23 ม.ค. เวลา 10:14 • การศึกษา

🕑หลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า จาก 'เบนจามิน เกรแฮม' ที่ไม่เคยเลือนหายไปตามกาลเวลา🔥

🌿นักลงทุนในปัจจุบันต่างมุ่งเน้นไปที่การคาดการณ์อนาคต จนทำให้พวกเขาจ่ายเงินล่วงหน้าไปมากมายแล้ว และกลายเป็นว่าต่อให้สิ่งที่คาดการณ์ได้เกิดขึ้นจริงๆ พวกเขาก็ยังไม่ได้กำไรอยู่ดี
🌿การที่จะสร้างผลตอบแทนให้เหนือกว่าค่าเฉลี่ยได้ในระยะยาว คุณต้องมีคุณสมบัติสองข้อคือ "มีความสมเหตุสมผล และมีแนวทางที่แตกต่างไปจากนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาด"
🌿“ภูมิปัญญาของนักลงทุนคือ การเสาะหาความแตกต่างระหว่างมูลค่าและราคาหุ้น”
🌿ราคาหุ้นจะดีขึ้นหรือแย่ลงนั้น ขึ้นอยู่กับ “ผลการดำเนินงานของธุรกิจ” ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
🌿“ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยจะเป็นส่วนต่างระหว่างราคาหุ้นและมูลค่าที่เหมาะสม” บทบาทสำคัญของ “ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย” ก็คือทำให้การคาดการณ์อนาคตได้อย่างแม่นยำกลายเป็นเรื่องไม่จำเป็น
🌿คุณควรซื้อหุ้นก็ต่อเมื่อมันเป็นหนทางสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจชั้นเยี่ยมในราคาถูกเท่านั้น แม้ว่าคนอื่นๆจะแห่กันไปในทิศทางใดก็ตาม
🌿จงเชื่อมั่นในความรู้และประสบการณ์ของคุณเอง หากคุณได้ข้อสรุปและรู้ตัวว่าคุณได้ใช้วิจารณญาณอย่างสมเหตุสมผลแล้ว ลงมือทำตามข้อสรุปนั้น แม้ว่าคนอื่นจะเห็นต่างจากคุณก็ตาม ในโลกการลงทุน ความเชื่อมั่นเป็นคุณสมบัติที่สำคัญถัดจากความรู้และวิจารณญาณซึ่งได้รับการทดสอบแล้ว
🌿การได้ผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจในโลกการลงทุนเป็นเรื่องง่ายกว่าที่ผู้คนส่วนใหญ่คิด แต่การแสวงหาผลตอบแทนชั้นเลิศสูงกว่าค่าเฉลี่ยเป็นเรื่องยากกว่าที่คุณเห็น
🌿บริษัทที่ดีจะไม่ใช่การลงทุนที่ดี หากคุณจ่ายเงินซื้อหุ้นมาในราคาที่แพงเกินไป
🌿ประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่าผู้แพ้ของวันวานมักกลายเป็นผู้ชนะของวันพรุ่งนี้อยู่บ่อยครั้ง
🌿นักลงทุนมืออาชีพจะไม่หลงคิดไปเองว่าความผันผวนของตลาดหุ้นรายวันหรือรายเดือนนั้นจะส่งผลให้พวกเขาร่ำรวยขึ้นหรือยากจนลง คุณต้องใช้จิตใจอันเข้มแข็งเพื่อเหนี่ยวรั้งตัวเองเอาไว้ไม่ให้ลงมือทำอะไรตามฝูงชน
🌿"ความเสี่ยงอยู่ที่ตัวคุณเอง" การลงทุนควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของการป้องกันการซื้อหุ้นมาในราคาแพงเกินไป และป้องกันไม่ให้คุณมั่นใจในมุมมองของตัวเองมากเกินไป นี่คือแนวทางที่ดีที่สุด
🌿คุณจะรู้สึกมีอำนาจควบคุมมากขึ้น หากคุณตระหนักว่ามีอะไรอีกมากมายหลายอย่างที่คุณควบคุมไม่ได้ คุณควรมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายทางการเงินในระยะยาวของคุณ และหยุดสนใจอารมณ์ขึ้นๆลงๆของตลาด
🌿สาเหตุหลักของความล้มเหลวสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ก็คือ “การใส่ใจต่อภาวะตลาดมากเกินไป”
🌿สุดท้ายแล้วเป้าหมายการลงทุนไม่ใช่การได้เงินมากกว่าค่าเฉลี่ย แต่เป็นการได้เงินในจำนวนที่มากพอต่อความต้องการของคุณซึ่งได้วางแผนไว้แล้ว วิธีการวัดความสำเร็จทางการลงทุนที่ดีที่สุดคือการพิจารณาว่าคุณมีแผนการลงทุนและวินัย ซึ่งจะนำพาคุณไปสู่จุดหมายที่คุณต้องการแล้วหรือยัง?
🌿พอร์ตการลงทุนที่ประกอบไปด้วยหุ้นสามัญทั้ง 100% จะเหมาะสมกับนักลงทุนที่กันเงินสดแยกออกมาในจำนวนที่มากเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายของตัวคุณเองและครอบครัวเป็นเวลาอย่างน้อย 1 – 3 ปี
🌿การมีเป้าหมายว่าจะลงทุนอย่างต่อเนื่องยาวนานไปอีก 20 ปีข้างหน้า และสามารถทนทานต่อวิกฤติเศรษฐกิจหรือภาวะตลาดหมี นั่นคือไม่ได้ขายหุ้นทิ้งออกไป กลับกันคือการเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มในภาวะวิกฤติ สุดท้ายคือการมีเป้าหมายและแผนการลงทุนอันชัดเจนเพื่อควบคุมพฤติกรรมการลงทุนของคุณเอง
🌿หลีกเลี่ยงการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพต่ำ หุ้นสามัญที่เพิ่ง IPO และหุ้นซึ่งมีอดีตอันสวยงามแต่ปัจจุบันผลการดำเนินงานแย่ลงเรื่อยๆ
🌿คุณควรระมัดระวังหุ้นที่เพิ่ง IPO ให้ดี เพราะมักเกิดความพยายามเสนอขายในราคาที่แพงกว่าพื้นฐานเสมอ "ดีสำหรับผู้ขาย แย่สำหรับผู้ซื้อ" เราไม่แนะนำให้คุณซื้อตราสารหนี้ต่างประเทศและหุ้น IPO ในราคาที่เต็มมูลค่าหรือราคาพาร์ คุณควรเข้าซื้อในราคาถูกเท่านั้น นั่นคือระดับราคาไม่เกินสองในสามของมูลค่าพื้นฐานที่คุณประเมินออกมาได้
🌿อย่าลงทุนในหุ้นโตเร็ว หากอนาคตอันสดใสนั้นได้สะท้อนอยู่ในระดับราคาตลาด ณ ปัจจุบันจนหมดสิ้นแล้ว เราเชื่อว่า P/E ของหุ้นโตเร็วไม่ควรมากกว่า 20 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิเฉลี่ย 7 ปีย้อนหลัง (และ P/E ไม่เกิน 25 เท่าสำหรับนักลงทุนเชิงรับ)
🌿การใช้กำไรสุทธิเฉลี่ยย้อนหลังกลับไปหลายๆปี จะช่วยลดความผิดพลาดอันเกิดจากการที่คุณให้คุณค่าแก่บริษัทสูงเกินไป ตลาดหุ้นจะโหดร้ายที่สุดกับบริษัทเติบโตที่อยู่ๆก็รายงานผลประกอบการซึ่งกำไรลดลง ความคาดหวังสูงๆจะนำไปสู่ความผิดหวังที่รุนแรงกว่าปกติในกรณีที่มันไม่เป็นไปตามคาด มันเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
🌿นักลงทุนที่ฉลาดจะไม่สนใจหุ้นโตเร็วขนาดใหญ่ ตอนที่พวกมันได้รับความนิยมสูง แต่จะเริ่มสนใจหุ้นเหล่านี้ก็ต่อเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดพลาดเกิดขึ้น
🖋️Benjamin Graham, 1894-1976
ขอให้มีความสุขกับการลงทุน ในทุกๆวันนะครับ 🙂
โฆษณา