเย็นก็ทานบุฟเฟ่ต์ในโรงแรมซึ่งเป็นโชคดีอีกเช่นกันที่บุฟเฟ่ต์อยู่ในตึกนี้ เราเลยไม่ต้องเดินไกล เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติค่ะ
อาหารก็ใช้ได้นะ โดยเฉพาะอาหารเวียดนามเราเอ็นจอยมากเลย อ้อ !!! เบียร์ที่นี่ก็ค่อนข้างโอเคเลยอร่อยและราคาไม่แพง
กินเสร็จก็ออกมาเดินเล่นถ่ายรูปย่อยอาหารซักหน่อย ดีมากไม่มีคนเลย
บรรยากาศดีโฮก…เหมือนเดินอยู่ในยุโรปจริงๆ เลย
ชอบที่สุดคือที่นี่ค่ะ
โบสถ์ Saint Denis
โบสถ์ Saint Denis (เซนต์ เดนิส) เป็นโบสถ์สไตล์โกธิคที่จำลองมาจากมหาวิหาร Notre-Dame (น็อทร์-ดาม) ที่ปารีสนั่นเอง เราสามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปข้างในโบสถ์ได้ด้วยนะ 
วันแรกบนบานาฮิลล์ก็ประมาณนี้ค่ะ
วันที่ 2 เราก็ไม่ได้ทำอะไรมากเช่นเคยเพราะฝนตกอีกแล้ว ก็เลยเดินเล่นถ่ายรูปแบบหมอกๆ เปียกๆ ไปก่อน
บนนี้ยังมี Pop Mart เลย 😆
เราตัดสินใจนั่งกระเช้าไปที่ Land of the Moon เพื่อไปเที่ยว Golden Bridge หรือสะพานมือกัน ไปถึงนะแต่ไม่ได้ออกไปที่สะพานเพราะฝนและหมอกยึดครองพื้นที่อีกแล้ว มองแทบจะไม่เห็นสะพานเลย 🥲
คนเยอะมาก
นั่งกระเช้ากลับมาใหม่เพื่อไปที่ Lunar Castle ซึ่งเป็นโซนที่อยู่ในร่มแทน การจะไปที่ Lunar Castle เราจะต้องนั่งรถรางไปประมาณ 10 นาทีค่ะ
ใน Lunar Castle จะมีโรงหนังให้เข้าไปดูอยู่ 2–3 โรงเป็นโรงหนังแบบ 3D 4D ที่สนุกดีถือเป็นการหลบฝนและฆ่าเวลาเพลินๆ
ใน Lunar Castle บรรยากาศเหมือนอยู่ในปราสาทโบราณเลย
จาก Land of the Moon เราก็กลับมาที่ฝั่ง Sun บ้านของเราเพื่อเดินสำรวจ French Village เพราะยังไม่มีโอกาสได้เดินรอบๆ เลยว่าเป็นยังไง
Beer Plaza
ฝนหยุดแล้วเหลือแต่หมอกบางๆ บรรยากาศดีมาก
พอได้เดินถึงได้เห็นว่าที่นี่เค้าทำถึงอยู่นะ ถึงมันจะเป็นยุโรปจำลองแต่ทำออกมาได้สวยมาก มุมถ่ายรูปเป็นล้านเลย
กิจกรรมวันที่ 2 ก็ประมาณนี้ค่ะ
ส่วนเช้าวันที่ 3 หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เราก็นั่งกระเช้ากลับลงมาเพื่อไปเที่ยวที่ฮอยอันต่อค่ะ
สรุปมาบานาฮิลล์ครั้งนี้เราได้เที่ยวแค่สวนสนุก Fantasy Park เดินเล่นใน French Village และก็ไปเที่ยวที่ Lunar Castle แค่นี้เลย ไม่ได้ไปที่ที่เป็น Highlight ของเค้าเล้ยยย 😅 แต่ก็ไม่เสียดายนะเพราะดานังอยู่ใกล้บ้านเรามากเดินทางก็สะดวกมีเที่ยวบินตรง โอกาสหน้าอาจจะได้มาอีกขึ้นอยู่กับทรัพยากรในกระเป๋าละ 😆
ลาไปกับภาพหมอกสวยๆ ของบานาฮิลล์ค่ะ
แล้วพบกันใน Blog หน้าที่จะพาไปเที่ยวเมืองฮอยอันต่อ สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 😊
โฆษณา