ลุ้นตัวโก่งยื่นกู้คอนโดครั้งแรก 12 ล้าน!!!
ประสบการณ์กู้ซื้อคอนโดปล่อยเช่า EP.2
ต่อเนื่องจากโพสต์ที่แล้วที่ห่างหายไปเกือบเดือนครึ่ง 🤣 วันนี้จะมาเล่าเรื่องการ "ยื่นกู้เงิน" กันซะที เพราะจริง ๆ ผลออกตั้งแต่ช่วงที่โพสต์ก่อนหน้าแล้วว่า "ผ่าน" แต่ตอนนั้นอาจยังเล่าจบแค่หลังจากเลือกทรัพย์เรียบร้อย
**แผนของเราคือจะซื้อคอนโดทั้งหมด 3 แห่ง**
กรุงเทพฯ 1 ที่ และเชียงใหม่อีก 2 ที่
กรุงเทพฯ
: 1BED+ ราคาประมาณ 6.9 ล้าน
เชียงใหม่ ทั้งสองห้องเป็น 1BED
: ที่แรกราคา 2.5 ล้าน
: ที่สองราคา 2.6 ล้าน
---
วางแผนกันยังไง?
ผมเริ่มต้นจากการนั่งคุยกับนายหน้า ว่าเราจะยื่นกู้ยังไงดีให้พอไหวทั้ง 3 ที่ พร้อม ๆ กันโดยคิดว่ายอดเงินกู้รวมน่าจะอยู่ที่ 12 ล้าน
**เน้นย้ำตัวโตๆเลยว่าไม่แนะนำให้ทุกคนใช้วิธีนี้นะครับ**
อันนี้แค่แชร์ประสบการณ์เฉย ๆ เพราะมันค่อนข้างซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงมาก
---
โปรไฟล์
ต้องบอกก่อนว่าโปรเจกต์นี้ผมลงทุนร่วมกับที่บ้านดังนั้นจะเป็นโปรไฟล์ของที่บ้านมากกว่าของผมเองนะครับ
พวกเราทำธุรกิจส่วนตัวหลายๆอย่างทุก ธุรกิจรวมรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ ประมาณ 280,000 บาท
แต่เป็นกำไรจากธุรกิจที่เรามั่นใจว่ามีแน่ ๆ ทุกเดือนคือ 80,000 บาท ส่วนที่เหลือก็คือได้ตลิดยังไม่เคยขาดทุนแหละแต่ว่ากำไรมันสวิงเลยไม่อยากจะเอาตรงนี้มาดูเท่าไหร่
เงินเก็บประมาณ 3 ล้าน
เงินหมุน 1 ล้าน
พอร์ตลงทุนอื่น ๆ อีกประมาณ 5 ล้าน
คำนวณแล้วว่าถ้ากู้ 12 ล้าน ค่างวดล้านละ ~6,000 บาท ก็อยู่ที่ 72,000 บาท/เดือน
ก็คิดว่าต่อให้ไม่มีคนเช่าเลย ก็ยังพอ "เอาอยู่" ไปได้จนกว่าจะขายออก (แม้จะขายขาดทุนก็ตาม)
---
ทำไมต้องแบ่งซื้อ?
จริง ๆ ตอนแรกเราลังเลจะซื้อห้องเดียวไปเลยที่ราคา 12 ล้านมั้ย หรือจะแบ่งซื้อหลายๆที่ดี
แต่ก็คิดว่า ถ้าทุกอย่างไปกระจุกอยู่ที่ทำเลเดียว เวลามีปัญหาอะไรมันจะโดนหนักหมด
เลยตัดสินใจกระจายออกมาเป็นหลายๆที่ที่ๆเราคิดว่าโปรไฟล์คนเช่าแตกต่างกันแทน
---
เดินหน้ากู้!
ผมเริ่มด้วยการถามนายหน้าก่อนว่าเค้ามี contact กับที่ไหนบ้าง
อัตราดอกเบี้ยเป็นยังไง? มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อะไรอีกไหม?
จากนั้นก็เอาข้อมูลมาทำ Feasibility ว่าอ่ะโอเคไปได้ไหม? ผลตอบแทนโอเคไหม? กระแสเงินสดเป็นไง?
ลองจิ้มๆดู เทสหลายๆ scenario โอเค น่าจะไหว
---
ในการยื่นกู้ครั้งนี้แอบยากนิดนึงตรงที่ต้องกู้แยกแต่ละทรัพย์กับแหล่งเงินทุนที่ match กัน โดยไม่ยื่นเผื่อหลายที่ เพราะทำแบบนั้นไม่ได้ (เนื่องจากเงื่อนไขบางอย่าง)
ธุรกิจไม่ได้จดเป็นนิติบุคคล ต้องกู้ร่วมกับคุณแม่
คุณแม่อายุเยอะ บางที่ไม่ให้รวมอายุทำให้ค่างวดสูง
พอเป็นรายได้จากธุรกิจส่วนตัว ต้องใช้เอกสารเยอะมาก
ต้องลงบันทึกประจำวันที่ สน. เพราะคุณพ่อคุณแม่แยกกันอยู่ ไม่มีทะเบียนสมรสแต่มีลูก
ตอนแรกคิดว่าขั้นตอนเตรียมเอกสารและพิจารณาน่าจะใช้เวลา 2 อาทิตย์สุดท้ายกลายเป็น 3 อาทิตย์ครึ่ง
---
ยื่นกู้ไปทั้งหมด 4 ที่แล้วผลออกก็มาเลือกเอาสาม 3 (อีกนึงที่พอดีตอนนั้นมีเหตุนิดหน่อยและกลัวว่ามีที่นึงอาจไม่ได้เลยยื่นเพิ่ม)
ดอกเบี้ยที่ได้เฉลี่ย 3 ปีแรกก็ราว ๆ 2.8% - เกือบ 3%
ค่างวดเฉลี่ยล้านละประมาณ 4,000
หลังครบ 3 ปีถ้าเครดิตยังดี ก็น่าจะรีเทนชั่นได้ที่ 3.5-4.5%
แต่ผลออกแล้วความวุ่นวายก็ยังไม่จบ
ผลอนุมัติออกมาก่อนวันโอนจริงแค่ 3-4 วัน!
ต้องรีบจัดการเรื่องเซ็นสัญญาซึ่งแอบยุ่งยากกว่าที่คิดมาก
ถึงขั้นต้องบินไปกรุงเทพแบบฉุกละหุก เพราะมีเจ้าหนึ่งต้องให้ไปเซ็นที่นู่น
---
ตอนแรกนึกว่าจะดีใจที่กู้ผ่าน
เอาจริงไม่ทันได้อะไรเลยเรื่องที่ต้องทำตามมาเป็นพรวน
- เตรียมตัวและเซ็นสัญญา
- ปรับตัวเลขใน Fease แล้วตัดสินใจรอบสุดท้ายก่อนเซ็นต์
- มัดจำ interior ให้เริ่มงานได้เลย
ทั้งหมดต้องจบใน 3 วันรวมเรื่องที่ต้องบินไปกรุงเทพด้วย
---
มีหลายอย่างที่เรา "เพิ่งรู้" ตอนลงมือทำจริง ๆ
เงื่อนไขการให้และพิจารณาสินเชื่อของแต่ละที่ไม่เหมือนกัน บางที่ merge อายุได้ บางที่ไม่ได้ บางที่ดอกเบี้ยเป็น fix บางที่ดอกลอย ดอกเบี้ยพิเศษ ต้องแลกกับหลายอย่าง เช่นประกันคุ้มครองสินเชื่อเอย หรือเงื่อนไขพิเศษต่างๆ
การเตรียมเอกสารการเจรจาร การดีลกับแต่ละฝ่าย มีดีเทลเยอะมากกว่าที่คิด
และใดๆเลยก็คือคอนเนคชั่นแม่งมีผลจริง เราลองไปเดินเอง / ติดต่อเองหลายที่กว่าจะได้คุย คุณภาพการบริการ ข้อเสนอสู้นายหน้าแนะนำให้ไม่ได้เลย
ดอกเบี้ยที่บอกมาคร่าวๆ 3 ปีแรกก็ fix 4% ปลายๆ ค่างวดไม่เคยต่ำกว่าล้านละ 6000
---
ไม่คิดว่าแค่ด่านแรกจะเหนื่อยขนาดนี้
แต่ก็ถือเป็นบทเรียนที่ดีมาก ๆ สำหรับก้าวแรก
หวังว่าตัวเองจะจัดการเรื่องต่อ ๆ ไปได้ดีขึ้น
เรียนรู้จากประสบการณ์
และถ้ารอดจากครั้งนี้ไปได้... ครั้งหน้าต้องดีกว่าแน่นอนครับ 💪
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
