4 มี.ค. เวลา 23:00 • หนังสือ

สรุปหนังสือ Personal OKRs ชีวิตจะสำเร็จตามเป้าหมาย ถ้าวัดผลได้เป็นระบบ

ถ้าคุณเคยเป็นคนที่ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองทุกปี แต่สุดท้ายกลับทำไม่สำเร็จ หรือไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง หนังสือที่ทุกคนได้อ่านวันนี้จะมาเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเดินหน้าไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
หนังสือเล่มนี้นำแนวคิด OKRs (Objectives and Key Results) ที่องค์กรระดับโลกใช้มาประยุกต์กับการพัฒนาตัวเอง โดยสอนให้เราตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจน มีตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรม และสามารถติดตามผลได้ หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพัฒนาตัวเองและต้องการระบบที่ช่วยให้เป้าหมายกลายเป็นความจริง
4
ศาสตราจารย์ ดร.นภดล ร่มโพธิ์ เป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาบริหารการปฏิบัติการ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากบทบาทอาจารย์แล้วยังเป็นนักเขียนที่มีผลงานหนังสือขายดีหลายเล่ม และยังเป็นเจ้าของเพจและพอดแคสต์ชื่อดัง Nopadol's Story
OKRs คืออะไร?
•Objective (O) = วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ต้องการไปให้ถึง
•Key Results (KRs) = ผลลัพธ์หรือตัวชี้วัดความสำเร็จของเป้าหมายนั้น
เหตุผลที่เราควรใช้ OKRs กับชีวิตส่วนตัว
1.ช่วยให้เราโฟกัสกับสิ่งสำคัญ เพราะว่าการตั้งเป้าหมายทำให้เราเลือกทำเฉพาะสิ่งที่มีผลต่อชีวิตเราจริง ๆ
2.ทำให้เห็นพัฒนาการของตัวเอง เมื่อเราเขียนเป้าหมายแล้วเราจะมีการติดตาม ทำให้เห็นว่าเราเก่งขึ้นหรือก้าวหน้าขึ้นในทุกวัน
3.ป้องกันการผัดวันประกันพรุ่ง เมื่อเรามีเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจน มันจะเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราอยากทำให้สำเร็จ
ขั้นตอนการทำ OKRs
1.รู้จักคุณค่าของชีวิต (Value) รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา แล้วเขียนออกมาให้ได้เพียง 3 คำ
2.สร้างพันธกิจ (Mission) คือการที่เรารู้ว่าควรจะทำอะไรเพื่อให้ตอบสนองต่อคุณค่าของชีวิต
3.มีวิสัยทัศน์ (Vision) คือภาพฝันที่เราเชื่อมั่นว่าจะสำเร็จ
4.เริ่มทำ OKRs โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้น
5.เขียน Objective ให้สอดคล้องกับคุณค่าของชีวิต ไม่ควรเกิน 3-5 ข้อ
6.เขียน Key Results ของแต่ละวัตถุประสงค์ให้มีตัวชี้วัดและไม่ควรเกิน 3 ข้อ
7.ติดตามความก้าวหน้า เช่น ดูผลลัพธ์รายสัปดาห์ หากผลไม่เป็นตามที่ตั้งไว้ให้หาสาเหตุและแก้ไข
1
เทคนิคสำคัญในการใช้ OKRs ให้ได้ผล
1.ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่เป็นไปได้ ถ้าตั้งเป้าหมายง่ายเกินไป จะทำให้เราเบื่อ แต่ถ้าตั้งเป้าหมายที่ยากเกินไป เราอาจหมดไฟได้ ดังนั้นควรอยู่ในระดับที่ยากนิด ๆ พอเหมาะ
2. ต้องมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนและวัดผลได้ ซึ่งต้องเขียนในรูปแบบของผลลัพธ์ ไม่ใช่กิจกรรมที่ทำ เช่น
❌ วิ่งวันละ 5 กิโลเมตร (เป็นกิจกรรม)
✅ วิ่งให้ได้ 450 กิโลเมตรต่อไตรมาส (เป็นผลลัพธ์)
3.ติดตามผลเป็นระยะและปรับเปลี่ยน OKRs ตามสถานการณ์ เช่น ถ้าเรารู้สึกว่าเป้าหมายปัจจุบันง่ายเกินไป ครั้งต่อไปสามารถปรับให้ท้าทายมากขึ้น หรือปรับเปลี่ยนได้ทันที
ตัวอย่างการใช้ Personal OKRs
เป้าหมาย (Objective): สุขภาพแข็งแรงขึ้น
•Key Results:
✅ วิ่งให้ได้ 150 กิโลเมตรต่อเดือน
✅ น้ำหนักตัวไม่เกิน 70 กิโลกรัม
✅ ผลตรวจสุขภาพปกติ 100% ทุกรายการ
1
เป้าหมาย (Objective): พัฒนาทักษะการเขียน
•Key Results:
✅ เขียนบทความลงเพจ 4 เรื่องต่อเดือน
✅ อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเขียน 3 เล่มต่อปี
✅ เรียนคอร์สออนไลน์เกี่ยวกับการเขียน 2 คอร์สต่อปี
สิ่งที่เก่งชอบจากหนังสือเล่มนี้คือ ได้เรียนรู้การตั้งเป้าหมายที่เป็นระบบ โดยสามารถอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วเข้าใจภายใน 1 วัน นอกจากนี้ เก่งยังชอบส่วนของภาคผนวกที่ให้เราจดเป้าหมายและแผนลงไปได้เลย (หรือใครไม่ชอบเขียนลงหนังสือก็สามารถดาวน์โหลดเทมเพลตไปใช้ได้)
"Personal OKRs" เป็นหนังสือที่เหมาะกับคนที่ต้องการตั้งเป้าหมายในชีวิตอย่างเป็นระบบ และต้องการเครื่องมือที่ช่วยวัดผลเพื่อให้เห็นความก้าวหน้าอย่างชัดเจน การตั้งเป้าหมายด้วย OKRs ไม่ใช่แค่การกำหนดความฝัน แต่เป็นการสร้างแผนปฏิบัติการที่สามารถนำไปใช้ได้จริง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา