เมื่อวาน เวลา 08:41 • ไลฟ์สไตล์

จากดวงดาวสู่ดิน: เมื่อ "คนดัง" ส่งอิทธิพลต่อ "คนไร้ตัวตน"

คนดังคือใคร? ก่อนอื่นขอนิยาม "คนดัง" ให้ชัดเจนก่อนนะครับ คนดังในที่นี้หมายถึงบุคคลที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีชื่อเสียง มีผู้ติดตามจำนวนมาก อาจจะเป็นนักแสดง นักร้อง ยูทูบเบอร์ หรือแม้แต่บุคคลสำคัญในแวดวงต่างๆ ส่วน "คนไม่มีใครต้องการ" ในที่นี้อาจหมายถึง บุคคลที่รู้สึกไร้ตัวตนในสังคม ขาดความมั่นใจในตนเอง หรือรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่า
แล้วคนดังส่งอิทธิพลต่อคนธรรมดาอย่างไร?
• 1. อิทธิพลด้านภาพลักษณ์: คนดังมักถูกมองว่าเป็นต้นแบบของความสมบูรณ์แบบ ทั้งรูปร่างหน้าตา การแต่งกาย ไลฟ์สไตล์ ส่งผลให้คนทั่วไป โดยเฉพาะวัยรุ่น พยายามเลียนแบบ เพื่อให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม หรือเพื่อให้ได้รับการยอมรับ
• ตัวอย่าง: การที่วัยรุ่นแต่งตัวตามแฟชั่นของไอดอลเกาหลี ใช้เครื่องสำอางแบรนด์เดียวกับดาราที่ชื่นชอบ หรือทำศัลยกรรมให้เหมือนคนดัง
• 2. อิทธิพลด้านความคิด: คนดังมีพลังในการชี้นำความคิด ส่งผลต่อทัศนคติ ค่านิยม และพฤติกรรมของผู้คน โดยเฉพาะในยุคโซเชียลมีเดียที่คนดังสามารถสื่อสารกับแฟนคลับได้โดยตรง
• ตัวอย่าง: ดาราออกมา Call Out เรื่องการเมือง นักร้องแสดงจุดยืนสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ หรืออินฟลูเอนเซอร์รีวิวสินค้า
• 3. อิทธิพลด้านพฤติกรรม: การกระทำของคนดัง ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ล้วนส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้คน บางครั้งอาจนำไปสู่พฤติกรรมเลียนแบบ หรือในทางกลับกัน อาจเป็นบทเรียนให้คนทั่วไปได้ตระหนักถึงผลของการกระทำ
• ตัวอย่าง: คนดังทำกิจกรรมเพื่อสังคม ดาราขับรถเร็วแล้วเกิดอุบัติเหตุ นักกีฬาใช้สารกระตุ้น
ทำไมคนดังจึงมีอิทธิพล?
• 1. สื่อ: สื่อมีบทบาทสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์และเผยแพร่เรื่องราวของคนดัง ทำให้คนดังกลายเป็นบุคคลที่ผู้คนคุ้นเคย เสมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน
• 2. ความชื่นชอบและการยึดติด: แฟนคลับมักมีความชื่นชอบและยึดติดกับคนดัง มองว่าคนดังเป็นไอดอล เป็นแบบอย่าง ทำให้พร้อมจะเชื่อฟังและทำตาม
• 3. กลไกทางจิตวิทยา: มนุษย์มีแนวโน้มที่จะเลียนแบบพฤติกรรมของผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจหรือมีสถานะสูงกว่า เพื่อให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม หรือเพื่อให้ได้รับการยอมรับ
เลียนแบบ...เพื่อเป็นพวกเดียวกัน: ถอดรหัสกลไกทางจิตวิทยาของการลอกเลียนแบบ
ทำไมเราต้องเลียนแบบ?
การเลียนแบบเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ฝังลึกอยู่ในสัญชาตญาณของมนุษย์ตั้งแต่เกิด ลองนึกภาพเด็กทารกที่ชอบเลียนแบบสีหน้าท่าทางของพ่อแม่สิครับ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้และการเข้าสังคม
กลไกทางจิตวิทยาเบื้องหลังการเลียนแบบ
• ความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม: มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องการความรู้สึกเป็นเจ้าของ การเลียนแบบ ไม่ว่าจะเป็น การแต่งกาย ภาษา หรือ พฤติกรรม ช่วยให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม และ ลดความรู้สึกโดดเดี่ยว
• ตัวอย่าง: วัยรุ่นแต่งตัวตามแฟชั่น พูดภาษาสแลง เพื่อให้เข้ากับกลุ่มเพื่อน
• ความต้องการได้รับการยอมรับ: การเลียนแบบบุคคลที่ มีอำนาจ มีสถานะสูง หรือ เป็นที่ชื่นชอบ เป็นกลไกในการสร้างความสัมพันธ์ และ แสวงหาการยอมรับ
• ตัวอย่าง: พนักงานใหม่เลียนแบบวิธีการทำงานของหัวหน้า เพื่อให้ได้รับการยอมรับ และ ความไว้วางใจ
• การเรียนรู้: การเลียนแบบเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้ ช่วยให้เรา ซึมซับ และ พัฒนาทักษะต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
• ตัวอย่าง: เด็กเล็กเรียนรู้การพูด โดยการเลียนแบบเสียงของผู้ใหญ่
• กระจกเงา: การเลียนแบบพฤติกรรมของผู้อื่น กระตุ้นให้เกิด "เซลล์ประสาทกระจกเงา" (Mirror neuron) ในสมอง ซึ่งช่วยให้เรา เข้าใจ และ เอาใจเขามาใส่ใจเรา
• ตัวอย่าง: เมื่อเห็นคนอื่นยิ้ม เรามักจะยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว
เลียนแบบอย่างไร...ให้เกิดประโยชน์?
แม้การเลียนแบบจะเป็นกลไกทางจิตวิทยา แต่เราสามารถควบคุม และ เลือกเลียนแบบ ในสิ่งที่ สร้างสรรค์ และ เป็นประโยชน์ เช่น
• เลียนแบบบุคคลต้นแบบ: เลือกเลียนแบบบุคคลที่ มีคุณธรรม มีความสามารถ และ เป็นแบบอย่างที่ดี
• เลียนแบบพฤติกรรมที่ดี: เช่น ความขยัน ความอดทน ความมีน้ำใจ
• ปรับใช้ให้เข้ากับตัวเอง: การเลียนแบบ ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ ควรปรับใช้ให้เข้ากับ บุคลิกภาพ และ ความสามารถของตนเอง
บทสรุป:
การเลียนแบบเป็นพฤติกรรมที่ ซับซ้อน และ มีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา การเข้าใจกลไกทางจิตวิทยา จะช่วยให้เรา รู้เท่าทัน และ ใช้ประโยชน์จากการเลียนแบบ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โฆษณา