Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
26 ก.พ. เวลา 10:43 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 215 อุบายชิงเมืองไก้โจว
ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้ อู๋ย่งกลับมาถึงค่าย อู๋ย่งให้ตามเกิ่งกงขุนพลสามิภักดิ์จากหลิงชวนมาสอบถามเส้นทางและผังเมืองไก้โจว
เกิ่งกงว่า “หนิ่วเหวินจงใช้ที่ว่าการเก่ามาเป็นกองบัญชาการทหารตั้งอยู่กลางเมือง ทางเหนือของเมืองมีศาลเจ้าอยู่หลายแห่ง บริเวณที่ว่างเป็นลานฟางหญ้า”
อู๋ย่งเกิดความคิดจึงบอกอุบายแก่ซ่งเจียงแล้วจัดกลุ่มแบ่งหน้าที่ลับ
แรกคือตามสือเชียน สือสิ้วมาสั่งการเป็นการลับว่า “พวกท่านจงไปยังค่ายฮวาหยงถ่ายทอดคำสั่งลับ แล้วรอปฏิบัติงานตามแผนดังนี้…”
ตามหลิงเจิ้น เซี่ยเจิน เซี่ยเป่าพาทหารสองร้อยนาย นำปืนใหญ่แม่ลูก ไปปฏิบัติดังนี้…
ให้หลู่จื้อเซิน อู่ซงนำทหารสามร้อยนายพร้อมกลองและม้าล่อ ไปปฏิบัติดังนี้…
ให้หลิวถัง หยางสยง วี่เป่าสื้อ ต้วนจิ่งจู้นำพลคนละสองร้อยพร้อมคบไฟ แยกไปยังประตูเหนือใต้ออกตก รอปฏิบัติดังนี้…
ให้ไต้จงไปยังค่ายที่ตั้งล้อมเมืองทั้งสามทิศ ตะวันออก ตะวันตกและใต้ ถ่ายทอดคำสั่ง หากเห็นแสงไฟในเมือง ให้ยกทัพเข้าปีนกำแพงตีเมือง
ทางด้านหนิ่วเหวินจงเฝ้ารอทัพหนุนแต่ไร้วี่แวว กลัดกลุ้มยิ่งนัก ได้แต่สั่งการให้คอยเติมหินทุ่มไม้ทิ้ง เพิ่มทหารขึ้นรักษากำแพงเมือง
ยามโพล้เพล้เย็นวันนั้น ได้ยินเสียงโห่ร้องกึกก้องทางประตูทิศเหนือ เสียงกลองและม้าล่อดังสนั่น หนิ่วเหวินจงรีบขึ้นม้าควบมาดูสถานการณ์ พอมาถึงประตูทิศเหนือ เสียงโห่ร้อง เสียงกลองม้าล่อกลับเงียบลง ไม่เห็นมีกองทัพมาแต่อย่างใด
งุนงงสงสัยอยู่นั้น พลันมีเสียงโห่ร้อง เสียงกลองและม้าล่อทางทิศใต้ หนิ่วเหวินจงสั่งการให้หวีวี่หลินอยู่เฝ้าประตูทิศเหนือ ตนเองรีบควบม้าลงมาทางใต้ พอมาถึง เสียงโห่ร้อง เสียงกลองม้าล่อก็เงียบลง พอมองออกไปทางค่ายทัพซ่งเห็นเงียบเชียบไม่มีแม้แต่แสงไฟ มีแต่เสียงกลองยาม จึงค่อยลงจากกำแพงมา
พลันมีเสียงปืนใหญ่ยิงเป็นชุดทางตะวันออก เสียงโห่ร้อง และเสียงกลองทางตะวันตก หนิ่วเหวินจงควบไปทางตะวันออกมาตะวันตก พอดีฟ้าสาง ทัพซ่งทั้งสามก็เริ่มเข้าตีเมืองอีก พอตกเย็นก็ถอยกลับ
คืนวันที่สองเวลายามสอง ได้ยินเสียงโห่ร้องและเสียงกลองอีก หนิ่วเหวินจงถูกปั่นหัวมาทั้งคืนทั้งวันจึงคิดว่า “มาหลอกข้าอีกแล้ว ไม่ต้องไปสนใจ ให้พวกทหารรักษาหน้าที่บนกำแพงเมืองให้แน่นหนาก็พอ”
พลันมีทหารมารายงานว่ามีแสงคบไฟไม่รู้จำนวนสว่างจ้าทางประตูตะวันออก เห็นเข็นหอคอย บันไดเข้ามาจะปีนเมือง หนิ่วเหวินจงรีบขึ้นม้ามาพร้อมกับฉู่เฮิง สือจิ้ง ฉินเซิง กำกับทหารให้ทิ้งหินยิงธนูไฟ ระหว่างนั้นก็มีเสียงปืนใหญ่ดังสนั่นจนหุบเขาสะเทือน ทหารในเมืองต่างขวัญหนีดีฝ่อ พอฟ้าสาง ทัพซ่งสามทิศก็เข้ามาล้อมตีเมืองอีก ทหารไม่เป็นอันได้หลับได้นอนมาสองคืน
หนิ่วเหวินจงขี่ม้าตรวจตราบนกำแพง มองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเห็นธงทิวแน่นขนัดกำลังมุ่งมาทางตะวันออกเฉียงใต้ เห็นทหารม้าสอดแนมทัพซ่งสิบกว่านายควบม้าหนีกลับค่าย หนิ่วเหวินจงเชื่อว่าเป็นทัพหนุนยกมาช่วยจึงบอกหวีวี่หลินให้เตรียมตัวออกไปรับทัพเข้าเมือง
กองทัพที่ยกมาทางตะวันตกเฉียงเหนือ คือทัพจากเมืองจิ้นหนิง 晋宁 อ๋องใหญ่ที่สามเถียนเปียว 三大王田彪 น้องชายเถียนหู่ พอได้รับหนังสือขอความช่วยเหลือก็ใช้ให้ขุนพลใต้บังคับบัญชา เฟิ่งเสียง 凤翔 หวางหย่วน 王远 นำพลสองหมื่นมาช่วย
เดินทัพผ่านหยางเฉิงมุ่งมาไก้โจว เหลือระยะทางอีกเพียงสิบกว่าลี้ พลันมีเสียงปืนใหญ่สัญญานดัง มีทัพยกมาจากเนินสูงและป่าทึบทั้งซ้ายขวากระหนาบเข้ามา คือพวกสื่อจิ้น จูถง มู่หง หม่าหลิน หวงซิ่น ซุนลี่ โอวเผิง เติ้งเฟยทั้งแปดกับทหารหนึ่งหมื่นที่มานอนซุ่มรอนับสิบวัน ทัพจิ้นหนิงแม้จะมีกำลังสองหมื่นแต่เดินทางมาไกลย่อมอ่อนล้าสู้ไม่ได้ต้องล่าถอย ตายไปเสียครึ่งทิ้งธงทิวอาวุธชุดเกราะไว้กลาดเกลื่อน หนีกลับจิ้นหนิงไป
หนิ่วเหวินจงมองจากกำแพงแลเห็นสองทัพซุ่มสกัดทัพจิ้นหนิง จึงรีบสั่งการให้หวีวี่หลินนำทัพออกมาช่วย ทางทิศเหนือไม่มีทัพปิดล้อมอยู่ แต่ฮวาหยงลาดตระเวณผ่านมาพอดี พอทหารฝ่ายเหนือข้ามสะพานชักมาก็ร้องบอกกันว่า “ธนูเทพมาแล้ว” แล้วชิงกันหนีกลับเข้าเมือง
ฮวาหยงนำทหารปราดเข้ามาไล่ฆ่าไปได้ยี่สิบกว่าคน ก็ไม่กวดต่อ ปล่อยให้หนีเข้าเมืองไป
ที่แท้สือเชียน สือสิ้วแต่งตัวเป็นทหารฝ่ายเหนือวิ่งปะปนกับพวกฝ่ายเหนือเข้าเมืองมาด้วยแล้ว อาศัยช่วงชุลมุนวิ่งหลบเข้าซอยไป จนพบศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ป้ายเขียนบอกว่าเป็นศาลพระภูมิเจ้าที่ประจำเมือง ทั้งสองเดินเข้ามาในศาลเห็นนักพรตรูปหนึ่งนั่งผิงไฟอยู่ข้างกำแพงตะวันออก
นักพรตเห็นทหารสองนายเดินเข้ามาก็ถามว่า “เจ้านาย ข้างนอกมีข่าวคราวไรบ้าง”
ทหารตอบว่า “เมื่อครู่ ท่านขุนพลพาพวกข้าจะออกไปทำศึก พบธนูเทพเข้า ขุนพลเราไม่กล้าสู้ พวกข้าจึงหนีเข้าเมือง แล้วโผล่มานี่แหละ”
แล้วล้วงเอาเศษเงินส่งให้นักพรตว่า “ท่านพอมีเหล้าเหลือบ้างไหม ขอพวกข้าสักสองชามเถอะ หนาวจริงๆ”
นักพรตหัวเราะแล้วว่า “เจ้านาย ท่านไม่รู้หรือว่า ช่วงนี้อัตคัดนัก เงินค่าธูปเทียนยังไม่มี จะไปหาเหล้าที่ไหนได้สักหยด” แล้วส่งเงินคืนมาให้สือเชียน
สือสิ้วผลักมือนักพรตไว้แล้วว่า “เงินนี่ท่านเก็บไว้เถอะ ยังต้องรบกวนท่านอีก พวกข้าอดหลับอดนอนเฝ้าเมืองมาหลายวัน คืนนี้ขอค้างที่นี่ พรุ่งนี้เช้าค่อยไป”
นักพรตโบกมือปฏิเสธว่า “ขออภัยด้วยเจ้านาย คำสั่งขุนพลหนิ่วเข้มงวดนัก เดี๋ยวหากมาพบว่าข้าให้พวกท่านหลบพัก คงถูกเล่นงาน”
สือเชียนว่า “เช่นนั้น คงต้องไปทึ่อื่น”
สือสิ้วเบียดข้างกายนักพรตขอผิงไฟ สือเชียนเหลียวมองดูหน้าหลังว่าไม่มีคน แล้วส่งสายตาเป็นนัยให้สือสิ้ว สือสิ้วชักมีดออกมา นักพรตมัวแต่ผิงไฟ สือสิ้วเข้าด้านหลังตัดหัวนักพรต แล้วปิดประตูศาลเจ้าลงกลอน
ขณะนี้เป็นยามอิ่ว 酉牌 (18:00 น.) สือเชียนเดินผ่านโรงครัวศาลเจ้า กำแพงด้านหลังมีประตู นอกประตูมีบ่อน้ำเล็กๆ ใต้ชายคามีกองหญ้าอยู่สองกอง สือเชียน สือสิ้วย้ายศพนักพรตมาหมกหญ้าคลุมไว้ กลับมาเปิดประตูศาลเจ้า
ทั้งสองเดินกลับไปยังลานด้านหลัง ปีนขึ้นไปหมอบบนสันหลังคา มองไปยังขอบฟ้า เห็นดาวเริ่มขึ้นสว่าง กลับลงมาจากหลังคาเดินออกไปนอกศาลเจ้าไม่เห็นมีคนเดินผ่านไปมา เดินต่อไปอีกหน่อยเห็นมีบ้านเรือนอยู่ไม่กี่หลัง ต่างปิดประตูเงียบ มีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นเบาๆ
สือเชียนเดินต่อไปทางใต้ เลี้ยวกำแพงดินแถบหนึ่ง เห็นลานกว้างใหญ่แห่งหนึ่งมีกองหญ้าและไม้กองอยู่นับสิบกอง สือเชียนแอบคิดว่า “ลานฟางหญ้าม้า ทำไมไม่มีทหารเฝ้า”
ที่แท้พวกทหารต้องคอยป้องกันเมือง จึงไม่มีใครมาตรวจตรา ทั้งวันมีแต่เสียงการรบ ทหารที่เฝ้าลานก็ถือโอกาสหลบเอาตัวรอด
สือเชียน สือสิ้วกลับมาเอาเชื้อไฟที่ศาลเจ้า เริ่มเผากองหญ้าที่คลุมศพนักพรตก่อน แล้วออกมายังลานฟางหญ้า แยกกันช่วยจุดเผากองฟาง
เพียงชั่วครู่ ลานฟางหญ้าก็ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง อาบฟ้าแดงฉาน ศาลเจ้าก็มีไฟลุกไหม้ ชาวบ้านริมลานด้านตะวันตกผู้หนึ่งถือคบไฟเดินออกมาดู สือเชียนเดินเข้าไปชิงเอาคบไฟ สือสิ้วตะโกนบอกว่า “เดี๋ยวพวกข้าจะไปแจ้งท่านแม่ทัพ” ชาวบ้านเห็นเป็นทหาร ก็ไม่ว่าอะไร
สือเชียน สือสิ้วชูคบไฟเดินมาทางใต้ ปากตะโกนรายงานท่านแม่ทัพ พอปะเหมาะเห็นใต้ชายคาบ้านเผาได้ ก็เผาไปอีกสองจุด แล้วทิ้งคบไฟ ถอดชุดทหารทิ้ง หนีไปหาที่ซ่อนตัว
ในเมืองเกิดไฟไหม้ขึ้นหลายจุดแล้วเริ่มลุกลาม หนิ่วเหวินจงให้ทหารเร่งมาดับไฟที่ลานฟางหญ้า ด้านนอกเมืองเห็นไฟไหม้ในเมืองก็รู้ว่าเป็นฝีมือสือเชียน สือสิ้ว จึงเริ่มเข้ามาโจมตีเมือง ซ่งเจียง อู๋ย่งพาเซี่ยเจิน เซี่ยเป่ามายังประตูเมืองทิศใต้
อู๋ย่งว่า “วันก่อน ข้าเห็นกำแพงเมืองบริเวณนี้มีจุดที่เตี้ยกว่าจุดอื่น” จึงสั่งการให้ฉินหมิงนำหอคอยเข้าปีนกำแพงจุดนั้น
อู๋ย่งหันมาบอกเซี่ยเจิน เซี่ยเป่าว่า “พวกโจรเสียขวัญแล้ว พี่ท่านพยายามขึ้นบนกำแพงให้ได้”
เซี่ยเจินถือดาบพอเตาขึ้นหอคอยปีนข้ามไปยืนบนใบเสมา เซี่ยเป่าตามติดมา ทั้งสองกู่ร้องแล้วโดดลงมาจากใบเสมาเข้าตลุยสังหารทหารบนกำแพง ซึ่งขวัญเสียอยู่แล้ว ยิ่งเห็นเซี่ยเจิน เซี่ยเป่าดุดันปานนั้น เกิดโกลาหล ชิงกันหนีลงมาจากกำแพง ฉู่เฮิงเห็นสองคนขึ้นบนกำแพงได้จึงชูทวนเข้ามารบได้สิบกว่าเพลง ถูกเซี่ยเป่าใช้ดาบพอเตาแทงล้มลง เซี่ยเจินตามเข้ามาตัดหัว
ถึงตอนนี้ ทหารซ่งปีนหอคอยข้ามมาขึ้นกำแพงได้ร้อยกว่าคนแล้ว เซี่ยเจิน เซี่ยเป่านำบุกลงมาจากกำแพง ตะโกนลั่นว่า “บุกไป สับให้ละเอียด” พวกทหารสังหารสือจิ้ง ฉินเซิง และทหารเฝ้าประตู ยึดเอาประตูเมืองไว้ได้ ทอดสะพานชักลง สวีหนิงนำทัพบุกเข้าเมืองมา
สวีหนิง หันเทานำทหารบุกไปทางประตูตะวันออก อันสื้อหยงตั้งรับไม่อยู่ถูกสวีหนิงสังหาร ยึดประตูแล้วทอดสะพานให้ทัพหลินชงเข้าเมืองมา
ฉินหมิง เผิงฉี่นำทหารบุกไปทางประตูตะวันตก ชิงประตูได้ ทอดสะพานให้ต่งผิงเข้าเมือง
ม่อเจิน เห้อเหยิน เฉาหงถูกทหารฆ่าตาย ศพทหารกลาดเกลื่อน เลือดนองท้องถนน
หนิ่วเหวินจงเห็นเมืองแตกแล้ว จึงนำหวีวี่หลิน กวอซิ่น เสิ้งเปิ่น ซางอิงและทหารสองร้อยกว่าคนหนีออกจากเมืองทางประตูทิศเหนือ มาได้ไม่ถึงหนึ่งลี้ ปะหลี่ขุย หลู่จื้อเซินสกัดทางไว้
หลี่ขุยตะโกนว่า “ข้ารับบัญชาท่านแม่ทัพมาสับเจ้าพวกนกเขาหัวทู่อยู่นานแล้ว” หลี่ขุยควงขวานเข้ามาสับกวอซิ่น ซางอิงตายคาที่ หนิ่วเหวินจงขวัญหนีดีฝ่อถูกไม้เท้าหลู่จื้อเซินฟาดหัวแหลกทั้งหมวกศึก ทหารสองร้อยคนตายสิ้น หวีวี่หลิน เสิ้งเปิ่นหนีรอดไปได้
หลู่จื้อเซินว่า “เหลือเจ้าหัวลาโง่สองหัวไปส่งข่าว” แล้วตัดหัวสามขุนพล เก็บอานม้าและหมวกศึกเอาไปบันทึกผลงาน
ซ่งเจียงนำทัพหลวงเข้าเมืองไก้โจวได้ สั่งการให้รีบดับไฟ ห้ามทำร้ายราษฎร ให้นำหัวนายทหารตัดแขวนประจานทุกประตู เช้าวันรุ่งขึ้น ให้ติดประกาศปลอบขวัญราษฎร ให้ทหารทั้งหมดเข้ามาพักในเมือง จดและบำเหน็จตามผลงาน บันทึกความชอบของสือเชียน สือสิ้ว เซี่ยเจิน เซี่ยเป่าเป็นเอก ทำรายงานทูลว่ายึดเมืองได้ เก็บรวบรวมทรัพย์สินเงินทองในคลังส่งเมืองหลวง และทำรายงานให้ซู่ไท่เว่ย
ผ่านไปสี่วัน จางชิงหายป่วย จึงมาพบพร้อมกับอันเต้าเฉวียน ซ่งเจียงยินดียิ่งว่า
“ดี พรุ่งนี้พอดีเป็นวันปีใหม่ ปีเซวียนเหอที่ห้า ต้องจัดงานฉลอง”
ตอนก่อนหน้า : ล้อมเมืองไก้โจว
https://www.blockdit.com/posts/67bc4f07b42021ddea1602cf
ตอนถัดไป : หลี่ขุยอาละวาดสระสวรรค์
https://www.blockdit.com/posts/67c193361c5f6d5e441a9b5e
บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย