1 ธ.ค. 2018 เวลา 11:45 • บันเทิง
ผู้เขียนหมีพูห์กับคริสโตเฟอร์ โรบิน : ความสัมพันธ์พ่อลูกที่ไม่สวยงามเหมือนในหนังสือ
ในช่วงปีที่ผ่านมามีภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของคริสโตเฟอร์ โรบิน ผู้เป็นลูกชายของ เอ เอ มิลน์ และเป็นตัวละครในวรรณกรรมเด็กเรื่องวินนี่เดอะพูห์
แต่ทั้งสองเรื่องกลับให้ภาพคริสโตเฟอร์ โรบิน และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อแม่ที่แตกต่างกัน
ในขณะที่เรื่อง Goodbye Christopher Robin แสดงถึงความสัมพันธ์เชิงลบของเขากับครอบครัว แต่เรื่อง Christopher Robin กลับเป็นหนังครอบครัวใสๆ แนวหลงลืมตัวตนในอดีต
เราจะมาดูกันว่าแท้ที่จริงแล้วชีวิตของคริสโตเฟอร์ โรบิน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเอ เอ มิลน์ ผู้เป็นพ่อนั้นเป็นยังไง
คริสโตเฟอร์ โรบิน ให้สัมภาษณ์เมื่อเขาโตว่าพ่อของเขานั้นไม่ใช่คนที่เข้ากับเด็กได้ดี
เอาเข้าจริงแล้วทั้งคู่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน เนื่องจากผู้เป็นพ่อมักจะต้องไปทำงานต่างเมือง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อเหมือนอย่างในเรื่องหมีพูห์
คริสโตเฟอร์ โรบิน ที่ปรากฏในนิยายนั้นก็มาจากคำบอกเล่าที่มารดาเขาเล่าให้สามีของเธอฟังเท่านั้นเอง
เธอเล่าว่าคริสโตเฟอร์ โรบิน ชอบเล่นกับตุ๊กตาหมีอย่างไร - แน่นอนว่าเมื่อเรื่องนี้ถูกถ่ายทอดสู่นักเขียนผู้เปี่ยมจินตนาการ มันก็กลายเป็นวัตถุดิบชั้นดีของสิ่งที่จะกลายเป็นวรรณกรรมคลาสสิคของโลกในเวลาต่อมา...
ส่วนแม่ของเขาก็ชอบจับเขาแต่งตัวเหมือนเด็กผู้หญิง และตัดผมทรงที่ “ไม่มีใครในยุคนั้นเขาไว้กัน” (ในเรื่อง Goodbye Christopher Robin เล่าว่าเป็นเพราะเธออยากได้ลูกสาวมากกว่า ดังนั้นจึงไม่พอใจที่คริสโตเฟอร์ โรบิน เกิดมาเป็นเด็กชาย)
แม้พ่อลูกจะเหินห่างกัน แต่ เอ เอ มิลน์ ก็พาลูกชายออกงานตั้งแต่ 7 ขวบ ภาพถ่ายสองพ่อลูกพร้อมกับตุ๊กตาหมีที่เป็นที่มาของตัวละครวินนี่เดอะพูห์ เป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปในหน้าหนังสือและนิตยสารเวลานั้น
เอ เอ มิลน์ กับคริสโตเฟอร์ โรบิน
คริสโตเฟอร์ โรบิน น่าจะเป็นเด็กที่ “ดัง” ที่สุดในยุค ในระหว่างทัวร์อเมริกา มิลน์ผู้พ่อถึงกับเขียนจดหมายบอกเพื่อนคนหนึ่งว่า “คนที่พวกอเมริกันอยากเห็นก็คือคริสโตเฟอร์ โรบิน ไม่ใช่ผม”
การเป็นลูกคนดัง และเป็นเด็กที่มีชื่อเสียงนั้นกลับนำพาความทุกข์โศก และนำไปสู่ความเกลียดชังพ่อแม่ตัวเองในเวลาต่อมา
คริสโตเฟอร์ โรบิน ถูกส่งเข้าโรงเรียนประจำ และเมื่อหนังสือเรื่อง The House at Pooh Corner (ภาษาไทยใช้ชื่อว่า “บ้านมุมพูห์”) ออกวางขายในปี 1928 คริสโตเฟอร์ โรบิน ก็เริ่มถูกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนรังแกด้วยความหมั่นไส้แกมอิจฉา
คริสโตเฟอร์ โรบิน เล่าว่าในวัยเด็กนั้นเขาภาคภูมิใจในตัวผู้เป็นพ่อ ภาคภูมิใจที่ได้มีนามสกุลเดียวกับพ่อ แต่ครั้นเมื่อเขาถูกส่งเข้าโรงเรียนประจำตอน 9 ขวบ และถูกกลั่นแกล้งเสมอๆ เขาก็เริ่มเกลียดพ่อ และยิ่งรู้สึกเกลียดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขายิ่งโตขึ้น
การเป็นลูกนักเขียนชื่อดังแห่งยุคเป็นเรื่องยาก ยิ่งเมื่อเขาคิดว่าพ่อตัวจริงไม่ได้เป็นพ่อที่อบอุ่นเหมือนอย่างในหนังสือ ยิ่งไปกว่านี้แฟนหนังสือของพ่อทุกคนล้วนรู้จักเขา ความคาดหวังที่ผู้คนในสังคมมีต่อคริสโตเฟอร์ โรบิน จึงยิ่งทำให้เขาอึดอัดใจ
นามสกุลของพ่อที่เขาเคยภาคภูมิใจ กลายเป็นภูเขาสูงที่เขาไม่อาจปีนข้ามไปได้ จนคริสโตเฟอร์ โรบิน บอกว่า สิ่งที่บิดาทิ้งไว้ให้คือ “ชื่อเสียงจอมปลอมของการเป็นลูกชายของพ่อ” เท่านั้นเอง
เมื่อคริสโตเฟอร์เติบโตเป็นผู้ใหญ่ อาชีพคนขายโคมไฟดูจะห่างไกลจากความคาดหวังจากแฟนหนังสือหมีพูห์คาดหวังว่าเขาจะเป็น
ภายหลังคริสโตเฟอร์ โรบิน แต่งงานกับเลสลี่ย์ ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา (แม่ของคริสโตเฟอร์ โรบิน กับพ่อของเลสลี่ย์เป็นพี่น้องกัน แต่พี่น้องคู่นี้ไม่ลงรอยกันมานาน 30 ปี ดังนั้น ดาฟเน่ มิลน์ จึงไม่เห็นดีเห็นงามกับการแต่งงานของลูกชาย)
ในเวลาต่อมาคริสโตเฟอร์กับเลสลีย์เปิดร้านหนังสือด้วยกัน แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อจะไม่ดี แต่ที่ร้านของเขาก็วางขายหนังสือชุดหมีพูห์ เพียงแต่มันไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่าหนังสือขายดีที่ร้านหนังสือจำเป็นต้องหามาขาย
ความเก็บกดในวัยเด็กทำให้คริสโตเฟอร์ โรบินตั้งใจว่าเมื่อโตขึ้นเขาจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อ ให้คนได้เห็นว่าจริงๆ แล้วพ่อเขาเป็นเช่นไร
ดังนั้นแล้วเมื่อเขาโตขึ้น เขาจึงวิพากษ์วิจารณ์พ่อและแม่อย่างรุนแรงผ่านการให้สัมภาษณ์แต่ละครั้ง ในหนังสือความทรงจำวัยเด็กของเขา จึงฉายภาพพ่อแม่ไม่ต่างอะไรจากสัตว์ประหลาด
ดาฟเน่ผู้เป็นแม่เจ็บปวดกับสิ่งที่คริสโตเฟอร์ โรบินกระทำ เธอโกรธแค้นลูกชายจนถึงขั้นไม่เผาผีกัน ขณะที่กับ เอ เอ มิลน์ นั้น คริสโตเฟอร์ โรบิน ยังเข้าหน้าได้มากกว่า
ในช่วงบั้นปลายชีวิตของ เอ เอ มิลน์ คริสโตเฟอร์ โรบิน ไปเยี่ยมพ่อของเขาบ้างนานๆ ครั้ง แต่หลังจากพ่อของเขาตาย ภายในเวลา 15 ปีที่มารดากลายเป็นหม้าย คริสโตเฟอร์ โรบินไปเยี่ยมเธอเพียงครั้งเดียว
แม้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต คริสโตเฟอร์ โรบิน พยายามไปเยี่ยมเธอเพื่อปรับความเข้าใจเป็นครั้งสุดท้าย แต่ดาฟเน่ก็ปฏิเสธที่จะพบหน้าลูกชายของตนเอง
ส่วนบรรดาตุ๊กตาสัตว์อันเป็นที่มาของเรื่องวินนี่เดอะพูห์นั้น คริสโตเฟอร์ โรบิน ได้ยกให้กับ อี พี ดัตตัน บรรณาธิการผู้พิมพ์หนังสือ
ดัตตันเก็บบรรดาตุ๊กตาเหล่านี้นานถึง 40 ปี ก่อนที่จะพยายามจะส่งคืนให้คริสโตเฟอร์ โรบิน แต่มิลน์ผู้ลูกก็ปฏิเสธที่จะรับคืน ดัตตันจึงนำตุ๊กตาเหล่านี้มอบให้ห้องสมุดนิวยอร์ค ซึ่งจัดแสดงตุ๊กตาพวกนี้มาจนถึงปัจจุบัน​
เหล่าตุ๊กตาสัตว์ในห้องสมุดนิวยอร์ค

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา