Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ขอฝันได้ไหมเผื่อไปไม่ถึง
•
ติดตาม
21 มี.ค. เวลา 12:30 • ไลฟ์สไตล์
#24 สิ่งบังตา
ในตอนที่เราเริ่มขึ้นป.5ได้ เราเริ่มมองเพื่อนเปลี่ยนไป จากที่เรามองว่า นี่คือเพื่อนคนนึง เราเริ่มมองวา นี่ คือเพื่อนผู้ชาย นี่ คือเพื่อนผู้หญิง แบ่งแยกเพศ หน้าตา ร่างกายเราเริ่มเปลี่ยนแปลง จากที่สูงกว่าพวกผู้ชาย ก้มหน้าคุยด้วย หลังจากปิดเทอมใหม่ไปนาน ในยุคที่ยังไม่มี Social Media เพื่อนผู้ชายสสูงขึ้นมาก จนเราต้องเป็นฝ่ายที่เงยหน้าคุยกับเพื่อน
ไม่นาน เราเริ่มมีความรักสวยรักงาม พกกระจกน้อย ส่องทั้งวัน ความที่เรียนโรงเรียนรัฐบาล ที่สมัยนั้นมีกฎระเบียบว่าให้นักเรียนไว้ผมแค่ติ่งหู สิ่งนี้ เป็นเหมือนตัวที่ฉุดความมั่นใจเราในวัยนั้นลงมาก บวกกับผิวเข้มๆ ที่เมื่อถูกแสงแดดแรงๆของประเทศไทยแล้ว เป็นแทนอมเขียวในทันที หมดกัน ความรักสวยรักงาม
เราส่องกระจก กลางใบหน้าของเรามีตำหนิอยู่ คือไฝเล็กที่กลางจมูก เราคิดมาตลอด ว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ สิ่งที่ทำให้เราดูไม่สวย เมื่อเราเริ่มมีความรักในวัยเรียน (Puppy Love) เราคิดเสมอว่า เราไม่สวย เพราะเรามีตำหนินี้อยู่บนหน้า คนที่มาคบเรา ต้องรู้สึกแย่แน่ๆ มีบางครั้งที่เรา ถึงกับยอมเจ็บ เอาเล็บจิกมัน ด้วยความหวังว่ามันจะเป็นเนื้อตาย ตกสะเก็ดแล้วหลุดไปในที่สุด ด้วยอารมณ์เกลียด และความโกรธ
เราโตขึ้นมาหน่อย ตอนเรียนมหา'ลัย เราเริ่มแต่งหน้าจริงจัง เราก็เลือกที่จะใช้รองพื้นปกปิดไฝนี้ เพราะเราก็ยังคิดเหมือนเดิม ว่ามันคือสิ่งไม่ดี เราอ่านทำนายโหงวเฮ้งต่างๆ ก็ว่าไฝตำแหน่งนี้ คือจุดที่เรียกว่าไฝเสน่ห์ แต่ทำไมนะ เราช่างอาภัพรัก ไม่มีความรักดีๆอย่างคนอื่นๆเค้าเลย เราได้แต่โทษไปว่า ไฝนี้แหล่ะ เป็นสิ่งที่นำเรื่องแย่ๆมา
จนเราได้พบกับเหตุการณ์นัดพบญาติครั้งใหญ่ ช่วงวัยทำงานนี้ ในงานศพย่าของเรา ซึ่งเป็นงานพบปะญาติพี่น้อง ญาติมิตร ไกลใกล้มากมาย การพบปะทักทายนี้ หลายคนก็เข้ามาทักทาย เนื่องจากบ้านเราเป็นบ้านที่ดูแลย่าในวาระสุดท้าย ต่างก็ทักว่า มีไฝที่จมูกเหมือนย่าเลย ลูกพี่ลูกน้องเราอีกคนก็มีนี่ เหมือนกันเลย... ด้วยความโตขึ้น ความใส่ใจความสวยงามน้อยลง เราก็เข้าใจได้ว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งนึงที่เชื่อมโยงครอบครัวหรือเปล่านะ
แต่เมื่อไม่นานมานี้ เราสังเกตไฝเรา เริ่มมีสีที่เปลี่ยนไป สีเริ่มไม่สม่ำเสมอกัน และมีความรู้สึกเจ็บ เมื่อมือจับไปโดน เราเอะใจ เลยลองค้นหาข้อมูลว่าจะกำจัดสิ่งนี้ได้ยังไง ด้วยความที่มีมาตั้งแต่เด็กๆ การ laser อาจจะไม่ตอบโจทย์ เราเลยทำนัดกับโรงพยาบาล ที่มีแผนกผิวหนัง และรีบเข้าไปทันที
เมื่อถึงวันนัด คุณหมอแจ้งว่า แบบนี้น่าจะต้องใช้วิธีการผ่าตัด เพราะน่าจะมีราก จะทิ้งแผลเป็นรอยขีดเล็กน้อยที่จมูก ก็สามารถ laser ลบรอยแผลเป็นตามหลังได้ แต่สีของไฝนี้น่าสงสัย หมอจะทำการส่งชิ้นเนื้อตรวจดู ว่าเป็นเนื้อธรรมดาหรือเนื้อร้าย ซึ่งตอนนี้ผลยังไม่ออกเลย สิ้นเดือน กว่าจะรู้ผล
ขั้นตอนการทำก็น่าตื่นเต้นอยู่นะ มันเป็นการผ่าตัดเล็ก ต้องล้างหน้า ถ่ายรูป สวมหมวกคลุมผม ถอดเครื่องประดับที่เป็นโลหะต่างๆ เมื่อเข้ามาที่ห้องผ่าตัดน้อย มีการทายาฆ่าเชื้อ ปิดหน้า หลังจากนั้นคุณหมอก็เริ่มฉีดยาชา O M G เจ็บมากกกก เราเป็นคนที่หาหมอฟันบ่อยตั้งแต่เด็ก ขูดหินปูน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด การโดนฉีดยาชาที่เหงือก เจ็บน้อยกว่าที่จมูกนี้มาก เจ็บมาก น้ำตาเล็ดเลย
คุณหมอฉีดประมาณ 4-5 เข็ม บีบมือตัวเองแน่นทุกครั้งที่เข็มลงบนหน้า ที่เคยฉีดสิวที่ผ่านมา ไม่ช่วยอะไรเลย เจ็บ ฮือๆๆๆ ไม่ถึง 10 วินาที หลังจากยาชาสุดท้ายจิ้มลง คุณหมอก็เริ่มทำทันที ผ่าเรียบร้อย คุณหมอส่งเสียงขอพยาบาล "ขอเลเซอร์ห้ามเลือด" ด้วยผ้าปิดตาอยู่ จินตนาการเราไปไกล ว่ามันจะเป็นยังไงนะ เราจะได้กลิ่นเนื้อย่างบนหน้าเราเองไหมนะ สรุป ไม่ได้กลิ่น เสร็จ เปิดหน้า ปิดแผล คุณหมอทำทุกอย่างเสร็จภายใน 20 นาที เรียบร้อย จบกัน ไฝที่เป็นตำหนิที่หน้า ที่ใจเรามานาน
เราปิดแผลมาทำงานในวันถัดมา เพราะใช้เวลา 7 วัน ถึงจะสามารถตัดไหมได้ ผ้าปิดแผลใหญ่พอสมควร จากครึ่งตาซ้าย มาครึ่งตาขวา เพื่อนร่วมงานก็ต่างถามว่า เป็นอะไร ไปโดนอะไรมา เราก็บอก ว่าเราไปผ่าตัดไฝมา คำถามคือ "ไฝตรงไหน" เราก็บอกว่า ตรงดั้งจมูกไงคะ เค้าถามเรากลับมาว่า "หนูมีด้วยหรอ พี่ไม่เห็นเลย" คำถามนี้ มันช็อตเราไปนิดนึงนะ นี่คือคำถามของคนที่ทำงานร่วมกับเรามา 7 ปี "ตรงดั้งหนูไงพี่" เราตอบกลับไปด้วยความงง "เล็กนิดเดียวเอง มันเป็นอะไรหรือเปล่า" เราก็เลยเล่าอาการที่เวลาจับ มันจะเจ็บให้เค้าฟัง
มันทำให้เรากลับมานั่งคิดว่า จริงๆแล้ว สิ่งที่เราเคยมองว่าเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ มาก มากเลยนะ เรามองว่ามันใหญ่มาก จริงๆแล้ว มันไม่ได้เป็นสุดสังเกตของใครเลยนะ ทำไมเราถึงมองว่ามันสำคัญ ถึงเอามันมาลดทอนความรู้สึกเราในตอนนั้นนะ หรือด้วยความว้าวุ่นของวัยนั้น mind set ของสภาพแวดล้อมสมัยนี้ กับความโตเป็นผู้ใหญ่ของเราตอนนี้ ทำให้เรารู้จักรักตัวเอง และไม่สนใจความคิดเห็นคนภายนอก ให้เราภูมิใจในตัวเอง สิ่งนี้เป็นเรื่องเล็กมากในชีวิต
เราจะพยายามใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด เท่าที่มนุษย์เงินเดือนคนนึงจะทำได้ เพราะความทุกข์เรา ให้อยู่กับเจ้านายก็พอแล้ว ฮ่าๆๆ สู้ๆ มนุษย์เงินเดือนทุกคน ค่อยว่ากันใหม่นะ
เรื่องเล่า
พนักงานออฟฟิศ
สุขภาพ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย