Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Movie Trivia
•
ติดตาม
22 เม.ย. เวลา 06:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Sinners (2025) – เสียงลำนำคนบาป ทาสแห่งวัฒนธรรม
หลังเคยนำพาเรื่องราวจากเหตุการณ์จริงสะเทือนขวัญ สานต่อตำนานคู่ปรับนักมวยรุ่นลูก และปูทางซูเปอร์ฮีโร่ผิวดำจากวาคานด้า ผู้กำกับ ฯ อย่าง ไรอัน คูเกลอร์ ก็เตรียมนำมาซึ่งเรื่องราวใหม่ ที่ผสมผสานพื้นหลังชุมชนผิวดำในปี 1932 ผสมเข้ากับความเขย่าขวัญของปีศาจแวมไพร์ คลอด้วยบทเพลงบลูส์เสนาะหู ในหนังเรื่องใหม่อย่าง “Sinners”
เรียนรู้เพิ่มเติม
youtube.com
Sinners | Official Trailer 2 (เสียงไทย)
ยามวิกาลเป็นเวลาของแก๊งคนบาป พบกับตัวอย่างเสียงไทย Sinners - ซินเนอร์สเข้าฉาย 17 เมษายน ในโรงภาพยนตร์#SinnersMovie #ซินเนอร์สผลงานจากผู้กำกับสายตาเฉียบแหลม ไ…
“Sinners” ว่าด้วยเรื่องราวค่ำคืนนึงของย่านมิสซิสซิปปีเดลต้าในช่วงปี 1932 เมื่อสองพี่น้องฝาแฝดอย่าง สโม้ค และ สแต็ก ที่หวนคืนกลับมายังถิ่นฐานด้วยเงินก้อนโต และเข้าซื้อโกดังเก่าเพื่อหวังสร้างเป็นร้านเริงรมย์ของคนผิวดำ พร้อมด้วยญาติอย่าง แซมมี เด็กหนุ่มลูกบาทหลวง ที่มีฝีมือในการเล่นกีต้าร์ ซึ่งขณะที่พวกเขากำลังจัดตั้งร้านในเย็นวันนั้น ก็เป็นห้วงเดียวกันกับที่ พวกเขาต้องเผชิญกับปีศาจเหนือมนุษย์ที่มีเป้าหมายซ่อนเร้น
เดินหน้าเข้าโรงด้วยความคาดหวังตามหน้าหนังที่กรุยมา แต่ก็ค้นพบว่า ไรอัน คูเกลอร์ ไม่ได้นำพาเราเข้าสู่บทต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์แทบในทันที หากแต่หนังกลับใช้ห้วงเวลาใหญ่ในสององก์แรก ในการปูฐานเรื่องราว ตัวละคร หรือกระทั่งห้วงภูมิทัศน์ที่ตัวละครได้ดำรงอยู่ในนั้น
ว่ามันคือช่วงเวลาที่คนผิวดำส่วนใหญ่ในแถบเดลต้านั้น ยังไม่ได้มีแม้แต่ กรรมสิทธิในการครอบครองดินแดน หรือกระทั่ง สิทธิในการลืมตาอ้าปากด้วยตัวเอง หากแต่มีตัวตนเป็นเพียงแค่ทาสภายใต้พื้นดินของคนขาว และจะปลดแอกตัวเองได้ ก็ต่อเมื่อทำงานครบตามกำหนดที่วางไว้
เรื่องราวช่วงแรก เราจึงได้แต่เฝ้าดูสองพี่น้องฝาแฝด สโม้ค-สแต็ก คิดการใหญ่วางแผนเปิดร้านเริงรมย์ในห้วงเย็นเดียว และแวะเรี่ยไรรายทางไปพานพบตัวละครนั้นตัวละครนี้ ซึ่งก็มีภูมิหลังร่วมซ้อนทับ ตามลำดับกันไป ทั้งในเชิงที่เป็นคนรัก และ คนสนิทสมัยวัยเด็ก (ที่ก็พัฒนากลายมาเป็นคนรักอีกที) แต่ทั้งหมด ก็ล้วนถูกชักชวนด้วยเงื่อนไขของการไปเปิดร้าน ให้เป็นแหล่งที่ชวนปลดแอกชาวผิวดำ ได้มาพักผ่อนหย่อนใจ ได้เป็นอิสระ ภายใต้สุรเสียงทางวัฒนธรรมของลำนำบทเพลงบลูส์
โดยขณะที่เรื่องเดินหน้าไป เราก็แทบไม่ได้เอะใจเลยด้วยซ้ำ ว่าในห้วงแรก เราจะคาดหวังถึงความแวมไพร์พีเรียดจากหนังเรื่องนี้ จนกระทั่ง หนังนำพาองค์ประกอบความพรั่นพรึงนี้ มาสู่ห้วงท้ายองก์แรก และพร้อมจะผลักดันจากความราบเรียบฉูดฉาดของสองพี่น้องฝาแฝดเปิดร้านเหล้า ไปสู่ความเละเทะเลือดสาดภายหลังจากนี้
ความน่าสนใจของตัวหนัง คือการที่ตัวหนังดูจะไม่ได้เลือกตัวเอกของเรื่อง ให้เป็นสองพี่น้องฝาแฝดเสียด้วยซ้ำ หากแต่เป็นเจ้าหนูแซมมี่ ผ่านภาพแรก ที่ทำให้เราเห็นสภาพอันสะบักสะบอม หลังจากผ่านคืนหฤโหดมาได้ ก่อนจะหวนย้อนกลับไปเล่าในวันก่อนหน้า (ซึ่งก็กลวิธีการเล่าพิมพ์นิยม ที่ชักจูงคนดูให้ติดตามเจ้าหนูนี้โดยพลัน) พร้อมภาพและคำถามที่ติดชะงักอยู่ในใจ ว่านอกเหนือจากจะเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้นแล้ว นั่นคือ ทำไมแซมมี่ถึงยังไม่ทิ้งซากกีต้าร์พัง ๆ ที่ยังอยู่ในกำมือไป
พลางขณะดู นอกเหนือจากความยากลำบากในการเปิดร้านเหล้าและปมตัวละคร หนังก็โอบล้อมเรื่องราวด้วยบทเพลงบลูส์มากมาย ที่มีรากเหง้าวัฒนธรรมมาจากคนผิวดำ ให้เป็นการปลดปล่อยความอัตคัตในเชิงปัญเจกและประสบการณ์ร่วม ผ่านทางเนื้อหาที่ชวนให้ผู้คนล้วนปลดแอกออกจากโซ่ตรวนที่สังคมในห้วงนั้นกำหนดไว้ และมันก็นำมาซึ่งช่วงเวลาต้องมนตร์ที่ยากจะลืม และเป็นประสบการณ์การรับชมที่หาได้ยากยิ่ง
ซึ่งขณะที่เนื้อหาของ “Sinners” ดูจะเป็นการเชยชมและชื่นชมถึงวัฒนธรรมร่วมอย่างดนตรีและบทเพลง ซึ่งนำด้วยห้วงทำนองห้องเพลงบลูส์ กระนั้นเอง ด้วยองค์ประกอบของความเป็นพีเรียดแวมไพร์ที่ถูกนำเสนอออกมา ที่แม้จะดูเป็นส่วนที่ชวนตีหัวผู้ชมเข้าบ้าน แต่ไอ้ความเป็นแวมไพร์นี้เอง มันก็สอดรับเนื้อหาของหนัง ที่สะท้อนถึงพลวัตทางอำนาจของห้วงดนตรีในรูปแบบที่ไม่คาดคิด
ด้วยนัยยะของหนัง แวมไพร์ อาจดูเป็นภาพสะท้อนซึ่งการฉกฉวย หรือการดูดกลืนอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ให้ไปสู่ความนิจนิรันดร์ หรือหลีกเลี่ยงชะตากรรมอย่างความตาย แบบที่ตัวละครอย่าง เรมมิค พยายามโน้มน้าวก็ตาม แต่ คูเกลอร์ ก็ดูจะพยายามเสริมอำนาจกระแสทางวัฒนธรรมอย่างดนตรีให้ล้นพ้นไปมากกว่านั้น
เพราะพล็อตหลักของหนัง มันพูดถึงความแท้จริงของห้วงบทเพลงที่สอดผสานและทะลุผ่านม่านกั้นระหว่างความเป็นความตาย ในทำนองที่ว่า เพลงของเจ้าหนูแซมมี่ ที่เสนาะไพเราะจนไม่ต่างจากเสียงสวรรค์นี้ ขณะเดียวกัน มันก็เป็นตัวเรียกภูตผีมาอย่างช่วยไม่ได้
ราวกับคูเกลอร์พยายามจะเปรยว่า ในหมู่มวลของห้วงคนบาปแบบเรา ที่อาจล้วนลุ่มหลงการปรนเปรอ ทั้งเหล้ายา หรือเพศสัมพันธ์ สิ่งใดหรือที่ทำให้เราเป็นมนุษย์? สิ่งใดหรือที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน? เพราะไม่แม้แต่จะผู้วายชนม์ที่เป็นอมตะ ก็มิอาจเพิกเฉย และยังหลงใหลในห้วงทำนอง จนถูกดึงดูดเข้ามาโดยพลัน
ดังนั้น คำถามที่ว่าทำไม แซมมี่ถึงไม่ยอมทิ้งกีต้าร์ตัวนั้นไป เพราะมันเป็นสิ่งเดียวกับที่คูเกลอร์เชื่อ หรืออุทิศให้ในหนังเรื่องนี้ ที่ว่าอำนาจของดนตรี มันสามารถสิงสถิตอยู่ได้ ทั้งห้วงคนเป็นและคนตาย อีกทั้งยังทะยานข้ามสถานที่ ห้วงเวลา ผ่านตรรกะและพื้นที่ เพื่อเชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน ซึ่งถึงแม้จะปลดพันธนาการออก ผ่านเงื่อนไขทางสังคมหรือมีชีวิต หลุดพ้นจากการเป็นทาสในแง่ใดแง่นีง สุดท้าย พวกเราเหล่าคนบาป ก็ล้วนยอมตกเป็นทาสแห่งกระแสวัฒนธรรมเฉกเช่นดนตรีอยู่ดี
และปฏิเสธไม่ได้ว่า มันเป็นช่วงเวลาที่ราวกับต้องมนตร์และชวนล่องลอยจริง ๆ
“Sinners” จึงไม่ใช่แค่หนังพีเรียดแวมไพร์ธรรมดา หากแต่มันเป็นการฉายซึ่งพลวัตอันกล้าแกร่งทางวัฒนธรรมอย่างดนตรี โดยมีเพลงบลูส์เป็นตัวนำ เป็นการสะท้อนถึงความปลดแอกตนออกจากกรอบกั้น ที่ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมกำหนด ด้วยการฉายความมีตัวตนและอัตลักษณ์ในรูปแบบวิถีที่ตนเชื่อ ด้วยองค์ประกอบความเป็นแวมไพร์ที่ข้ามเส้นระหว่างความเป็นความตาย ก็ช่วยเสริมและชื่นชมความรุ่มรวยของกระแสวัฒนธรรมที่ได้สดใหม่ และมีเอกลักษณ์มาก ๆ
4.5 / 5
"Sinners" (2025)
Written & Directed by Ryan Coogler
ภาพยนตร์
1 บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Movie Trivia | Review
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย