Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
28 ก.พ. เวลา 10:43 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 216 หลี่ขุยอาละวาดสระสวรรค์
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันปีใหม่ เหล่าขุนพลสวมชุดข้าราชการใส่หมวกปีก ซ่งเจียงนำเหล่าพี่น้องหันหน้าหาทางราชสำนักกระทำห้ากราบสามคำนับถวายพระพรเสร็จแล้ว จึงผัดชุดข้าราชการเป็นชุดศึกแพรแดง เหล่าพี่น้องเก้าสิบสองคนรวมทั้งเกิ่งกงขุนพลสามิภักดิ์ใหม่ พร้อมกันมาคารวะอวยพรปีใหม่ให้ซ่งเจียง
ซ่งเจียงจัดเลี้ยงฉลองเทศกาล เหล่าพี่น้องเวียนกันมาดื่มอวยพร ซ่งเจียงกล่าวกับเหล่าขุนพลว่า
“อาศัยเหล่าพี่น้องร่วมแรงร่วมใจ ชิงสามหัวเมืองกลับสู่บ้านเมือง แล้วได้มาร่วมฉลองในวันปีใหม่ เป็นโอกาสยากจะหา เสียดายแต่ว่า ขาดพี่น้องสิบห้าคนไม่ได้มาร่วมฉลองพร้อมหน้า มีกงซุนเสิ้ง ฮูหยันจว๋อ กวนเสิ้ง และพวกหลี่จวิ้นแม่ทัพน้ำแปดนายที่อยู่รักษาเว่ยโจว ไฉจิ้น หลี่อิ้งที่หลิงชวน สื่อจิ้น มู่หงที่เกาผิง”
แล้วจึงตามหัวหมู่และทหารมาสองร้อยนายมอบของกำนัลให้ครบทุกคน แล้วให้จัดหาบสุราแพะ 羊酒 (สุรามงคล) แยกย้ายไปส่งยังเว่ยโจว หลิงชวน เกาผิงส่งมอบให้เหล่าหัวหน้าร่วมฉลองการมงคล จัดหาบไม่ทันเสร็จ ทหารมารายงานว่า ทั้งสามแห่งส่งตัวแทนมาอวยพรท่านแม่ทัพหน้า และขออภัยที่ไม่อาจมาด้วยตัวเอง ด้วยว่าต้องอยู่รักษาเมือง
ซ่งเจียงชอบใจใหญ่ว่า “ส่งข่าวมาเช่นนี้ ก็เหมือนได้มาอยู่กันพร้อมหน้า” แล้วให้รางวัลแก่ผู้มาส่งข่าว จากนั้นก็ร่วมดื่มฉลองกันต่อจนเมาจึงเลิก
วันรุ่งขึ้น ซ่งเจียงแจ้งให้เตรียมตัวไปเที่ยวชานเมืองต้อนรับฤดูใบไม้ผลิในวันพรุ่ง เนื่องด้วยยามจื่อสี่เค่อ 子时正四刻 วันพรุ่งจะเป็นวันลี่ชุนต้นวสันต์ 立春 คืนนั้นลมตะวันออกเฉียงเหนือจึงพัดจัด มีเมฆหนา หิมะลงหนัก พอถึงเช้ายังมีหิมะลงอยู่จนภูมิประเทศเป็นสีเงินยวง
纷纷柳絮,片片鹅毛。
空中白鹭群飞,江上素鸥翻覆。
飞来庭院,转旋作态因风;
映彻戈矛,灿烂增辉荷日。
千山玉砌,能令樵子怅迷踪;
万户银装,多少幽人成佳句。
正是尽道丰年好,丰年瑞若何?
边关多荷戟,宜瑞不宜多。
ปุกปุยปานเมล็ดหลิ่ว
แผ่นแผ่นละลิ่วขนหงสา
ฝูงกระเรียนเหินนภา
นางนวลตลบเหนือนที
โบยบินยังสนาม
ยักย้ายตามสายลมตี
สะท้อนต้องหอกกระบี่
เฉิดฉายเติมเสริมสุริยง
ก่อผนังหยกปกผา
คนผ่าฟืนท้อเดินหลง
หมื่นเรือนคลุมเงินคง
กี่ฤๅษีลุบำเพ็ญตน
กล่าวกันว่าหิมะมาเป็นปีอุดม
สมบูรณ์โชคฟ้าประทานตระการผล
แต่ชายแดนมากหอกดาบยังทุกข์ทน
ตกนำโชคอย่าตกจนล้นเกินพอ
(เมล็ดหลิ่ว 柳絮 มีขนขาวปุกปุย)
บัณฑิตหัตถ์เทวะเซียวย่างกล่าวกับพวกพี่น้องว่า
“เกล็ดหิมะแต่ละกลีบมีชื่อน่าสนใจ กลีบที่หนึ่งคือผึ้งน้อย 蜂儿 กลีบที่สองคือขนหงส์ 鹅毛 กลีบที่สามคือซ้อนสาม 攒三 กลีบที่สี่คือรวมสี่ 聚四 กลีบที่ห้าคือดอกเหมย 梅花 กลีบที่หกคืองอกหก 六出
หิมะนั้นแข็งตัวด้วยไอยิน 阴 จึงต้องงอกหก เป็นเลขคู่อันเป็นเลขยิน
หลังจากลี่ชุนต้นวสันต์ 立春 แล้ว จะเหลือห้ากลีบดอกเหมย (เลขคี่เป็นเลขหยาง) ไม่มีกลีบงอกหกอีก
วันนี้แม้เป็นวันลี่ชุนต้นวสันต์ แต่เป็นรอยต่อเหมันต์วสันต์ เกล็ดหิมะวันนี้จึงมีห้ากลีบบ้างหกกลีบบ้าง”
เยว่เหอได้ฟังก็เดินไปที่ชายคา กางแขนเสื้อใส่เกล็ดหิมะที่ร่วงลงมาแล้วนำมาดู ก็เห็นจริงว่า เกล็ดหิมะมีหกกลีบ บางเกล็ดกลีบที่หกงอกไม่เต็ม สั้นทู่ๆ อยู่ บางเกล็ดก็มีเพียงห้ากลีบ เยว่เหออุทานว่า “จริงด้วย จริงด้วย”
คนอื่นก็เข้ามามุงดูด้วย พอหลี่ขุยเข้ามาหายใจรดใส่ เกล็ดหิมะพาลละลาย จนต้องพากันหัวเราะ
ซ่งเจียงเดินออกมาพอดีจึงถามว่า “หัวเราะอะไรกัน”
ผองพี่น้องว่า “ดูเกล็ดหิมะกันอยู่ พอพายุหมุนดำพ่นลมมาก็ละลายหมด”
ซ่งเจียงพลอยหัวเราะด้วย แล้วว่า “ข้าให้เขาเตรียมสุราอาหารไว้ที่สวนสมวสันต์ 宜春圃 (หยีชุนผู่) พี่น้องไปเที่ยวกัน”
ทางตะวันออกของเมืองไก้โจวนี้มีสวนสมวสันต์ (หยีชุนผู่) ในสวนมีศาลาหอมพิรุณ 雨香亭 (หวี่เซียงถิง) หน้าศาลามีต้นไหวย ต้นไป่ ต้นสน ต้นเหมย ขึ้นแซมกันงดงาม วันนั้นผองพี่น้องร่วมเฮฮาสังสรรค์กันจนอาทิตย์ตกไม่รู้ตัว ต้องตามไฟดื่มกันต่อ
ซ่งเจียงเมาได้ที่ย้อนกลับไปเท้าความเรื่องหลังครั้งอดีตที่ยังได้ยาก
“เดิมที ข้าเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยอยู่วิ่นเฉิง ทำความผิดมีโทษมหันต์ ได้อาศัยเหล่าพี่น้องฝ่าคมหอกคมดาบ ช่วยให้ชีวิตนี้รอดมาได้จากมัจจุราชเก้าครั้ง ตอนอยู่เจียงโจว ถูกจับขึ้นตะแลงแกงกับน้องไต้จง เกือบกลายเป้นผี กว่าจะมาถึงวันนี้ที่สามารถทุ่มเทเพื่อบ้านเมือง คิดถึงความหลัง ช่างเหมือนความฝัน”
พูดมาถึงตรงนี้ น้ำตาก็ร่วงโดยไม่รู้ตัว พาเอาไต้จง ฮวาหยงที่ผ่านทุกข์ยากช่วงนี้ร่วมกันมาพลอยน้ำตาตกไปด้วย
หลี่ขุยตอนนี้ก็ดื่มไปมากโข เมามายเหมือนกัน แม้ปากยังสนทนา แต่เปลือกตาค่อยค่อยปิดลง ใช้สองแขนเท้าคางไว้ แต่หลับไปเสียแล้ว
พลันสะดุ้งฉุกใจคิด “ข้างนอกหิมะยังไม่หยุดตกละมัง”
เพียงคิดในใจ ร่างกายเคลื่อนไหวประหลาด เหมือนออกมายืนนอกศาลามองไปยังด้านนอก ยิ่งแปลกใจ
“ไม่มีหิมะแล้วนี่ มัวแต่นั่งกันอยู่ข้างใน เดินไปดูทางนั้นดีกว่า”
ออกจากสวนสมวสันต์ ครู่เดียวก็มาถึงตัวเมือง แล้วคิดได้ว่า “ไอ้หยา ลืมเอาขวานมา”
พอเอามือคลำไปที่เอว ที่แท้เสียบอยู่นี่
เดินสะเปะสะปะไปข้างหน้า ไม่สนใจหนเหนือหนใต้ ไม่รู้ว่าผ่านทางมากี่สาย เห็นเขาสูงอยู่ตรงหน้า เพียงพริบตา มาอยู่ตรงหน้าเขา เห็นชายผู้หนึ่งออกมาจากหลืบเขา โพกผ้าพับมุม สวมชุดพรตสีเหลือง เดินมาหา แล้วหัวเราะว่า
“ถ้าท่านขุนพลอยากเดินเล่น อ้อมเขานี่ไป มีอะไรให้แปลกใจ”
หลี่ขุยว่า “พี่ชาย เขานี่เรียกชื่อว่าอะไร”
บัณฑิตว่า “เทือกเขานี้เรียกว่า เขาสระสวรรค์ 天池 (เทียนฉือ) ท่านขุนพลเดินเที่ยวกลับมา ค่อยพบกันใหม่ที่นี่”
หลี่ขุยเดินอ้อมเขาไปตามที่บอก เห็นข้างทางมีคฤหาสน์ชนบทหลังหนึ่ง ด้านในมีเสียงเอะอะเอ็ดตะโร หลี่ขุยบุกเข้าไปข้างใน เห็นชายสิบกว่าคนเอาไม้พลองทุบทำลายข้าวของอยู่ ชายฉกรรจ์หนึ่งในนั้นด่าว่า
“ไอ้ควายเฒ่า เอาลูกสาวมาเป็นเมียน้อยข้าเสียดีดี จะได้ไม่มีเรื่อง ว่าไม่สักครึ่งคำ พวกเจ้าต้องตายหมด”
หลี่ขุยได้ยินก็เดือดดาลด่าว่า “ไอ้พวกนกเขา มาบังคับเอาลูกสาวชาวบ้าน”
คนพวกนั้นโวยลั่น “พวกข้าจะเอาลูกสาวเขา ยุ่งอะไรกับเจ้า”
หลี่ขุยโกรธจัด ชักขวานแล้วสับ แปลกจริง สับครั้งเดียวตายไปสามคน คนที่เหลือกำลังจะหนี หลี่ขุยปราดเข้าไปสับอีกหกเจ็ดที กลายเป็นศพกองเกลื่อนพื้น เหลือหนีออกไปได้คนเดียว
หลี่ขุยวิ่งเข้าด้านใน เห็นประตูสองบานปิดสนิท หลี่ขุยถีบเปิด เห็นพ่อเฒ่าแม่เฒ่าผมหงอกขาวร้องไห้อยู่ในห้อง พอเห็นหลี่ขุยก็ร้องตะโกนว่า “แย่แล้ว เข้ามาแล้ว”
หลี่ขุยตะโกนลั่นว่า “ข้าผ่านมาพบเรื่องไม่เป็นธรรม จึงฆ่าพวกนกเขาข้างหน้านั่นหมดแล้ว ออกมาดูสิ”
พ่อเฒ่าเงอะๆ งะๆ ออกมาดูก็เห็นจริง แต่กลับยุดแขนหลี่ขุยว่า “ถึงฆ่าคนชั่วตาย ข้าคงโดนข้อหาฆ่าคน”
หลี่ขุยหัวเราะว่า “พ่อเฒ่ายังไม่รู้จักเจ้าพ่อดำ ข้าคือพายุหมุนดำหลี่ขุยเขาเหลียงซาน ตามพี่ซงกงหมิงมาปราบเถียนหู่ พวกพี่เขาดื่มเหล้าอยู่ในเมือง ข้าเบื่อๆ จึงมาเดินเล่น อย่าว่าแต่นกเขาไม่กี่ตัวนี่ ฆ่าตายสักพันก็ไม่มีปัญหา”
พ่อเฒ่าจึงปาดน้ำตากล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี เชิญท่านขุนพลนั่งด้านในเถิด”
หลี่ขุยเดินเข้าไปเห็นโต๊ะสุราอาหารตั้งอยู่ พ่อเฒ่าเชิญนั่งแล้วรินเหล้าชามใหญ่ส่งให้หลี่ขุย หลี่ขุยรับมาดื่ม พ่อเฒ่ารินให้อีกสี่ห้าชาม ยายเฒ่าร้องไห้จูงลูกสาวเข้ามาคารวะว่านฝู
แม่เฒ่าว่า “ท่านขุนพลเป็นลูกน้องท่านแม่ทัพซ่ง จึงได้เก่งกาจปานนี้ ถ้าไม่รังเกียจ ข้ายินดียกลูกสาวให้ท่านขุนพล”
หลี่ขุยได้ฟังก็โดดผลุงขึ้นมาว่า “พูดอะไรลามกจกเปรตสิ้นดี ข้าฆ่าพวกนกเขาหัวทู่นั่น ไม่ได้คิดจะเอาตัวลูกสาวท่าน หุบปากนกเขาเลย อย่ามาผายลมนกเขา”
แล้วก็เตะโต๊ะกระเด็น วิ่งหนีออกไป
ออกจากบ้านมาก็พบชายฉกรรจ์ท่าทางทะมัดทะแมงถือดาบพอเตาก้าวอาดๆ เข้ามาหา ตะโกนว่า “เฮ้ย ไอ้ดำ อย่าหนี ฆ่าพี่น้องข้าทำไม ข้าจะชิงตัวลูกสาวชาวบ้าน ยุ่งอะไรกับเจ้า” แล้วถือดาบปราดเข้ามา
หลี่ขุยโกรธคว้าขวานเข้าสู้ด้วยได้ยี่สิบเพลง ชายผู้นั้นสู้ไม่ได้ ปัดขวานได้ก็รีบวิ่งหนี หลี่ขุยไล่ตาม วิ่งข้ามดงแห่งหนึ่งมา เห็นวังอยู่ตรงหน้า ชายผู้นั้นวิ่งไปถึงหน้าวัง โยนดาบทิ้งแล้วเดินปะปนไปกับคนในวัง
หลี่ขุยมองหาชายผู้นั้นไม่พบ บนตำหนักมีเสียงตวาดมา “หลี่ขุยไร้มารยาท เห็นข้ายังไม่มาเข้าเฝ้า”
หลี่ขุยฉุกใจว่า “ที่นี่ตำหนักเหวินเต๋อ 文德殿 ที่ข้าเคยตามพี่ซ่งมาเข้าเฝ้า เป็นที่ประทับของฮ่องเต้”
เสียงจากบนตำหนักสำทับมาอีกว่า “หลี่ขุย รีบคำนับ”
หลี่ขุยรีบเก็บขวาน ก้าวขึ้นหน้ามาแลเห็นฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์แต่ไกล เหล่าขุนนางยืนเรียงรายอยู่ด้านหน้า หลี่ขุยบรรจงกราบสามครั้ง แล้วนึกในใจ
“ไอ้หยา กราบขาดไปหนหนึ่ง”
ฮ่องเต้ตรัสถามว่า “เมื่อกี้ เจ้าฆ่าคนทำไมมากมาย”
หลี่ขุยคุกเข่าตอบว่า “พวกนั้นใช้กำลังชิงหญิงชาวบ้าน กระหม่อมโกรธจึงฆ่าเสีย”
ฮ่องเต้ว่า “หลี่ขุยพบเรื่องไม่เป็นธรรม เข้าขจัดภัย มีความกล้าหาญ อภัยโทษให้เจ้า แต่งตั้งเป็นขุนพลคู่บัลลังก์”
หลี่ขุยดีใจยิ่ง “ที่แท้ฮ่องเต้ฉลาดหลักแหลม” จึงโขกหัวคำนับไปสิบกว่าที แลัวลุกไปยืนด้านล่างบัลลังก์
ทันใดนั้น พวกไฉ้จิง ถงก้วน หยางเจี่ยน เกาฉิว สี่อำมาตย์ก้าวออกมาคุกเข่าทูลว่า “ขณะนี้ ซ่งเจียงนำทัพปราบเถียนหู่ แต่กลับรีรอยั้งทัพไม่รุกคืบหน้า วันวันเอาแต่ร่ำสุรา ขอให้ฝ่าบาททรงลงพระราชอาญา”
หลี่ขุยได้ฟัง เพลิงโทสะลุกโพลงสามพันจ้างเกินกว่าจะสะกดไว้ ถือขวานคู่ก้าวออกมาจามใส่หัวคนละที ตะโกนลั่นว่า
“ฮ่องเต้ อย่าทรงฟังอำมาตย์โจร พี่ข้ายึดได้สามหัวเมือง พักค่ายอยู่ที่ไก้โจว กำลังจะรุกต่อ มาใส่ความกันเช่นนี้ได้อย่างไร”
พวกขุนนางในทัองพระโรงจะเข้ามาจับตัวหลี่ขุย หลี่ขุยชูขวานคู่ตะโกนว่า “ใครกล้า ก็ดูสี่คนนี้เป็นเยี่ยงอย่าง” จึงไม่มีใครกล้าลงมือ
หลี่ขุยหัวเราะแล้วว่า “สะใจ สะใจ กำจัดสี่อำมาตย์โจรได้เสียที ต้องไปบอกให้พี่ซ่งรู้” แล้วเดินออกจากตำหนักมา
พอก้าวออกมาก็ถึงหน้าเขาลูกเดิม บัณฑิตที่เพิ่งแยกทางกันยืนรออยู่ที่ลาดเขา หัวเราะแล้วทักว่า “ท่านขุนพลไปเที่ยวมา สนุกไหม”
หลี่ขุยว่า “ขอบอกพี่ชาย ข้าเพิ่งฆ่าอำมาตย์ชั่วไปสี่คน”
บัณฑิตหัวเราะว่า “เช่นนี้นี่เอง ข้าอาศัยอยู่แถวลุ่มน้ำเฝิน 汾 และน้ำชิ่น 沁 วันนี้มาเที่ยวที่นี่ ทราบว่าท่านขุนพลเป็นคนซื่อถือสัตย์ ข้ายังมีเรื่องสำคัญจะบอก ท่านแม่ทัพซ่งจะจับเถียนหู่ ข้ามีคาถาอยู่สิบคำ ท่านจงจำให้ดี แล้วไปแจ้งต่อท่านแม่ทัพ”
แล้วจึงกล่าวคาถาว่า
“要夷田虎族 须谐琼矢镞
จะล้างพันธุ์เถียนหู่
พึงคู่หัวศรหยก”
ท่องให้ฟังห้าหกเที่ยว หลี่ขุยจึงท่องจำไว้
บัณฑิตชี้มือไปในป่าแล้วบอกว่า “มีแม่เฒ่ารออยู่ในป่า”
หลี่ขุยมองตาม แล้วหันกลับมาอีกที บัณฑิตหายไปแล้ว
หลี่ขุยเปรยว่า “ทำไมไวจัง ไปดูหน่อยซิว่า ในป่ามีใคร”
พอเข้ามาในป่า ก็เห็นหญิงชราผู้หนึ่ง หลี่ขุยเดินมาดูด้านหน้าจำได้ว่าเป็นมารดาตนนั่งหลับตานิ่งอยู่บนก้อนหิน หลี่ขุยเดินเข้าไปกอดแล้วว่า
“แม่ ท่านไปทนทุกข์อยู่ที่ไหนมา ควายเหล็กคิดว่าเสือกินไปเสียแล้ว มาอยู่ที่นี่เอง”
มารดาว่า “ลูกเอ๋ย แม่ไม่เคยถูกเสือกิน”
หลี่ขุยร้องไห้ว่า “ควายเหล็กได้รับนิรโทษกรรม ได้เป็นขุนนางแล้ว ทัพใหญ่ของพี่ซ่งอยู่ในเมือง ควายเหล็กจะแบกแม่ขี่หลังไป”
พลันมีเสียงคำรามลั่น เสือร้ายกระโจนออกมาจากป่า กวาดหางคำราม แล้วกระโจนใส่ หลี่ขุยรีบคว้าขวานสับใส่เสือ แต่สับแรงไปหน่อย วืดใส่อากาศ แล้วถลันไปซบอยู่บนโต๊ะในศาลาหอมพิรุณ สวนสมวสันต์
ตอนก่อนหน้า : อุบายชิงเมืองไก้โจว
https://www.blockdit.com/posts/67bef069689f26ed7c5a4407
ตอนถัดไป : ด่านหูกวน
บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย