19 ก.พ. เวลา 03:20 • หนังสือ

🧠ซีรีย์เมื่อฉันเป็นโรคทางสมอง🧠 💦Episode 03:เหมือนทุกสิ่งคงหมุนไปแต่ตัวเรากลับหยุดนิ่ง

💦Episode 03:เหมือนทุกสิ่งคงหมุนไปแต่ตัวเรากลับหยุดนิ่ง
🌈...ห้องแรกที่ผมได้เข้าไป คือห้องสำหรับเคสฉุกเฉิน เป็นห้องที่ผมไม่เคยคิดหรือฝันเอาไว้เลยว่าจะมีโอกาสได้เข้ามาในนี้ด้วยสถานการณ์เป็นผู้ป่วยหนักซะเอง
ในชีวิตของผมมีหลายครั้งที่ได้มาที่ห้องนี้ (แต่เป็นแค่หน้าห้อง) เพื่อมาให้กำลังใจดีๆให้กับญาติของผู้ป่วย หรือมาที่นี่แล้วอธิษฐานวิงวอนกับพระผู้สร้าง เพื่อส่งพลังดีๆให้กับผู้ป่วย เป็นบทบาทประจำที่ตัวผมเคยทำบ่อยๆ คือการพยายามเป็นผู้ให้ส่งพลังดีๆออกไปให้คนอื่น
แต่ตอนนี้บทบาทของผมนั้น ได้เปลี่ยนไปเป็นผู้รับพลังงานดีๆจากคนอื่นบ้างแล้ว ซึ่งผมขอขอบคุณทุกๆคนที่มาในวันนั้นจากใจจริง รวมถึงทุกคนที่แม้ตัวจะไม่อยู่ที่นั่น แต่ส่งพลังงานดีๆ อธิษฐานวิงวอนด้วยความเชื่อในทุกสิ่งที่ทุกคนศรัทธา ที่เต็มไปด้วยความรักที่มีต่อผมอย่างใจจริง โปรดจงรับรู้ไว้ว่า ตัวผมนั้นรับรู้และสัมผัสได้เสมอครับ
🐵...ผมจำไม่ได้หรอกว่าได้เข้าไปในห้องนั้นนานเท่าไร แต่แน่นอนว่ามันคือห้องฉุกเฉิน นอกจากเตียงของผมแล้วยังมีเตียงอื่นๆอีก ผมจำได้ว่าผมได้เห็นเตียงนึง เป็นผู้ชายวัยกลางคน ตัวเขานอนอยู่ที่เตียง มีอาการกระตุกชักอยู่ตลอดเวลา ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าเขาโดนอะไรมาหรือเป็นโรคเดียวกับผมไหม ในขณะที่อีกเตียงนึงคนป่วยนอนแน่นิ่งสนิท โดยมีเจ้าหน้าที่พยายามช่วยกันปั้มหัวใจอยู่ ซึ่งผมจำไม่ได้และไม่สนใจเลยว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกันนะ
ในจิตใจผมตอนนั้น มันไม่ได้รีบเร่งอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองในตอนนั้น ต้องการยังไงกันแน่จากสิ่งที่เกิดขึ้น
😲ว่าอยากให้ตัวเองได้มีชีวิตอยู่ต่อหรืออยากที่จะจากไปดี (ซึ่งน่าจะอยากจากไปดีกว่า)
เพราะข้างในตอนนั้นมันรู้สึกว่า ชีวิตของผมนี่มันช่างเหนื่อยเหลือเกิน สี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ต้องสู้อดทนอะไรมาก็เยอะ ถ้าได้อยู่ต่อคงต้องสู้อดทนต่อไปอีกจากอาการทางร่างกายที่ตามมา ภาวะจิตใจตอนนั้น มันเหมือนว่า ทุกสิ่งรอบตัวมันหมุนต่อไป แต่ตัวเราเหมือนกลับหยุดนิ่ง
ในตอนที่ผมนอนแล้วคิดจิตใจวนไปวนมาอยู่นั้น ผมก็มองเห็นกลุ่มคนอีกบทบาทหนึ่ง ที่รับบทบาทในการเป็น แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ในห้อง ทุกคนนั้นรีบเร่งเพื่อดำเนินขั้นตอนรักษาผมให้พ้นวิกฤต มีทั้งแวะมาที่เตียงผมเพื่อซักถามอาการก่อนเป็นต่างๆ ทั้งเสียบสายวัดความดันโลหิต วัดการเต้นของหัวใจ (ผมมีสติตลอดตอนที่เป็น)
ผมเห็นได้เลยว่าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ในตอนนั้นผมก็เริ่มคิดในใจว่า ผมคงไม่ได้จากไปแล้วล่ะ คงต้องสู้อดทนในชีวิตต่อไป อย่างน้อยก็เพื่อพี่ๆเจ้าหน้าที่ทุกคน (แอบผิดหวังเสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้จากไป ฮ่าๆ😁😁)
ผ่านไปสักพักเขาก็ย้ายผมไปเพื่อทำการสแกนสมอง เพื่อประเมินรอยโรคว่าจะต้องทำการผ่าสมองหรือไม่ ซึ่งผลออกมาคือว่าผมไม่ต้องเข้ารับการผ่าสมอง เขาจึงส่งผมเป็นผู้ป่วยในเพื่อรักษาอาการที่เป็นต่อไป…
🟢หมายเหตุ🟠
👉ตรงนี้หลายคนเข้าใจผิดว่าเมื่อเป็นต้องถูกผ่าตัดทุกคน พอหมอไม่ผ่าให้ก็ไปตำหนิหรือต่อว่าพวกคุณหมอเขาเพราะไม่เข้าใจจริง
ซึ่งผมอยากจะบอกว่าถ้าไม่ต้องผ่าตัด ที่จริงคุณต้องดีใจต่างหาก ที่คุณโชคดีกว่าอีกหลายคนที่ต้องผ่าตัด เพราะจากการที่ผมศึกษาภายหลังได้เข้าใจว่า ที่ทางแพทย์เขาตัดสินจะผ่าตัด เพราะว่าเคสของคุณยังไม่ชัดเจนระหว่าง อาการหนักกับอาการเบา
เขาจึงเลือกทำการผ่าตัดเพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของคุณนั่นเอง คือว่าถ้าอาการหนักมาก เขาก็จะไม่เสี่ยงที่จะทำการผ่าตัด เพราะมันจะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้น หรือถ้าอาการเบาไม่รุนแรงก็ไม่จำเป็นต้องผ่าให้คนป่วยต้องเจ็บตัวและเพิ่มความเสี่ยงจากอาการแทรกซ้อนต่างๆอีก ร่างกายเราไม่มีแผลคือดีมากแล้ว
✍️ Write by Heavy ✍️
#เมื่อฉันเป็นโรคทางสมอง #บทความ
#เรื่องเล่า #ประสบการณ์ชีวิต #แค่คิดแล้วเขียน #เส้นเลือดในสมองแตก #เรื่องสั้น #ปรัชญาชีวิต

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา