5 เม.ย. เวลา 04:00 • ความคิดเห็น

ครบรอบแผ่นดินไหวกทม.1อาทิตย์แล้ว

ขณะนั่งพิมพ์ความเรียงนี้ ผมนั่งรอเวลา13:20ด้วยใจระทึกเพราะอยากรู้ว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อคอีกหรือไม่
ไม่อยากให้เกิด แต่ก็อยากรู้ว่าจะเกิดหรือเปล่า
นั่ง
และรอ
...
แล้วก็โล่งอกเมื่อครบเวลา
ไม่มีอะไรไหวติง
แทบยกมือท่วมหัวขอบคุณไปทั่ว
สาธุ
ผมออกไปเดินตอนเช้ารอบบึง
ว่างเว้นจากการเดินวิ่งมาได้สักอาทิตย์กว่าเพราะไม่ค่อยสบาย ไม่อยากออกกำลังหนักๆ เลยเดินอยู่ในบ้านราว40นาทีมาสักพักแล้ว
แน่นอนว่ามันสู้เดินข้างนอกไม่ได้ แต่ก็พอแก้ขัดและยังไม่เหนื่อยจนเกินไป
นอกจากไม่สบายแล้วยังพ่วงด้วยเรื่องค่าฝุ่นที่ปริมาณสูงติดต่อกันมาหลายวันด้วย
เพิ่งออกมาเลยต้องบอกกล่าวร่างกายด้วยการเดินรอบบึง ไม่วิ่ง
ค่อยๆเป็นค่อยๆไป สบายๆ
น้ำในบึงดูเหือดลงไปบ้าง เห็นก้อนหินใต้น้ำอยู่ประปราย ตอม่อที่เป็นฐานก็โผล่ให้เห็น
เขาว่าน้ำลดตอผุด
เห็นจะจริง
เหมือนตึกสตง.
อ้อ ทางนั้นมันเหล็กผุดนี่หว่า ลืมไป
วันก่อนลูกค้าคนหนึ่งมาซื้อของ หลังจัดสินค้าเรียบร้อยเลยเอ่ยถามเรื่องแผ่นดินไหวในวันนั้น
หนูทำงานร้านอาหารในห้าง ทุกคนตกใจวิ่งหนีกันระนาว ลงไปทางหนีไฟ โห ฝุ่นกับปูนร่วงมาน่าตกใจจริงๆนะ
เสียงเล่าแบบตื่นเต้นแต่ยังยิ้มได้
มันผ่านไปแล้วนี่พี่ เฮ้อ แต่ก็กลัวจริงๆ ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่วิ่งตามๆกันไป
(จริงของคุณนะ ทางนี้ก็ได้แต่ตกใจเหมือนกัน ทำอะไรไม่ถูก)
เจ้าถิ่นว่ายวนไปมาแบบสบายๆ แต่สักพักก็ขึ้นมาจะเดินข้ามไปยังอีกบึง
รถวิ่งมา เจ้าถิ่นก็วิ่งกลับลงไป
เห็นอีกทีก็ขึ้นมาอีก
คราวนี้มีคนวิ่งมาปะพอดี เจ้าถิ่นก็มีอันกลับลงไปอีกรอบ
ไม่ได้ข้ามไปซะที
ร้านดอกไม้หน้าบ้านมาเกือบทุกวัน เว้นวันที่มีแผ่นดินไหว
มีเวลาถามไถ่ก็ได้ความ
หัวหน้าหนูเขาเอาคลิปตึกถล่มมาให้ดูก่อนใครเลยค่ะ สยองมาก ตรงที่หนูต้องเข้ากะดึกตรงทางด่วนก็ดันมีอุบัติเหตุก่อนหน้า รถราที่ปกติวิ่งไปมาก็ดันหายไปหมด เงียบมากกกกก
ขนาดนั้นเลยรึ
ใช่ค่ะ แถมคืนวันนั้นหนูเข้ากะดึกคนเดียวอีกด้วย หลอนมากกกกกกก
เห็นด้วย
ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาร้อยพวงมาลัยพร้อมบอกว่าลูกค้าบ่นว่าหายไปไหนล่ะ ไม่เจอเลย จะไปซื้อเจ้าอื่นแล้วนะ หนูเลยต้องมาเกือบทุกวัน
ชีวิตก็แบบนี้ล่ะ
ผมเดินไปเรื่อยพร้อมคิดอะไรไปพลางๆ
การเดินมันดีตรงที่เราสามารถโฟกัสกับความคืดตัวเองได้ง่ายกว่าการวิ่งที่ต้องโฟกัสไปที่การวิ่งมากกว่า
ลิสต์ที่อยากทำในใจผุดขึ้นมาหลายอย่าง
อยากทำอะไรก็รีบทำไปเถอะ บางทีก็ไม่ต้องรอ
ลิสต์รายการมันเยอะเลยต้องแบ่งส่วนไล่ตามความอยากกับความจำเป็น
คงไม่ต้องทำทั้งหมดก็ได้มั้ง...
เพื่อนผู้ปกครองที่รู้จักกันคนหนึ่งทำงานราชการในละแวกใกล้ร้านผมขอให้แฟนผมไปรับลูกของเขาให้ทีเพราะเรียนซัมเมอร์ที่เดียวกัน ห้องเดียวกัน
เขาวิ่งลงมาจากที่ทำงานแล้วเกิดอุบัติเหตุทำให้ไปรับไม่ไหว
ตกบันไดน่ะ ขนาดจะเดินพี่ยังเจ็บเลยแม่ เขียวไปหมด
แฟนไปรับให้แล้วรีบพาไปส่ง แต่ด้วยความที่รถติดมากเลยต้องโทรบอกให้ข้ามมารับเองน่าจะเร็วกว่า
ยังดีมีคนอาสาพาเด็กคนนี้ไปเจอผู้ปกครองท่านนี้ คนในหน่วยเดียวกัน
ตอนไปรับจากที่เรียนซัมเมอร์ เด็กบอกว่านึกว่าจะตายซะแล้ว
ยังจ๊ะ แฟนหัวเราะกลบเกลื่อนปลอบใจเด็กน้อย
วันจันทร์ผู้ปกครองท่านนี้ไปทำงานแบบผวาๆ วันอังคารจึงลาหยุด
WFHน่ะ ห่วงลูกด้วย มีกันแค่2คนแม่ลูก เรื่องงานยังพอเจียดเวลาไปทำได้ ห่วงคนทางบ้านเราเองมากกว่า
เสียงตามสายบอกเล่ามา
ข่าวเรื่องการสูญเสียชีวิตหรือการกู้ภัยค้นหาเป็นเรื่องที่ต้องแข่งกับเวลาและมันบีบคั้นใจคนที่ต้องรับรู้ข่าวสาร
คนทำงานก็มือเป็นระวิง เพราะมันคือเหตุการณ์ไม่ปกติ
แม้ว่าคำพูดที่ออกจากปากบุคคลท่านหนึ่งนั้นอาจจะมีส่วนจริงแต่มันใช่เวลาที่ควรจะพูดอย่างนั้นหรือ?
ไม่ประหลาดใจที่จะถูกก่นด่าไปทั้งเมือง
แม้ความหวังจะริบหรี่แต่ความหวังยังมี
อย่าให้มันดับวูบไปเพราะคำไม่กี่คำ
ผมยังหวังให้ความริบหรี่กลายเป็นคบไฟนำทางให้สรรพชีวิตใต้อาคารรอดพ้นมาได้
ไม่ใช่ทับถมกันลงไป
ขอเอาใจช่วยทุกท่านครับ
ไปเยี่ยมป๊าม้ากับญาติทางแฟน
จัดการเรื่องสงกรานต์ให้เรียบร้อย
กอดคนที่เรารักบ่อยๆ อย่าขัดหูกันนัก
...
นี่คือสิ่งที่ผมคิดออกตอนเดินไปเดินมา
...
ผมไม่ใช่พ่อดีเด่น ออกจะเข้มงวดกับลูกๆด้วยซ้ำ
เด็กๆไม่ค่อยอยากคุยกับผมมากนักถ้าไม่ได้ต้องการขอความช่วยเหลืออะไรหรืออยากได้ของแล้วมาต่อรองกัน
แต่ผมรักพวกเขาและครอบครัวเราแบบไม่มีเงื่อนไข ทำอะไรให้ได้ก็ทำ
สิ่งที่นึกได้ตอนนี้คือเล่นกับพวกเขา อยู่กับพวกเขาให้มากที่สุด ตามใจบ้างแต่อย่าให้เสียวินัย
คนเราต้องรู้จักสิทธิ หน้าที่ วินัย ความรับผิดชอบ หิริโอตตัปปะ ไม่ใช่รู้จักแต่สิทธิของกูอย่างเดียว อย่างอื่นไม่รู้
นี่ก็ว่าจะไปเล่นเกมการ์ดกับเด็กๆบ้าง สนุกดี
ผมเดินครบตามจำนวนรอบที่ตั้งใจไว้แล้วจึงเดินกลับบ้าน
แดดแรงแยงตาแท้...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา