ทำไมเราถึงโกรธ? ,แก้นิสัยขี้โมโห ?
เมื่อเราโกรธ มือ แขนขา หน้า กรามและทั้งลำตัว จะเกร็ง การหายใจจะสั้นและถี่ เมื่อเราโกรธมากพอ สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีอยู่ 3 ทาง
หนึ่ง จัดการกับสิ่งที่ทำให้เราโกรธ เช่น ด่าทอคนที่แซงคิวเรา
สอง เอาความโกรธมาลงกับตัวเอง ทำร้ายร่างกายตัวเอง ด่าทอตัวเองที่ไม่ดีพอ
สาม เอาความโกรธไปลงกับคนอื่น ทั้งเพื่อนร่วมงานและคนที่คุณรักโดยคิดว่าถ้าเราระเบิดใส่เขาคงจะไม่เกิดอะไรขึ้น
เราคิดว่าถ้าได้ระบายความโกรธมันคงเบาลง ทว่ามันเป็นเพียงการราดน้ำมันใส่กองไฟแห่งความโกรธและสร้างนิสัยขี้โมโหให้กับสมอง
สุดท้ายผลจากการได้ระบาย จะเหลือเพียงแค่ภาพลักษณ์ หน้าที่การงาน ความสัมพันธ์ที่พังทลายและเซลล์สมองที่ลดลง คุณหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ถ้าคุณรู้ว่า ทำไมคุณถึงโกรธ และ จะจัดการความโกรธอย่างไร ซึ่งเราจะมาพูดกันในบทความนี้
ทำไมเราถึงโกรธ ?
ความโกรธ = สิ่งเร้า x ทัศนคติ x ลักษณะนิสัยและบุคลิก
เช่น ถ้าคิดว่าตัวเองทำงานดี ชอบการแข่งขัน ต้องการความเคารพ เมื่อมีคนมาบอกว่าคุณทำงานห่วย คุณมีแนวโน้มจะรู้สึกโกรธและตะคอกใส่ โดยเฉพาะกับคนที่คุณคิดว่าต่ำกว่าคุณและถ้าระเบิดใส่เขาคงไม่เป็นไร
ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไร้ความสามารถ ไม่ต้องการความเคารพ เพราะแค่ใช้ชีวิตกับค่าแรงขั้นต่ำมันก็เหนื่อยอยู่แล้ว ถ้ามีคนบอกว่าคุณทำงานแย่ คุณจะปล่อยผ่านและอาจไม่รู้สึกอะไร
มีหลายสิ่งที่กระตุ้นให้เราโกรธ แต่เราจะโกรธก็ต่อเมื่อ เรามองว่ามันไม่ควร ไม่ยุติธรรม ควรถูกต่อว่าและลงโทษโดยมีนิสัยเราเป็นตัวเร่ง
จึงมีคนบางประเภทที่โกรธง่ายกว่าคนทั่วไป พวกเขามักมีลักษณะนิสัย หลงตัวเอง ชอบการแข่งขัน ไม่ทนต่อความหงุดหงิด บ้างอาจมีความโกรธสะสมไว้อยู่แล้ว
“ความโกรธเกิดขึ้นเมื่อเราคาดหวังสิ่งที่ไม่ควรถูกคาดหวัง”-Seneca(นักปรัชญา)
ทัศนคติเหล่านี้มีผลทำให้โกรธง่ายกว่าคนทั่วไป โดยมีแก่นของนิสัยตามวลีข้างต้น
คนเหล่านี้มองว่าตัวเองมีสิทธิเหนือคนอื่น สนใจสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม เช่น พฤติกรรมคนอื่น เน้นจัดการอารมณ์ด้วยการควบคุมสถานการณ์ เชื่อว่าตัวเองเป็นหุ่นเชิดให้กับความโกรธจึงควบคุมตัวเองไม่ได้ ปฏิเสธการมองโลกในมุมอื่น ไม่ทนต่อความอึดอัด อีโก้เปราะบาง
แก้นิสัยขี้โมโห
ผมจะแนะนำวิธีแก้ ลำดับตั้งแต่แบบฉับพลันหายโกรธทันที และแบบระยะยาวที่ต้องฝึกฝน
## ผ่อนคลาย
ลองนึกถึงหน้าของคนที่คุณเกลียด วีรกรรมที่คุณไม่ชอบ และลองกำหมัดกัดฟัน หายใจสั้นๆถี่ๆ เริ่มโกรธแล้วใช่ไหม ? ร่างกายกับจิตใจทำงานผสานกันตลอดเวลา จิตใจที่เครียดจะทำให้ร่างกายเกร็ง การหายใจจะสั้นและถี่ ในทางกลับกันหากร่างกายผ่อนคลาย จิตใจจะผ่อนคลายตาม ดังนั้นเบื้องต้นควรผ่อนคลายร่างกายส่วนที่เกร็ง
## หายใจเข้าลึกๆ
ลองหายใจเข้าทางจมูก จนรู้สึกกระบังลมยกตัว 4 วินาที กลั้นหายใจ 7 วินาที และหายใจออกทางปาก 8 วินาที ทำแบบนี้ 4 ครั้งติดต่อกัน คุณจะรู้สึกใจเย็นลง มีสมาธิมากขึ้น
## จดบันทึก/ปรับมุมมอง
ถ้าคุณขับรถอยู่ แล้วโดนกระบะปาดหน้าคงจะหงุดหงิด แต่เมื่อคุณขับประกบและเห็นคนที่นั่งบนกระบะ กำลังร้องไห้หามคุณยายที่โดนมีดปักคอไปส่งโรงพยาบาล คุณคงโกรธไม่ลง
เรามองสถานการณ์แต่ในมุมของตัวเอง คงไม่แปลกถ้าจะคิดว่าตัวเองถูกและอีกฝั่งผิดจนต้องถูกด่าทอ ดังนั้นเพื่อจะละมุมมองของเรา ขอให้จดบันทึกและตอบคำถามเหล่านี้ คุณต้องการอะไรจากความโกรธนั้น ? อีกฝ่ายมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำให้คุณโกรธ ? เมื่อคุณละอัตตาลงและมองเห็นเหตุผลของอีกฝ่าย ความโกรธคุณแทบจะดับไป และเมื่อเกิดเหตุการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นอีก คุณจะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อสถานการณ์จนไม่โกรธอีกเลย
## นั่งสมาธิ
มีงานวิจัยพบว่า เมื่อคุณทำสมาธิ 15 นาที/วัน เพียงเวลา 2 อาทิตย์ สมองส่วนหน้า(Neo Cortex) ที่ใช้ควบคุมพฤติกรรมจะพัฒนา ฮอร์โมนserotoninที่ใช้ควบคุมอารมณ์จะเพิ่มขึ้น ลดขนาดสมองส่วนสัญชาตญาณ(Amgdala) ที่ทำให้คุณระบายความโกรธลง ทำให้นอกจากสมาธิที่เพิ่มแล้วคุณจะอารมณ์ดีขึ้น
ความโกรธเหมือนไฟป่า ที่จะเผาทุกสิ่งเมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์ ตัวคุณ คนรอบตัว คุณต้องสร้างแนวกันไฟ ด้วยนิสัยจัดการความโกรธ ต้องรู้ว่าตัวเองมีทัศนคติหรือความต้องการอะไรที่ทำให้โกรธ รู้สิ่งที่กระตุ้นตัวเอง รู้วิธีจัดการความโกรธ เพื่อป้องกันตัวคุณและคนที่คุณรักจากไฟป่านั้น
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
