26 พ.ย. เวลา 05:56 • ท่องเที่ยว

วัดเส้าหลิน

วัดเส้าหลิน หรือ วัดเสี้ยวลิ้มยี่ มีชื่อเสียงอย่างมากเนื่องจากปรากฏในนิยายกำลังภายในหลายเรื่อง ในยุทธภพเรียกกันว่า สำนักเส้าหลิน ก่อตั้งโดยภิกษุชาวอินเดียนามว่า “พระโพธิธรรม” ซึ่งเป็นผู้นำพุทธศาสนานิกายเซนเข้ามาของการฝึกฝน ศิลปะการป้องกันตัว ที่รู้จักกันในนาม กังฟูเส้าหลิน
วัดเส้าหลินเป็นวัดทางพระพุทธศาสนานิกายมหายานที่มีความเก่าแก่อายุมากกว่า 1,500 ปี อดีตศาสนสถานของศาสนาพุทธแห่งแรกที่ทำให้ศาลนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติจีน ได้รับเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี 2013
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาซงซานหนึ่งในจำนวนห้ายอดเขาอันศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นเทือกเขาที่ มีชื่อเสียงมากที่สุดทั้งในด้านของประวัติศาสตร์และในแวดวงยุทธภพ ประกอบด้วยยอดเขาน้อยใหญ่จำนวน 72 ยอด แบ่งเป็นสองกลุ่มคือ เขาไท่ซื่อ 36 ยอด และเขาเส้าซื่อ 36 ยอด
ภายในวัดจะมีป่าเจดีย์ คือเจดีย์จำนวนหลายร้อยองค์ แต่ละองค์จะฝังศพของเจ้าอาวาสและบุคคลสำคัญของที่นี่
ป่าเจดีย์
และเมื่อพูดถึงเพลงหมัดมวยแล้ว หากจะไม่พูดถึง “ท่านปรมาจารย์ตั๊กม้อ” ก็ดูจะกระไรอยู่ ท่าน “ตั๊กม้อ” หรือ “ตะโม ภิกขุ” หรือ “พระโพธิธรรม” เป็นพระภิกษุชาวชมพูทวีป (อินเดีย) ที่ว่ากันว่าท่านตั๊กม้อเป็นถึงโอรสกษัตริย์ที่ออกบวชเพราะซาบซึ้งในรสพระธรรม และท่านได้เดินทางจากอินเดีย มาเผยแผ่พุทธศาสนานิกายเซ็นในเมืองจีน ราว ค.ศ. 527
เบื้องต้นการฝึกวิทยายุทธ์ของพระ “วัดเส้าหลิน” เนื่องจากวัดตั้งอยู่ในป่ามีสัตว์ร้ายมาก และการที่บรรดาหลวงจีนต้องนั่งสมาธินานๆโดยไม่ได้ออกกำลังกายก็ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรมได้ง่าย ท่านตั๊กม้อได้คิดเพลงหมัดมวยขึ้นมาเพื่อใช้ออกกำลังกาย และใช้ป้องกันตัวจากสัตว์ดุร้าย และนั่นก็คือต้นกำเนิดของกังฟูเส้าหลิน ต่อมาการฝึกวิทยายุทธ์สำนักเส้าหลินก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ พระเณรจากวัดเส้าหลินจึงมีส่วนคลี่คลายสถานการณ์ของบ้านเมือง พอสรุปได้ดังนี้
ปลายราชวงศ์สุย (พ.ศ. 1124-1161) พระเณรของวัดฝึกฝนพัฒนาวิชาพลังลมปราณและวิทยายุทธ์จนกล้าแข็งมากขึ้น เมื่อเกิดจลาจลจึงสามารถจัดกองกำลังคุ้มกันที่ดินและทรัพย์สินมากมายได้เองโดยไม่ต้องพึ่งทางการ
สมัยราชวงศ์ถัง (พ.ศ. 1161-1450) ราชสำนักสนับสนุนฝึกวิทยายุทธ์ของวัดเส้าหลิน ด้วยพระวัดเส้าหลิน 13 รูป นำโดย หลวงจีนกั๊กเอี๋ยง (เจี๋ยหยวน) เคยช่วยชีวิตจักรพรรดิถังไท่จง เมื่อครั้งยังเป็นจิ๋นอ๋อง จึงได้รับสิทธิพิเศษให้มี “กองทัพพระ” ยามเกิดศึกสงครามพระก็ลาสิกขาไปป้องกันประเทศ พอเสร็จศึกก็กลับมาบวชใหม่ มีกองทัพพระเณรกว่า 2,000 รูป เป็นยุคที่วัดรุ่งเรืองมาก
สมัยราชวงศ์ซ่ง (พ.ศ. 1503-1822) เตี๋ยวคังเอี้ยน (เจ้าควงยิน) ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์เป็นจอมยุทธ์ผู้มีฝีมือคนหนึ่ง เขียนตํารามวยไท้โจ๊วมาไว้ที่วัดเส้าหลิน ซึ่งสืบทอดมาจนปัจจุบัน วีรบุรุษเช่น งักฮุย (เย่เฟย) ก็รับการถ่ายทอดวิชานี้ไปจากเส้าหลิน
สมัยต้นราชวงศ์หมิง (พ.ศ. 1911-2187 ) หลวงจีนเซียวซัว (เสี่ยวซาน) จากเส้าหลิน เป็นแม่ทัพออกศึกชายแดนถึง 3 ครั้ง จึงได้รับพระราชทานแท่นปักธงและสิงโตหิน ซึ่งยังตั้งอยู่หน้าวัดจนทุกวันนี้ ในสมัยราชวงศ์หมิงนี้เองที่มีการก่อสร้าง “วัดเส้าหลินใต้” ที่มณฑลฮกเกี้ยน เมื่อเกิดเหตุโจรสลัดญี่ปุ่นปล้นชายฝั่งทะเล พระจากวัดเส้าหลินได้ช่วยชาวบ้านออกต่อสู้โจรสลัดจนถึงแก่มรณภาพหลายสิบรูปเป็นที่ประทับใจของประชาชน
ภายหลังชาวแมนจูยึดครองราชสำนัก สถาปนาราชวงศ์ชิง (พ.ศ. 2383-2454) วัดเส้าหลินใต้ก็มีส่วนสำคัญต่อต้านชาวแมนจู หลวงจีนตั๊กจง (ต๋าจง) ฝึกพระเณรเข้าร่วมสมาคมฟื้นฟูราชวงศ์หมิง การปราบวัดเส้าหลินจึงเป็นภารกิจสำคัญลำดับต้นๆ ของราชสำนักแมนจู เฉพาะอย่างยิ่งวัดสาขาอย่าง “เส้าหลินใต้” สมัยจักรพรรดิยงเจิ้งเคยส่งกองทัพมากวาดล้างและเผาวัดเส้าหลินใต้
ต่อมาจักรพรรดิเฉียนหลงเสด็จมาดินแดนกังหนำ (พื้นที่บริเวณตอนใต้ของแม่น้ำแยงซี) เพื่อปราบวัดเส้าหลินใต้เช่นกัน ทรงใช้กลยุทธ์ “จีนปราบจีน” โดยเชิญยอดฝีมือจากสำนักบู๊ตึงและง้อไบ๊ซึ่งมีเรื่องผิดใจกับเส้าหลินมาอยู่ มาประกบตัวฆ่ายอดฝีมือศิษย์เสียวลิ้มจนหมดสิ้น และเผาวัดเส้าหลินใต้เป็นครั้งที่ 2
พระ เณร ฆราวาส ศิษย์เส้าหลินที่มีชื่อเสียงที่ผ่านมามีมากมาย แต่ศิษย์เส้าหลินที่โด่งดังที่สุด คือ หลวงจีนกั๊กเอี๋ยง (เจี๋ยหยวน) ซึ่งมีอยู่ 2 รูป รูปแรกเป็นคนสมัยราชวงศ์ถังเป็นผู้นำพระอีก 12 องค์ไปช่วยชีวิตพระเจ้าถังไท่จง และช่วยปราบศัตรูกลุ่มนี้จนราบคาบ ประวัติศาสตร์ฉากนี้ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์จีนเรื่อง “เสียวลิ้มยี่”
รูปที่สองเป็นคนสมัยปลายราชวงศ์ซ่งต้นราชวงศ์หยวน มีชื่อเสียงกว่าองค์แรก และเป็นผู้พัฒนาวิทยายุทธ์ของเส้าหลินให้ก้าวหน้าอย่างมาก หลวงจีนกั๊กเอี๋ยงองค์นี้กิมย้งกล่าวไว้ใน มังกรหยกภาค 2 และ 3 ว่าเป็นอาจารย์ของเตียซำฮง (จางซันเฟิง) แห่งสำนักบู๊ตึ้ง
ส่วนวัดเส้าหลินใต้ศิษย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังปรากฏในภาพยนตร์กำลังภายในมากที่สุด คือ ศิษย์ทั้ง 3 ของหลวงจีนจี๊เสียง (จื้อส้าน) ได้แก่ ปึงสี่เง็ก (ฟางสื้ออี้), อั้งฮีกัว (หงสี่กวน) และ โอ้วฮุยเคียง (หูฮุ่ยเฉียง)
การเดินทาง
•• จากซีอาน ••
- นั่งรถไฟความเร็วสูง จากซีอาน ไป ลั่วหยาง luoyang longmen railway station (洛阳龙门站)
- จากสถานีรถไฟลั่วหยาง นั่ง metro line2 ไปสถานีรถบัส 洛阳汽车站
- ซื้อตั๋วรถบัส (24 หยวน) รถจอดหน้าวัดเส้าหลินเลย
ค่าเข้าชม
- ค่าเข้า 80 หยวน ราคารวมชมโชว์ (ไม่รวมกระเช้า, รถ shuttle)
- รถ shuttle ขาละ 15 หยวน, ไปกลับ 25 หยวน
รถจอดที่ใกล้ๆ ทางเข้า เเละจะจอด 2 จุด
จุด 1 ตรงวัดเลย เเละจุด 2 เเถวๆกระเช้า songshan
-cableway songshan ไปกลับ 60 หยวน
-ใครเเข็งเเรง ลองขึ้นเขา บนยอดเขามีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ จากด้านล่างขึ้นไป 1,900 เมตร บันไดน่าจะเป็นพันขั้น ระหว่างทาง ผ่านวัด chuzu & ถ้ำเก่าเเก่
โฆษณา