23 ก.พ. เวลา 04:39 • ปรัชญา
..จิตที่เดินทาง เป็นนักท่องเที่ยว .หลงใหลในโลกียะ ..ตื่นรู้ แก้ไข ..ทางเดืนของจิต..ไม่ได้เลย .เกิดที่ไร ..ก็ไม่เคยจับตนค้นตน ที่อาศัยอยู่ในกาย ..จิตไปอาศัยในสังขารกรรมหมูหมากาไก่ .มันก็หมดโอกาส ที่จะใช้สังขารกรรมนั่นมาเรียนรู้ทำเรื่องราวดีๆ .มีแต่กายมนุษย์..ที่สุดประเสริฐ สามารถมาทำให้ ..ตื่นรู้ ให้จิตอาศัยในกายนั้นตื่นขึ้นมา .รู้จักเรื่องราวของอารมณ์ปรุงแต่งกาย นำพาทุกข์หรือสุขให้แก่จิต.
จิตเดิมแท้ ..นั่นพอมันก็ไม่มีอะไร ..พอหลุดจากท้อง ..แม่ ร้องกระแว้ ๆ เรื่องราวความ ..อารมณ์หิว กระหาย อารมณ์อยาก ก็เข้ามา ก็เริ่มเรียนรู้ รูปรสกลิ่นเสียง สัมผัสต่างๆ ที่อารมณ์นั้นปรุงแต่ง ปวดฉี่ก็ร้อง หิวก็ร้อง กระแว้ ..กิน แล้วนอน ร่างกายมันก็โต .มีอาการครบสามสอง ก็เติบโตไป เรียนรู้จำ จดจำมีอาการนึกคิดต่างๆ มีกายใช้กาวาจาใจอะไรต่างๆ มากมาย . มีความยึดถือเกิดขึ้น ยึดเรื่องนั่นเรื่องนี้ สะสมเข้ามา
บ้างก็ว่า มีประสบการณ์ มีความถนัด มีทักษะ มีความเฉลียวฉลาด .สติปัญญา ..ก็เรียนรู้จักไปตามอารมณ์ ..ที่นำพาไป ..ไปเจอเเจอเรื่องนั้นเรื่องนี้ .อุปสรรคต่างๆ เรื่องทำมาหากิน เรื่องที่อยากมีอยากได้ ..ก็ใช้กายนี้ ไปหา . ใช้ไปเรื่อยๆ เสาะแสวงสิ่งที่นั้นสิ่งนี้ มาบำรุงอารมณ์ ตัณหาราคะ โลภโกรธหลงในกายที่อาศัย ก็ทำไปเรื่อย ตื่นมาอไปทำงาน เย็นกลับบ้าน ก็ทำอย่างนี้
.ก็ผ่านเวลามานาน จนจำไม่ได้ ตั้งแต่ร้องกระแวมานี้ ตั้งอตได้อาศัยกายมานนี้ กายที่มันเปลี่ยนแปลงจากร้องกระแว้ ๆ..ไปแก่เฒ่าชรา..มันลงอะไรบ้าง ..เมื่อมีกาย จิตที่อาศัยภายในกาย ก็ลุ่มหลงเพลิดเพลิน ในสิ่งที่ที่ปรุงแต่งกาย ..ยึดกายยึดอารมณ์ นั่นเป็นตัวตนของตนเอง ไม่ตื่นขึ้นมาแล้ว หลับอยู่อย่างนี้ ..จิตที่หลับใหล ไม่ตื่นขึ้นมาได้เลย จากร้องกระแว้ๆ ไปจน หมดลมสุดท้ายที่มาอาศัยเรือนกาย ….
เมื่อก่ายนั้น หมดลม กายมันก็เน่าเหม็น อยู่ไม่ได้แล้ว ต้องไปหาที่อยู่ใหม่ ….เอ..ที่อยู่ใหม่ ไม่รู้ว่า ..จะไปอยู่ที่ไหน ..ได้บ้าง .ไม่รู้ได้เลย ..มันคงเหมือน ๆ ก่อนจะมาเกิด ..ไม่รู้จักว่า เกิด .เกิดที่ไร ก็เกิดแก่เจ็บตาย .ก็เกิดตายๆ นับชาติไม่ได้เลย เวียนว่ายตายเกิดเป็นอสงไขย . ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา..
โฆษณา