28 ก.พ. เวลา 08:48 • การศึกษา

เราเข้าใจพวกหลงตัวเองผิดไปหรือเปล่า?

งานวิจัยใหม่ได้เปิดเผยแง่มุมหนึ่งของลักษณะนิสัยหลงตัวเอง (Narcissism) ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง Olivia Petter ตั้งคำถามว่า เราเข้าใจพวกเขาผิดมาตลอดหรือไม่ และผลกระทบจากความเข้าใจผิดนี้อาจเป็นอย่างไร
จากการวิจัยโดย American Psychological Association (APA) พบว่าผู้ที่มีลักษณะนิสัยหลงตัวเองมีแนวโน้มที่จะรู้สึกถูกกีดกันจากสังคมบ่อยกว่าผู้อื่น ไม่เพียงแต่พวกเขาจะถูกหลีกเลี่ยงเพราะบุคลิกของตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มที่จะตีความสัญญาณทางสังคมที่คลุมเครือว่าเป็นการถูกกีดกัน แม้ว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ตาม
ดร. Christiane Büttner จากมหาวิทยาลัยบาเซิลอธิบายว่า "การรู้สึกว่าถูกกีดกันเป็นประสบการณ์เชิงอัตวิสัย (subjective experience) ซึ่งขึ้นอยู่กับการรับรู้ของแต่ละบุคคล บางคนอาจถูกกีดกันจริง ๆ ขณะที่บางคนอาจแค่เชื่อว่าตนเองถูกกีดกัน ทั้งที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น"
คนที่มีลักษณะนิสัยหลงตัวเองมักแสดงพฤติกรรมที่รบกวนสังคม เช่น ความก้าวร้าวและความทะนงตัว ซึ่งอาจทำให้พวกเขาถูกแยกออกจากกลุ่มทางสังคม และเมื่อพวกเขารู้สึกว่าตัวเองถูกกีดกัน พฤติกรรมที่หยิ่งผยองและก้าวร้าวจะทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก
การศึกษาชี้ให้เห็นว่าวงจรอุบาทว์นี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ โดยที่การถูกกีดกันทำให้บุคคลเหล่านี้พัฒนาแนวโน้มทางบุคลิกภาพที่หลงตัวเองมากขึ้นในอนาคต และในทางกลับกัน พฤติกรรมหลงตัวเองก็ก่อให้เกิดการถูกกีดกันทางสังคมมากขึ้นด้วย
ข้อสังเกตว่าในโลกปัจจุบัน การกล่าวหาผู้อื่นว่าเป็น "พวกหลงตัวเอง" กลายเป็นเรื่องปกติบนโซเชียลมีเดีย แม้แต่พฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ไม่ตอบข้อความทันที หรือชอบให้คนอื่นชมเชย ก็มักถูกตีตราว่าเป็นลักษณะของผู้ที่มีบุคลิกภาพหลงตัวเอง
ในขณะที่บางคนอาจเลือกที่จะตัดสัมพันธ์โดยสิ้นเชิง (disengagement) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ อย่างไรก็ตาม คำแนะนำที่สำคัญที่สุดคือ การเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนที่แสดงพฤติกรรมเห็นแก่ตัวหรือรักตัวเองสูงจะเข้าข่ายเป็นผู้มีภาวะบุคลิกภาพหลงตัวเองอย่างแท้จริง
การศึกษาล่าสุดนี้ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมของผู้ที่มีลักษณะหลงตัวเองและการรับรู้การถูกกีดกันนั้นมีความสัมพันธ์กันมากกว่าที่เคยคิดไว้ พวกเขาไม่เพียงแต่ถูกรังเกียจจากสังคม แต่ยังมีแนวโน้มที่จะรู้สึกว่าถูกกีดกันมากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สังคมเองก็อาจกำลังเข้าใจแนวคิดเรื่อง "ความหลงตัวเอง" ผิดไป ด้วยการใช้คำนี้อย่างพร่ำเพรื่อในโลกออนไลน์ เราอาจกำลังเพิกเฉยต่อความซับซ้อนที่แท้จริงของพฤติกรรมนี้ และอาจพลาดโอกาสในการทำความเข้าใจและช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ
Reference:
โฆษณา