23 ธ.ค. 2018 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
พาหุงบทที่ 7
ตอน  นันโทปนันทนาคราช
1
ในสมัยพุทธกาลเวลา ณ ช่วงหนึ่ง ตอนใกล้รุ่งเช้า ขณะนั้นพระพุทธเจ้า ได้ทรงประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร พระองค์ได้ตรวจดูสรรพสัตว์ในหมื่นโลกธาตุ
ด้วยพระสัพพัญญุตญาณ
ก็ได้เห็น พญานาคราชนามว่า
"นันโทปนันทนาคราช"
ก็มีวิสัยจะได้บรรลุธรรม
พระพุทธองค์จึงทรงตรัสเรียก
พระอานนท์ บอกว่าวันนี้จะ
ไปรับภัตตาหารที่บ้านของ
อนาถบินฑิกเศรษฐี
แต่พระองค์จะเสด็จไปเทวโลกก่อน พระอานนท์จึงบอกแก่ภิกษุ ๕๐๐ ให้ตามเสด็จไปยังเทวโลกด้วยกายเนื้อ
ขณะนั้น นันโทปนันทนาคราช กำลังนั่งอยู่บนรัตนบัลลังก์ทิพย์ ห้อมล้อมด้วยนาคบริษัท ดื่มสุราอาหารทิพย์อย่างเบิกบานใจ
ครั้นเมื่อได้เงยหน้าขึ้นมองไป
ในนภาอากาศ ก็ได้เห็นพระพุทธเจ้าพร้อมพระภิกษุ ๕๐๐ กำลังเหาะข้ามยอดวิมานของตน บ่ายหน้าไปยังดาวดึงส์เทวโลก
นันโทปนันทนาคราช เห็นเช่นนั้น
ตนก็รู้สึกโกรธแค้น ไม่พอใจ...
จึงดำริว่า :
"สมณะหัวโล้นเหล่านี้คงจะเหาะไปดาวดึงสวรรค์ แต่การเหาะข้ามหัวเรา ฝุ่นละอองที่ติดเท้าก็จะร่วงใส่เรา บัดนี้เราจะขัดขวางสมณะเหล่านี้ไม่ให้เหาะข้ามวิมานเราไปอย่างเด็ดขาด"
ครั้นแล้วพญานาคราชก็ลุกเหาะ
ขึ้นไปยังเชิงเขาสิเนรุ เนรมิตรกายใหญ่โต ขนดรอบเขาสิเนรุมาศที่สูง ๔๘,๐๐๐ โยชน์ เอาไว้ ๗ รอบ
แล้วแผ่พังพานปิดดาวดึงส์ที่อยู่เหนือยอดเขาสิเนรุมาศเอาไว้ไม่ให้มองเห็น
ท่านรัฏฐปาลภิกขุเห็นว่าทางที่จะไปดาวดึงสวรรค์นั้นผิดปกติ จึงได้กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า
"เมื่อก่อนข้าพระองค์ยืนอยู่ตรงนี้ ประเทศนี้ ก็สามารถมองเห็นภูเขาที่อยู่ล้อมสิเนรุมาศ และได้เห็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้เห็นเวชยันต์ปราสาท ได้เห็นธงเบื้องบนเวชยันต์ปราสาท
แต่มาบัดนี้กลับมองไม่เห็นอะไรเลย เป็นเพราะเหตุใดพระเจ้าข้า"
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสบอกเหตุว่าเกิดจากนันโทปนันทนาคราชนั้นได้
มาแสดงฤทธิ์ปิดดาวดึงส์ไว้
ท่านรัฏฐปาลภิกขุ จึงกราบทูลขอเป็นผู้ทรงทรมานนันโทปนันทนาคราช
แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงอนุญาต ด้วยทรงทราบว่าไม่ใช่วิสัยของอรหันต์ทั้งหลายที่จะทำลายทิฏฐิมานะของพญานาคผู้มีฤิธานุภาพมากเช่นนี้
แต่ครั้นเมื่อพระโมคคัลลานะได้ทูลอาสา พระองค์จึงทรง​อนุญาต​และ
ได้ประทานพรให้พระโมคคัลลานะ
มีชัยชนะเหนือแก่พญานาคนั้น
พระโมคคัลลานะเมื่อได้รับพุธานุญาตแล้ว ก็ได้เนรมิตกายเป็นพญานาคใหญ่กว่านันโทปนันทนาคราช
ถึง ๒ เท่า
มีพังพานประมาณ แสนโกฏิ แล้วขนดกายรอบสิเนรุมาศทับนันโทปนันทนาคราชไว้ ๑๔ รอบ  และวางพังพานของตนลงบนยอดพังพาน ของนันโทปนันทนาคราช  กดเข้ากับยอดเขาสิเนรุมาศ จนนันโทปนันทนาคราชนั้น
กระดูกแทบแตกร้าวไปทั้งตัว
ทำให้นันโทปนันทนาคราชโกรเกรี้ยวยิ่งนัก  นันโทปนันทนาคราชจึงพ่นควันพิษใส่พระโมคคัลลานะ พระโมคคัลลานะก็พ่นควันพิษที่ร้ายกาจกว่าใส่พญานาคบ้าง
นันโทปนันทนาคราช จึงพ่นไฟพิษร้อนแรงเข้าใส่ แต่พระโมคคัลลานะ
ก็พ่นไฟพิษที่ร้อนแรงยิ่งกว่ากลับคืน
นันโทปนันทนาคราชนั้นตกใจที่จู่ๆ
ก็มีพญานาคขนาดใหญ่มาขนดหางพันทับร่างของตน เอาพังพานมา
กดทับ แถมสามารถพ่นควันและไฟพิษได้รุนแรงกว่าตน จึงได้เอ่ยวาจาถามว่าท่านนี้เป็นใคร
พระเถระตอบว่า :
"นันทะ เรานี้คือ โมคคัลลานะ
อัครสาวกเบื้องซ้ายแห่งพระพุทธองค์"
พญานาคราชจึงกล่าวตอบว่า :
"ท่านเป็นสมณะ เหตุใดจึงมาทำร้ายข้าพเจ้า"
พระโมคคัลลานะตอบว่า :
"เราทรมานท่าน เพื่อให้ท่านละมิจฉาทิฏฐิ รู้จักบาปบุญคุณโทษ รู้จักคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ตลอดจนคุณของบิดามารดาครูบาอาจารย์ ตัวท่านนั้นไม่สมควรที่จะมาแสดงความโกรธในพระพุทธเจ้า และพระอัครสาวกที่เหาะมา เพราะแม้ละอองพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า จะตกลงมาเหนื่อเศียรของท่าน ก็จะเกิดมงคลยิ่งนักหาเป็นอัปมงคลไม่"
ว่าแล้วพระโมคคัลลานะก็คืนร่างเป็นพระภิกษุ
นันโทปนันทนาคราช
เมื่อได้ฟังคำของพระโมคคัลลานะ
ก็ยังคงไม่ละมิจฉาทิฏฐิ ในใจยัง
คงคิดที่จะหาทางกำจัดพระเถระ
ให้ได้อยู่...
แต่พระโมคคัลลานะนั้นท่านได้รับรู้วาระจิตของพญานาค ท่านจึงแสดงปาฏิหาร เดินเข้าไปในช่องหูขวา แล้วออกทางช่องหูซ้าย เข้าทางช่องหูซ้ายและออกทางช่องหูขวา
เข้าทางช่องจมูกขวา ออกทางช่องจมูกซ้าย เข้าทางช่องจมูกซ้าย ออกทางช่องจมูกขวาของพญานาคราช ทำให้พญานาคราชได้รับทุกขเวทนายิ่งนัก
ลำดับนั้น
นันโทปนันทนาคราช ได้อ้าปากขึ้น พระโมคคัลลานะได้เข้าไปในปาก แล้วเดินจงกรมอยู่ภายในท้องพญานาคราช
ทางด้านทิศตะวันออกบ้าง
ด้านทิศตะวันตกบ้าง
ทำให้พระยานาคราชได้รับ
ความเจ็บปวดทรมานมากขึ้น
แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้...
ขณะนั้นในเวลาเดียวกัน   
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า :
"โมคคัลลานะ นาคนี้มีฤทธิ์มากนะ
เธออย่าได้ประมาท"
พระโมคคัลลานะกราบทูลว่า :
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้มีพญานาคราช เช่นนันโทปนันทะนี้ ตั้งร้อยก็ดี ตั้งพันดี ตั้งแสนก็ดี ข้าพระองค์ก็พึงทรมานได้ พระเจ้าข้า"
ฝ่ายนันโทปนันทนาคราชคิดว่า เมื่อตอนพระเถระเข้าท้องไปนั้นตนเองไม่ทันเห็น แต่ถ้าออกมาเวลานี้เราจะเคี้ยวพระเถระกินเสีย คิดแล้วจึงกล่าวว่า :
"ขอท่านจงออกมาเถิด อย่าเดินไปๆมาๆ ภายในท้องทำให้ข้าพเจ้าลำบากเลย... "
พระโมคคัลลานะจึงเดินออกมาจากปาก และเหาะออกมาอยู่ข้างนอก นันโทปนันทนาคราชเห็นได้ทีจึงพ่นลมพิษทางจมูก ลมนี้แม้โดนต้นไม้ก็จะหักโค่นลงในทันที แต่กลับไม่สามารถทำอันตรายแก่พระโมคคัลลานะได้ เนื่องจากพระโมคคัลลานะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเข้าและออก
จตุตฌานรวดเร็วเป็นยิ่งนัก
นันโทปนันทนาคราชเห็นว่าพระเถระนี้มีฤทธิ์ร้ายกาจ ไม่อาจต่อสู้ได้ จึงหลบหนีไป พระโมคคัลลานะจึงเนรมิตรรูปกายเป็นพญาครุฑ บินไล่พญานาคไป
พญานาคก็แปลงกายเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ โตบ้าง เล็กบ้าง เพื่อหลบหนี แต่พระเถระก็ติดตามอย่างมิได้ลดละ  
เมื่อเห็นว่าไม่อาจหนีพ้นได้นันโทปนันทนาคราช จึงแปลงกายเป็นมาณพน้อยเข้าไปกราบแทบเท้าพระเถระอย่างสิ้นพยศ และกล่าววาจาว่า :
"ท่านผู้เจริญเราขอถึงท่านเป็นสรณะ"
พระโมคคัลลานะจึงกล่าวว่า :
"เราเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาของเรา เพราะฉะนั้น ท่านจงไปสำนักของพระพุทธเจ้า เพื่อยึดเอาพระองค์เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดเถิด" แล้วพระเถระก็พานันโทปนันทนาคราชมาเฝ้าพระพุทธเจ้า
ครั้นเมื่อไปถึงแล้ว พญานาคก็ก้มลงกราบนมัสการพระพุทธองค์
แล้วกราบทูลว่า :
"ข้าพเจ้านี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นพาล มิได้รู้จักบาปบุญคุณโทษ
ขอพระองค์ได้โปรดอโหสิกรรมในความผิดที่ได้ทำพลั้งพลาดเพราะอกุศลที่เข้าสิงจิตนั้นด้วยเถิด บัดนี้ข้าพเจ้าจะขอบูชาพระรัตนตรัยไป
จนตราบชีวิตจะหาไม่ พระเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้าจึงทรงประทานศีล ๕ แล้วเสด็จนำพระภิกษุไปสู่บ้านของอนาถบิณฑิกเศรษฐีต่อไป
เมื่อท่านเศรษฐีได้รับฟังเรื่องที่พระพุทธองค์ให้พระโมคคัลลานะปราบพญานาคราชลงได้นั้น
จึงได้ถวายสังฆทานฉลองชัย
ตลอด ๗ วัน
... ชัยชนะของพระพุทธเจ้าที่มีต่อ นันโทปนันทนาคราช  พระพุทธองค์ทรงมอบหมายให้พระโมคคัลลานะ
อัครสาวกเบื้องซ้าย ที่ใช้อิทธิฤทธิ์ทรมานจนนันโทปนันทนาคราชพ่ายแพ้ไป คาถาบทนี้นิยมใช้สำหรับการเอาชนะด้วยเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ...
เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้
ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านผู้อ่านทุกท่าน ขอดวงตาเห็นธรรมจงบังเกิดแก่ท่านสาธุชนทั้งหลาย สาธุ
อ้างอิง
อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา สัฏฐิกนิบาต ๑. มหาโมคคัลลานเถรคาถา
หนังสือ พาหุง ชัยชนะแห่งพุทธะ
ภาพประกอบโดย แอดมินต้นธรรม เพจ ธรรม STORY
โฆษณา