สีจิ้นผิงปิดฉากทัวร์อาเซียน เดินสายตอกย้ำ “จีนคือพันธมิตรที่มั่นคง” ท่ามกลางภัยคุกคามจากภาษีสหรัฐ
China’s Leader Ends Southeast Asia Tour that Touted Beijing’s Reliability vs. US Tariff Threats
🧭 จุดเด่นของทริปการทูตครั้งนี้
ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีน ปิดฉากการเยือน กัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่ 3 ในทัวร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากไปเยือน เวียดนามและมาเลเซีย เพื่อย้ำบทบาทของจีนในฐานะพันธมิตรการค้าที่มั่นคง ในช่วงเวลาที่หลายประเทศกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ จากข้อเสนอการขึ้นภาษีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
🧩 การเลือกเวลาทัวร์หลังสหรัฐประกาศภาษีชุดใหม่ ทำให้จีนดูเป็น “มิตรแท้ทางเศรษฐกิจ” ที่ประเทศในอาเซียนสามารถพึ่งพาได้
🇰🇭 กัมพูชาโดนภาษีสหรัฐสูงถึง 49%
🇻🇳 เวียดนาม 46%
🇲🇾 มาเลเซีย 24%
ภาษีเหล่านี้จะมีผลทันทีที่ช่วงหยุด 90 วันสิ้นสุดลง
📜 ความร่วมมือที่ลงนามในกัมพูชา
การเยือนของสีจิ้นผิงได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากทั้ง กษัตริย์นโรดม สีหมุนี และ นายกฯ ฮุน มาแนต โดยมีการลงนาม 37 ข้อตกลง ครอบคลุมหลายด้าน เช่น:
✫ การลงทุนและการค้า
✫ การศึกษา
✫ สุขภาพ
✫ สตรีและเยาวชน
✫ พลังงานสะอาด
✫ การเกษตร
✫ ความร่วมมือทางทหาร
💬 แถลงการณ์ร่วมเน้นย้ำว่า "มิตรภาพเหล็กกล้า" ระหว่าง 2 ประเทศยังคงมั่นคง
⚔️ สงครามการค้าสหรัฐ-จีน: โอกาสของปักกิ่ง
🛡️ สี จิ้นผิงใช้เวทีนี้กล่าวโจมตีแนวคิด “ชาตินิยมทางเศรษฐกิจ” และ “การปกป้องตนเองทางการค้า” พร้อมผลักดัน ระบบการค้าพหุภาคี ซึ่งสหรัฐฯ ดูจะหันหลังให้ภายใต้นโยบายของทรัมป์
📌 ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ทริปนี้เป็นการส่งสัญญาณว่า “จีนพร้อมเป็นผู้นำด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจของภูมิภาค”
🛰️ ประเด็นกองทัพ: สะพานเชื่อมมหาอำนาจ?
แม้แถลงการณ์จะไม่กล่าวถึงการปรับปรุงฐานทัพเรือ Ream Naval Base บนชายฝั่งกัมพูชาโดยตรง แต่ก็ระบุว่า "ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะยกระดับความร่วมมือทางทหาร"
🇰🇭 กัมพูชาย้ำว่า ฐานทัพเปิดต้อนรับกองทัพจากทุกประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ที่ประกาศว่าส่งเรือทุ่นระเบิด 2 ลำมาเยือนในสุดสัปดาห์นี้
📸 นักวิเคราะห์ตะวันตกยังจับตามองว่าจีนอาจใช้ที่นี่เป็นฐานทัพทางยุทธศาสตร์ในอ่าวไทยในอนาคต
🌏 ผลกระทบต่อไทย: เศรษฐกิจต้องปรับท่าทาง
🇹🇭 ไทยไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะแรงสั่นสะเทือนจากภาษีของทรัมป์ต่ออาเซียน และการทูตเชิงรุกของจีน อาจส่งผลต่อสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ในภูมิภาค
โอกาส: หากจีนขยายการลงทุนออกจากเวียดนามหรือมาเลเซีย ไทยอาจได้รับอานิสงส์จาก การย้ายฐานการผลิต หรือขยายห่วงโซ่อุปทาน
ความเสี่ยง: หากไทยไม่สามารถรักษาสมดุลระหว่างจีน-สหรัฐได้ อาจโดนกดดันทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง
ภาพลักษณ์: จีนกำลังใช้ “soft power” ด้านสิ่งแวดล้อม พลังงานสะอาด และการกู้ระเบิดในกัมพูชา ซึ่งอาจดึงคะแนนจากพันธมิตรเดิมของไทยในโลกตะวันตก
📉 ผลกระทบต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย
หุ้นส่งออก-อิเล็กทรอนิกส์: หากเวียดนามถูกกดดันจากภาษีสูงจากสหรัฐ การสั่งซื้ออาจย้ายมาที่ไทย
📌 หุ้นที่อาจได้ประโยชน์: HANA, DELTA, KCE, SVI
📈 ความต้องการสินค้าจากฐานการผลิตใหม่อาจเพิ่มขึ้นในระยะกลาง
หุ้นโลจิสติกส์และท่าเรือ: หากกัมพูชากลายเป็นฐานทัพหรือจุดยุทธศาสตร์ของจีน อาจส่งผลให้ไทยต้องลงทุนเพิ่มเพื่อรักษาความสามารถแข่งขันของท่าเรือแหลมฉบัง
📌 หุ้นที่เกี่ยวข้อง: JWD, PSL, LEO, WICE
📉 ความเสี่ยงจากการเบี่ยงเส้นทางเรือหรือปรับเส้นทางโลจิสติกส์
หุ้นกลุ่มพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีสีเขียว: ความร่วมมือจีน-กัมพูชาเรื่องพลังงานสะอาด อาจผลักดันให้ไทยเร่งตามให้ทัน
📌 หุ้นที่ได้รับแรงเก็งกำไรหรือความคาดหวังบวก: EA, GPSC, GUNKUL
📌 สรุป: จีนเดินหน้าเต็มสูบ ใช้ “มิตรภาพทางเศรษฐกิจ” สร้างอิทธิพลในอาเซียน
การทูตของสี จิ้นผิงครั้งนี้คือการแสดงให้เห็นว่าจีนกำลังยึดตำแหน่ง “ผู้นำทางเลือกใหม่” ท่ามกลางโลกที่สหรัฐกำลังกลับเข้าสู่แนวนโยบายกีดกัน
ในระยะยาว ไทยจำเป็นต้องเดินเกมระหว่างมหาอำนาจอย่างรอบคอบ ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็น “เหยื่อของความเปลี่ยนแปลง” แทนที่จะเป็น “ผู้รับผลประโยชน์”
🏷️ Hashtags:
#จีนอาเซียน #XiJinping #USChinaTensions #CambodiaChina #TradeWar #SouthChinaSea #WorldScope #SuperpowerStage #ศึกเวทีมหาอำนาจ #เศรษฐกิจอาเซียน #หุ้นไทย #BattleOfInfluence
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
