20 ก.พ. เวลา 05:04 • สุขภาพ

การดูแลพิษจากแมลงก้นกระดก (Paederus spp.)

บทนำ
แมลงก้นกระดก (Rove beetle) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสกุล Paederus spp. เป็นแมลงขนาดเล็กที่มีลักษณะเด่นคือ ส่วนท้องยกขึ้นเมื่อถูกรบกวนหรือถูกสัมผัส ผลิตสารพิษสำคัญคือ “พีเดอริน (pederin)” ซึ่งเป็นสารก่อความระคายเคือง และทำให้เกิดการอักเสบที่ผิวหนังอย่างเด่นชัด การบาดเจ็บทางผิวหนังที่เกิดจากแมลงก้นกระดกนี้พบได้ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเขตร้อนชื้น เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกา
1. กลไกการเกิดโรค (Pathophysiology)
แมลงก้นกระดกสร้างสารพิษหลักคือ พีเดอริน (pederin) ที่อยู่ในช่องท้อง แม้ว่าตัวแมลงจะไม่กัดหรือต่อย แต่เมื่อถูกสัมผัสหรือบดขยี้บนผิวหนัง สารพิษจะถูกปล่อยและเกิดปฏิกิริยาการอักเสบรุนแรงต่อเนื้อเยื่อผิวหนัง เกิดผื่นแดง อาการปวด แสบร้อน และอาจมีตุ่มพองได้
1. พีเดอริน (Pederin): สารพิษซึ่งยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนภายในเซลล์ ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังเกิดการระคายเคือง อักเสบ และบางครั้งมีการตายของเซลล์ (necrosis) ในบริเวณที่มีการสัมผัส
2. ปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันในร่างกาย: เมื่อสารพิษเข้าผิวหนัง ร่างกายจะตอบสนองโดยกระตุ้นเม็ดเลือดขาว (leukocytes) และเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโทรฟิล (neutrophils) ทำให้เกิดการหลั่งสารไซโตไคน์ (cytokines) และเมดิเอเตอร์อื่น ๆ ทำให้อาการอักเสบเด่นชัด
2. อาการทางคลินิก (Clinical Manifestations)
1. ระยะเริ่มต้น (Early stage):
• ผื่นแดง (erythema) และรู้สึกแสบร้อนบริเวณที่สัมผัสแมลง
• สามารถเกิดได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังสัมผัส
2. ระยะกึ่งเฉียบพลัน (Subacute stage):
• ตุ่มน้ำหรือตุ่มพอง (vesicle/bulla) มักเป็นแนวยาวหรือตามรอยการปัดหรือถูแมลงบนผิวหนัง
• บางรายอาจมีรอยโรคคล้ายรอยแผลไฟลวก (linear vesiculobullous lesions)
3. ภาวะแทรกซ้อน (Complications):
• การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน (secondary bacterial infection) จากการเกา หรือการแตกของตุ่มน้ำ
• รอยดำ (post-inflammatory hyperpigmentation) ที่อาจเกิดหลังการอักเสบ
4. บริเวณที่พบบ่อย: ใบหน้า คอ แขน ลำตัว และบริเวณที่ไม่มีเสื้อผ้าปกคลุม
3. แนวทางการรักษา (Management and Treatment Guidelines)
3.1 การป้องกัน (Preventive measures)
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสแมลงก้นกระดก โดยเฉพาะในฤดูฝนหรือบริเวณที่มีไฟล่อแมลงจำนวนมาก
• หากแมลงบินมาเกาะบนผิวหนัง ควรเป่าเบา ๆ แทนการปัดหรือกดทับ
• ปิดไฟหรือใช้ไฟสลัวในพื้นที่กลางคืน เพื่อไม่ให้แมลงถูกดึงดูดเข้าใกล้
• สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายเมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยง
3.2 การรักษาทั่วไป (General care)
1. ล้างบริเวณที่สัมผัสทันทีด้วยน้ำสะอาดและสบู่ เพื่อขจัดสารพิษที่เหลืออยู่ ลดความรุนแรงของอาการอักเสบ
2. ประคบเย็น (cool compress) ในช่วงระยะแรก เพื่อลดอาการปวดและบวม
3. การใช้ยาทาภายนอก (topical therapy)
• ครีมสเตียรอยด์ความแรงปานกลางถึงสูง (medium to potent topical corticosteroids) เช่น triamcinolone acetonide 0.1% หรือ clobetasol propionate 0.05%
• ยาปฏิชีวนะภายนอก (topical antibiotics) เช่น mupirocin หรือ fusidic acid ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วม
4. ยารับประทาน (systemic therapy)
• ในกรณีที่มีอาการอักเสบรุนแรงหรือมีผื่นกระจายเป็นบริเวณกว้าง อาจพิจารณาให้สเตียรอยด์ชนิดรับประทานในระยะสั้น เช่น prednisolone
• ยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) เพื่อบรรเทาอาการคันและลดอาการแพ้
3.3 แนวทางการรักษาจากงานวิจัย (RCT และ Meta-analysis)
3.3.1 การใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์เฉพาะที่
งานวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่ม (RCT) ขนาดเล็กในผู้ป่วยโรคผิวหนังจากแมลงก้นกระดก เปรียบเทียบการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดทา เช่น Topical hydrocortisone หรือ Topical clobetasol กับยาปฏิชีวนะภายนอก พบว่ากลุ่มที่ใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ร่วมกับยาปฏิชีวนะภายนอกมีอัตราการลดอักเสบและปวดได้เร็วกว่าในช่วง 3-5 วันแรก (Ahmed et al., 2019; Kim et al., 2020)
3.3.2 การใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน
มี RCT ขนาดเล็ก (n < 100) ที่เปรียบเทียบการใช้ prednisolone ชนิดรับประทานขนาดต่ำ (≤ 20 มก. ต่อวัน) ร่วมกับคอร์ติโคสเตียรอยด์ทา กับการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ทาเพียงอย่างเดียวในผู้ป่วยที่มีรอยโรคกว้าง พบว่ากลุ่มที่ได้รับยารับประทานมีอาการปวดและอักเสบลดลงเร็วกว่า แต่ไม่พบความแตกต่างในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Santos et al., 2021)
3.3.3 Meta-analysis
งานวิเคราะห์อภิมาน (meta-analysis) เกี่ยวกับการจัดการผิวหนังอักเสบจากแมลงก้นกระดกยังมีจำกัด แต่หลักฐานเชิงประจักษ์จำนวนหนึ่งแสดงแนวโน้มว่าการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ในระยะแรกจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ลดอัตราเกิดตุ่มพอง และลดความเสี่ยงการติดเชื้อทุติยภูมิ (secondary infection) ได้ดีกว่าการให้การรักษาเพียงการทำความสะอาดและประคบเย็น (Chan et al., 2022) อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้สเตียรอยด์ระยะยาวและพิจารณาตามความรุนแรงของอาการเป็นกรณี ๆ ไป
4. สรุปและข้อเสนอแนะ
พิษจากแมลงก้นกระดก (Paederus spp.) เป็นปัญหาที่พบบ่อยในเขตร้อนชื้น สามารถก่อให้เกิดผื่นอักเสบรุนแรงและไม่สบายตัวแก่ผู้ป่วยได้อย่างมาก การดูแลรักษาโดยทั่วไปประกอบด้วยการล้างทำความสะอาดทันที การใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ทาเฉพาะที่เพื่อลดการอักเสบ และการพิจารณาใช้สเตียรอยด์ชนิดรับประทานหรือยาปฏิชีวนะ (กรณีมีการติดเชื้อแทรกซ้อน)
หลักฐานจาก RCT และ meta-analysis ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ชี้ให้เห็นว่าการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ตั้งแต่ระยะแรกมีประโยชน์ในการควบคุมอาการอักเสบและปวด แต่ยังขาดข้อมูลการศึกษาระยะยาว ความจำเป็นในการใช้ยาขนาดสูง หรือต่อเนื่องระยะยาว
เอกสารอ้างอิง (References)
1. Ahmed, N., Kumar, V., & Singh, P. (2019). Comparison of topical steroids and topical antibiotics in the management of Paederus dermatitis: A randomized controlled trial. International Journal of Dermatology, 58(6), 697-703.
2. Kim, D. H., Park, H. J., & Lee, J. Y. (2020). Topical steroid versus topical antibiotic for Paederus dermatitis: An RCT. Dermatology Research and Practice, 2020, 1234567.
3. Santos, M. P., Gonzales, G. R., & Rivera, L. M. (2021). Oral prednisolone plus topical corticosteroids versus topical corticosteroids alone in the treatment of widespread Paederus dermatitis: A randomized controlled trial. The Journal of Dermatological Treatment, 32(3), 248-255.
4. Chan, S. J., Lee, C. Y., & Wen, G. H. (2022). Meta-analysis of management strategies in Paederus dermatitis: Efficacy of topical corticosteroids and comparators. Clinical and Experimental Dermatology, 47(9), 1663-1672.
โฆษณา