5 ม.ค. เวลา 04:08 • ปรัชญา
ตามความเข้าใจส่วนตัว ( ที่ไม่ใช่ผู้รู้ )
.
การใช้ความคิด เป็นการใช้สมองปรุงข้อมูลที่เจ้าของสมองสะสมมาตั้งแต่เกิด ออกมาเป็นผลลัพธ์ ซึ่งจะทำให้ผลที่ออกมาจากความคิดของคนแต่ละคน มีความแตกต่างกัน แม้จะคิดในเรื่องเดียวกัน
.
ในทางโลก ก็จะออกมาเป็นเรื่องของปัจเจก เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลที่มีความต่าง
.
แต่ในทางธรรมที่คนต้องการเข้าถึง ”ความจริงแท้” หรือ “ความจริงสูงสุด” ที่มีเพียงหนึ่งเดียว ไม่สามารถใช้สมองหรือใช้ความคิดได้ ด้วยปัจจัยข้างต้น
.
ดังนั้นผู้ที่พอจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร จะพยายามลดการใช้ความคิด ( อันมาจากสมอง ) และใช้ใจในการรับรู้สิ่งต่างๆแทนค่ะ
" การรับรู้ที่ปราศจากการตีความหมายและประเมินค่าลงในสิ่งต่างๆ คือ การเจริญวิปัสสนาในขั้นละเอียด "
(ปัญญาญาณเกิดจากธาตุรู้หรือจิต)
.
มิใช่เกิดจากสมองที่เป็นพื้นที่ของสัญญา ที่มักจะประมวลผลลงความเห็นไปตามความทรงจำ
.
และการรับรู้ที่ผ่านสมองไม่ใช่การรับรู้ที่เป็นความจริง เพราะความจริงนั้นอยู่เหนือเหตุผล สมองจึงไม่สามารถรับรู้ได้
.
เมื่อการเจริญวิปัสสนามาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านพึงปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ อย่าได้ไปแทรกแซงดัดแปลงแก้ไขใดๆ วางเหตุวางผลลงทั้งหมด
.
จิตเขาจะดำเนินไปเอง นี่เป็นความรู้ขั้นละเอียดแล้ว
(ความรู้ในละดับเหตุผลเป็นขั้นเบื้องต้น)
.
ความเข้าใจใดๆในความจริงของรูปธรรมนามธรรมจะซึมซาบเข้าไปที่ธาตุรู้(จิต)
แล้วจิตจะปฏิวัติตัวไปเอง เขาจะเพิกถอนความยึดถือในสิ่งต่างๆลงด้วยตัวเขาเอง
.
จิตจะหลุดพ้นได้ด้วยตัวเอง ไม่ได้เกิดจากการที่ใช้เจตนาในการช่วยให้จิตหลุดพ้น
.
" การเจริญวิปัสสนา คือการรับรู้โดยปราศจากการเลือกอารมณ์ รู้ซื่อๆตรงๆ รู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยความเป็นกลาง
ไม่หนีไม่สู้ รับรู้อย่างที่มันเป็น รู้เท่าที่รับรู้ได้ สักแต่ว่ารู้
.
" เคล็ดวิชาสำหรับการเจริญวิปัสสนา คือให้เห็นผู้สังเกตคือสิ่งที่กำลังถูกสังเกต
เมื่อนั้นความเห็นว่าเป็นตัวตนของตน จะไม่มีที่อิงอาศัย
แล้วท่านจะพบว่าตัวเองคือความว่างเปล่ามาตั้งแต่แรกแล้ว
เพียงแต่ว่าธรรมชาติเขากำลังหลงธรรมชาติกันเองเท่านั้น ไม่เคยมีท่านที่เกิดมาตั้งแต่แรกแล้ว มีแต่ธาตุตามธรรมชาติล้วนๆ "
#ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมนะครับ❤️🙏
Fb : พลังแห่ง ความเงียบ
โฆษณา