2 ธ.ค. เวลา 05:27 • ธุรกิจ

วิเคราะห์โมเดล ร้านกาแฟ 1:2 Coffee จากเชียงราย สู่กรุงเทพฯ รายได้ถึง 140 ล้าน ใน 3 ปี

จริง ๆ แล้ว “ร้านกาแฟ” อาจดูเป็นธุรกิจที่ง่าย ใคร ๆ ก็สามารถทำได้
แต่ในทางกลับกัน การปั้นธุรกิจร้านกาแฟให้เติบโตและติดตลาด ก็เป็นเรื่องที่ยากมากเช่นเดียวกัน
เพราะในตอนนี้ ธุรกิจร้านกาแฟ กลายเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงมาก
แต่ท่ามกลางความดุเดือดของตลาด
กลับมีร้านกาแฟแบรนด์ไทย ส่งตรงจากเชียงรายร้านหนึ่ง ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
นั่นคือ ร้านกาแฟแบรนด์ 1:2 Coffee หรือ One To Two Coffee
ภายใต้การบริหารของ คุณปอ อัครนันท์ ธัญธีราเศรษฐ์
โดยคุณปอ สามารถพลิกโฉมจากร้านเล็ก ๆ ในจังหวัดเชียงราย
สู่เครือข่ายร้านกาแฟ คุณภาพพรีเมียมกว่า 30 สาขาทั่วกรุงเทพมหานคร
แล้วคุณปอ บริหารธุรกิจร้านกาแฟ ให้เติบโตและขยายสาขาออกไปได้อย่างรวดเร็ว ได้อย่างไร ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
- เมื่อ 10 ปีก่อน คุณปอยังทำธุรกิจผลิตอาหารเสริม ทั้งในแบรนด์ของตัวเอง และรับจ้างผลิตให้แบรนด์อื่น
โดยกิจวัตรประจำวันของนักธุรกิจอย่างคุณปอ ก็คือ จะแวะซื้อกาแฟ ที่ร้านกาแฟหน้าออฟฟิศในทุกเช้า
ซึ่งรสชาติกาแฟที่คุณปอสั่งทุกวันนั้น เป็นเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม
และทุกเช้าที่คุณปอไปดื่ม คุณปอก็มักจะชวนพนักงานในออฟฟิศไปดื่มด้วยกัน
แต่หลายคนมักจะปฏิเสธ เพราะราคาของกาแฟที่ค่อนข้างสูง
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้คุณปอเกิดคำถามในหัวว่า
“ทำไมเราถึงไม่มีร้านกาแฟคุณภาพดี ที่ทุกคนสามารถดื่มได้ทุกวัน ในราคาที่จับต้องได้ ?”
โดยในช่วงวิกฤติโรคระบาดที่มีการล็อกดาวน์
คุณปอได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนน้องชาย ที่เปิดคาเฟในจังหวัดเชียงราย
ชื่อว่า 1:2 Coffee หรือ One To Two Coffee
เมื่อคุณปอ ได้ลองชิมกาแฟที่ร้านคาเฟของน้องชาย ก็ทำให้คุณปอต้องประหลาดใจ
เพราะรสชาติของกาแฟของที่นี่ ก็ดีไม่แพ้ร้านกาแฟที่กรุงเทพมหานคร แถมราคายังถูกกว่าเป็นเท่าตัว
ตั้งแต่ตอนนั้น ทำให้คุณปอ เริ่มศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจร้านกาแฟอย่างจริงจัง
เรียนรู้เรื่องการคั่วกาแฟ บริหารต้นทุน และการบริหารหน้าร้านจากน้องชาย
โดยช่วงเวลาที่คุณปอ เลือกเปิดร้านกาแฟสาขาแรกในกรุงเทพมหานคร ก็คือช่วงวิกฤติโรคระบาด ปี 2564
ซึ่งในช่วงนั้น เป็นช่วงที่หลาย ๆ ธุรกิจต้องหยุดชะงัก
แต่คุณปอกลับมองว่า กาแฟยังเป็นเครื่องดื่มที่คนต้องการดื่มทุกวัน แม้แต่ในช่วงวิกฤติโรคระบาด
ดังนั้น คุณปอ จึงมองเห็นวิกฤติเป็นโอกาส ที่จะนำแบรนด์ร้านกาแฟจากเชียงราย เข้ามาตีตลาดในกรุงเทพมหานคร
โดยตั้งใจวางคอนเซปต์ให้แบรนด์ 1:2 Coffee เป็นร้านกาแฟแบบ Everyday Coffee
คือ เป็นร้านกาแฟที่เข้าถึงง่ายที่สุด และ Friendly ที่สุดในราคาเข้าถึงได้
และที่สำคัญคือ ลูกค้าสามารถแวะเวียนมาดื่มได้ทุกวัน
โดยสิ่งที่คุณปอ ได้วางกลยุทธ์ให้กับแบรนด์ร้านกาแฟ 1:2 Coffee นั่นก็คือ
- เน้นเจาะตลาด Premium Mass
ซึ่งเป็นตลาด ที่กลุ่มผู้บริโภคจะมองหาสินค้าคุณภาพสูง มีภาพลักษณ์พรีเมียม
แต่ยังอยู่ในระดับราคาที่เข้าถึงได้
ซึ่งโดยหลัก ๆ กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ ก็คือพนักงานออฟฟิศ
ดังนั้น คุณปอจึงตั้งราคากาแฟ ในระดับที่กลุ่มลูกค้าเข้าถึงได้ ไม่ให้แพงเวอร์จนเกินไป
โดยราคาจะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 50-60 บาท
ซึ่งเรามาดูเมนูตัวอย่างภายในร้านกัน
-เดอร์ตี้ ราคา 95 บาท
-น้ำผึ้งเลม่อนอเมริกาโน่โซดา ราคา 90 บาท
-อเมริกาโน่ส้ม ราคา 85 บาท
-น้ำผึ้งเลม่อนอเมริกาโน่ ราคา 85 บาท
และจะแพงขึ้นถ้าลูกค้าเลือกเมล็ดกาแฟแบบ Specialty
หรือเมล็ดกาแฟ ที่ผ่านกระบวนการผลิตและคัดสรรมาแบบพิเศษ
โดยข้อดีของการวาง Position หรือตำแหน่งของตัวเองในตลาด Premium Mass นั้น
คือไม่ต้องกังวลในเรื่องการแข่งขันด้านราคา เหมือนกับร้านกาแฟแบรนด์อื่น ๆ
แต่สิ่งที่แบรนด์ต้องทำให้ได้ ก็คือ คุณภาพของตัวสินค้า ที่ต้องทำให้ลูกค้าเห็นว่าของดีจริง
และยอมจ่ายในราคาที่แพงขึ้นมา
ซึ่งคุณปอ ก็ได้แสดงให้เห็นชัดว่า ได้นำเมล็ดกาแฟคุณภาพดีจากจังหวัดเชียงราย
มาให้เลือกได้หลากหลาย ตั้งแต่เมล็ดกาแฟ คั่วอ่อน คั่วกลาง และคั่วเข้ม
แถมเครื่องชงกาแฟที่ใช้ ก็ยังเป็นเครื่องชงกาแฟคุณภาพ ระดับไฮเอนด์
เช่น เครื่องชงกาแฟแบรนด์ Kees van der Westen จากประเทศเนเธอร์แลนด์
หรือเครื่องชงกาแฟแบรนด์ Synesso จากประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเครื่องชงกาแฟทั้ง 2 แบรนด์นี้ ก็มีราคากว่าหลายแสนบาท
แม้ว่าเครื่องชงกาแฟจะมีราคาสูง แต่คุณปอ ก็ได้นำเครื่องชงกาแฟเหล่านี้มา
เพื่อการันตีว่า ทุกเมล็ดกาแฟที่ผ่านการชงในร้าน ต้องมีคุณภาพสูง ก่อนที่จะให้ลูกค้าได้ดื่ม
- ทำเลที่ตั้ง จับกลุ่มคนทำงานได้ดี แทรฟฟิกเยอะ
ด้วยกลุ่มลูกค้าหลัก ๆ ของแบรนด์ ก็คือพนักงานออฟฟิศ
ประกอบกับความตั้งใจของคุณปอ ที่ต้องการให้ร้าน 1:2 Coffee
เป็นร้านกาแฟแบบ Everyday Coffee ในราคาที่เข้าถึงได้ และสามารถกลับมาดื่มได้ในทุก ๆ วัน
ดังนั้น คุณปอจึงเลือกทำเลที่ตั้งใกล้แหล่งออฟฟิศ หรือสถานที่ที่มีแทรฟฟิกคนเดินเยอะ ๆ
อย่างเช่นสาขาแรก ที่เปิดในเมืองทองธานี ก็มีออฟฟิศ หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจที่เป็นแหล่งงาน
ไปจนถึงศูนย์นิทรรศการแสดงสินค้า ที่การันตีได้ว่าจะมีแทรฟฟิก หรือมีคนมาเดินเยอะ
หรือสาขาล่าสุดที่เพิ่งเปิดใหม่ คือที่ One Bangkok
ก็เป็นมิกซ์ยูส ที่มีตึกออฟฟิศ ศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง
ที่การันตีเรื่องแทรฟฟิกหรือจำนวนคนที่เดินเข้ามาซื้อได้
ทั้งเรื่อง Position ของแบรนด์ และเรื่องของทำเลที่ตั้งที่คิดมาอย่างดี
ก็ทำให้ร้านกาแฟ 1:2 Coffee สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว
โดยสามารถขยายสาขาได้ถึง 6 สาขา ภายใน 1 ปี และปัจจุบันก็มีทั้งหมด 30 กว่าสาขา
และผลประกอบการของ บริษัท หนึ่งต่อสอง จำกัด
ปี 2564 รายได้ 4.4 ล้านบาท กำไร 0.2 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 28.4 ล้านบาท กำไร 0.4 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 140.9 ล้านบาท กำไร 19.5 ล้านบาท
นับว่าเป็นอีกร้านกาแฟ ที่เริ่มมีหลายสาขาแล้ว และมีโมเดลน่าสนใจอีกร้านหนึ่งเลย..
โฆษณา