3 ธ.ค. เวลา 05:00 • อาหาร

เปิดวิธีรักษา หัวล้าน ผมบางกลางหัว จากกรรมพันธุ์ สัญญาณต้องรีบพบแพทย์

ผมร่วง ผมบาง จากกรรมพันธุ์เป็นปัญหาที่พบบ่อยในทั้งผู้ชายและผู้หญิง ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เปิดสัญญาณแบบไหนต้องปรึกษาแพทย์ และวิธีรักษาก่อนปัญหาลุกลาม
โรคผมบางกรรมพันธุ์ หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า Androgenetic Alopecia เป็นภาวะที่เส้นผมบางลงและร่วงหลุดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดปัญหาศีรษะล้านตามมา เป็นการสูญเสียเส้นผมที่เกิดจากพันธุกรรม และฮอร์โมน โรคนี้พบได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง แต่มักพบในผู้ชายมากกว่า
ลักษณะของหัวล้านกรรมพันธุ์
ในผู้ชาย มักเรียกว่า ศีรษะล้านแบบผู้ชาย (Male Pattern Baldness) โรคนี้มักจะเริ่มแสดงออกในรูปแบบของแนวผมที่ร่นขึ้นและผมบางกลางหัว หรือบริเวณกระหม่อม
ปัญหาผมร่วง
  • เส้นผมบริเวณขมับร่วง มักเริ่มจากการที่เส้นผมบริเวณขมับเริ่มถอยร่นเป็นรูปตัว M หรือ U
  • ผมบางบริเวณกลางศีรษะ เกิดการบางของเส้นผมบริเวณกลางศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณกระหม่อม
  • ผมบางรอบ ๆ ศีรษะ ในระยะท้าย ผมจะบางลงรอบๆ ศีรษะ เหลือเพียงเส้นผมบริเวณด้านข้างและด้านหลังของศีรษะ
ในผู้หญิง เรียกว่า ผมบางแบบผู้หญิง (Female Pattern Hair Loss) ภาวะนี้มักจะแสดงออกในรูปแบบของผมบางทั่วศีรษะ โดยที่แนวผมด้านหน้าไม่ร่นไป และมักสูญเสียเส้นผมหลังจากวัยหมดประจำเดือน
  • ผมบางทั่วศีรษะ ปัญหาผู้หญิงหัวล้าน มักมีอาการผมบางทั่วทั้งศีรษะ โดยไม่สูญเสียเส้นผมทั้งหมดเหมือนผู้ชาย
  • เส้นผมบางบริเวณกลางศีรษะ มักพบการบางของเส้นผมมากที่สุดบริเวณกลางศีรษะ ทำให้เห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้น หากแสกผมจะเห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ
  • เส้นผมหน้าผากยังคงอยู่ ในผู้หญิง เส้นผมบริเวณหน้าผากมักไม่ถอยร่นเหมือนในผู้ชาย
ภาวะนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างพันธุกรรมและการมีอยู่ของฮอร์โมนเพศชาย โดยเฉพาะฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (DHT) ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ฮอร์โมน DHT จะเกาะกับรากผมและทำให้รากผมมีขนาดเล็กลง ซึ่งทำให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมสั้นลงและสุดท้ายทำให้ผมร่วง
โรคผมบางกรรมพันธุ์ แบบไหนต้องรีบพบแพทย์
  • ผมร่วงมากกว่าปกติ
  • ผมบางลงเรื่อย ๆ
  • เส้นผมบางลง ผมขึ้นช้า
  • ผมแห้งและขาดความมีชีวิตชีวา
อาการโรคผมบาง ที่ควรรีบพบแพทย์
  • ผมร่วงอย่างรวดเร็ว หากผมร่วงในปริมาณมากภายในระยะเวลาสั้น ๆ
  • ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ อาจเป็นสัญญาณของโรคผมร่วงชนิดอื่นที่ไม่ใช่กรรมพันธุ์
  • มีอาการคันหรือระคายเคืองบนหนังศีรษะ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาผิวหนังอื่น ๆ
  • ผมร่วงร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น อ่อนเพลีย น้ำหนักลด หรือมีไข้
  • ผมร่วงในวัยเด็กหรือวัยรุ่นตอนต้น อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
  • ผมร่วงหลังจากเริ่มยาใหม่ อาจเป็นผลข้างเคียงจากยา
การสังเกตอาการเหล่านี้และพบแพทย์เมื่อมีความผิดปกติจะช่วยในการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ การปรึกษาแพทย์ยังช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและแยกแยะระหว่างโรคผมบางกรรมพันธุ์กับโรคผมร่วงชนิดอื่น ๆ ได้
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงโรคผมบางกรรมพันธุ์
ผมร่วงเกิดจากอะไร ? สาเหตุหลักของโรคผมบางกรรมพันธุ์ คือ การถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่ได้รับมาจากทั้งพ่อหรือแม่ อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยที่สามารถมีอิทธิพลต่อการเริ่มต้นและการพัฒนาของภาวะนี้ได้
สาเหตุ โรคผมบางกรรมพันธุ์
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเพศชาย โดยเฉพาะ DHT มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผมร่วง ฮอร์โมนเหล่านี้จะส่งผลต่อรากผม ทำให้วงจรการเจริญเติบโตสั้นลงและระยะพักนานขึ้น ส่งผลให้ผมบางลง
  • อายุโอกาสในการพัฒนาโรคผมบางกรรมพันธุ์เพิ่มขึ้นตามอายุ โดยมักเริ่มในช่วงปลายวัยรุ่นถึงวัยยี่สิบต้น ๆ ในผู้ชาย และหลังวัยหมดประจำเดือนในผู้หญิง
  • ประวัติครอบครัว ประวัติครอบครัวที่มีภาวะศีรษะล้านเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ หากพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายของคุณมีโรคผมบางกรรมพันธุ์ คุณก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคนี้
  • โรคประจำตัวบางอย่าง ภาวะทางการแพทย์บางอย่าง เช่น กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ (PCOS) ในผู้หญิง สามารถทำให้โรคผมบางกรรมพันธุ์แย่ลงได้เนื่องจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน
ทางเลือกในการรักษาโรคผมบางกรรมพันธุ์
แม้ว่าโรคผมบางกรรมพันธุ์จะเป็นภาวะเรื้อรัง แต่ก็มีรักษาผมบางหลายวิธีที่สามารถช่วยชะลอการสูญเสียเส้นผม และในบางกรณีอาจช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมได้ ทั้งนี้ประสิทธิภาพของการรักษาโรคผมบางกรรมพันธุ์ เหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
  • ยารับประทานสามารถช่วยชะลอการสูญเสียเส้นผมและกระตุ้นการงอกของเส้นผม การใช้ยาต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อคงสภาพของเส้นผมและทำให้เส้นผมดูหนาขึ้น
  • การบำบัดด้วยเลเซอร์ความเข้มข้นต่ำ (Low-level laser therapy – LLLT) การกระตุ้นรากผมด้วยแสง LLLT เป็นการใช้เลเซอร์เข้าไปกระตุ้นรากผมและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม ครั้งละประมาณ 30 นาที เป็นทางเลือกการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดและเหมาะสำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิง
  • การปลูกผม การปลูกผมเป็นการนำรากผมจากบริเวณที่มีผมหนา (มักเป็นด้านหลังหรือด้านข้างของศีรษะ) มาปลูกในบริเวณที่ศีรษะล้าน เช่น 1. เทคนิค FUT (Follicular Unit Transplantation) : เป็นการปลูกผมโดยผ่าตัดนำชิ้นหนังศีรษะบางส่วนออกมา แล้วทำการคัดแยกเซลล์รากผมด้วยกล้องจุลทรรศน์ หลังจากนั้นจะนำเซลล์ผมที่ได้ไปปลูกบริเวณที่ต้องการ 2. เทคนิค FUE (Follicular Unit Excision) : เป็นการปลูกผมโดยการใช้เครื่องเจาะขนาดเล็ก ประมาณ 0.8 – 1.0 มิลลิเมตร เจาะผ่านหนังศีรษะและดึงเซลล์รากผมออกมาโดยตรง
  • การบำบัดด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet-rich plasma – PRP) การบำบัดด้วย PRP คือการฉีดพลาสมาเกล็ดเลือดที่ได้จากเลือดของผู้ป่วยเองเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและเพิ่มความหนาของเส้นผม
  • การปรับโภชนาการ โดยส่วนใหญ่ผู้ปัญหาผมร่วง ผมบางจะอยากรู้ว่า ผมร่วงเยอะมาก ต้องกินอะไร ? ในเบื้องต้นการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ อย่าง โอเมก้า-3 และวิตามิน D จะช่วยให้เส้นขนเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ตลอดจนการจัดการกับความเครียด ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ หรือโยคะ และหลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์ผมที่รุนแรง ก็จะสามารถรักษาสุขภาพผมโดยรวมและชะลอการร่วงของเส้นผมได้
สุดท้ายการเลือกวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ความพึงพอใจส่วนบุคคล และคำแนะนำจากแพทย์ โดยทั่วไปการรักษามักใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6-12 เดือนจึงจะเห็นผลชัดเจน
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 3
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/health/care/6196
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา