16 ม.ค. 2019 เวลา 07:53
Aloha Airlines Flight 243 เที่ยวบินเปิดประทุน รอดตายปาฏิหาริย์ เสียววาบจนหยุดหายใจ!
ตั้งชื่อไปดูเหมือนเวอร์ แต่หากใครเคยได้ดูหนังเรื่อง Miracle Landing นี่แหละคือที่มา..Based on true story เรื่องนี้ที่ดูกี่ที ก็น่ากลัวมากกกก แค่นึกว่าเป็นตัวเอง แอร์ป้าก็คงหัวใจวายไปซะก่อนแล้ว แต่อย่างน้อยเรื่องนี้ก็จะเป็นหนึ่งใน Case Study ของ Rapid Decompression คือการเสียความกดดันอากาศอย่างรวดเร็ว ที่แอร์ป้าเคยเขียนอธิบายไว้ในบล็อคก่อนหน้านี้ และเคสนี้จะทำให้เราทุกคน ไม่กล้าประมาท รัดเข็มขัดที่นั่ง อยู่ตลอดเวลา จนไม่แม้แต่จะลุกไปเข้าห้องน้ำอีกเลย.....จริงๆนะ
ย้อนเวลากลับไป เมื่อวันที่ 28 เมษายน ปี 1988 สายการบินในอดีตที่ปัจจุบันปิดตัวลงไปแล้ว Aloha Airlines flight 243 สัญชาติอเมริกา เครื่องบินแบบ Boeing 737-297 เป็นเที่ยวบินปกติจากเกาะไฮโลไปสู่โฮโนลูลู เมืองหลวงของรัฐฮาวาย เครื่องได้ทำการบินขึ้นโดยปกติ และไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น
1
เวลา 13.25 น. เที่ยวบินออกเดินทางพร้อมกับผู้โดยสารจำนวน 85 คน และลูกเรืออีก 5 คน ก่อนการเดินทาง ไม่มีรายงานสภาพอากาศว่าผิดปกติแต่อย่างใด ทุกอย่างดูน่าจะราบรื่น...
2
มีเพียงแต่เครื่องบินที่เพิ่งผ่านการบินมา 3 เที่ยวบินติดโดยไม่ได้หยุดพัก...
กัปตันในเที่ยวบินนี้คือ กัปตันโรเบิร์ต อายุ 44 ปี(ในขณะนั้น) มีประสบการณ์การบินมากว่า 8,500 ชั่วโมง และผู้ช่วยนักบินซึ่งเป็นผู้หญิงคือ แมเดลีน มีมี่ ทอมป์กินส์ อายุ 37 ปี(ในขณะนั้น)
เวลา 13.48 น. หลังจากที่เครื่องบินบินขึ้นไต่ระดับความสูงปกติที่ 24,000 ฟุต  ผู้โดยสารทางด้านหน้าของเครื่องบินเริ่มรู้สึกได้ว่า ทำไมถึงเย็นผิดปกติ มีลมจากด้านนอกพัดเข้ามาทางด้านบน และเมื่อเงยหน้า ก็พบว่า...
ชิ้นส่วนเล็กๆ บนหลังคาเครื่องบินทางด้านซ้ายค่อยๆ ปริและแตกออก!! (และนี่คือที่มาของเครื่องบินเปิดประทุนในตำนาน)
1
จำได้ไหมที่แอร์ป้าบอกไว้ในบล็อคก่อน เมื่อเกิด Rapid Decompression จะเป็นอย่างไร.....ไม่ต้องถามให้มากความ เพราะยังไม่ทันจะได้พูด ข้าวของทุกอย่างก็จะถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็ว สิ่งของปลิวว่อน ทุกอย่างกระจัดกระจาย หรือแม้แต่นิตยสารที่กำลังถูกถืออ่าน จานชามอาหาร ก็จะถูกดูดออกไปทางช่องหลังคาที่แตก!
1
ผู้โดยสารต่างร้องเสียงระงมลั่นเครื่องด้วยความหวาดกลัว ข้าวของในเครื่องบินที่ปลิวลอยไปมาได้ลอยมากระแทกกับหน้าและลำตัวเข้าอย่างจังโดยที่พวกเขาไม่สามารถหลบหลีกได้...จำได้ไหมว่าแอร์ป้าเคยบอกว่าอย่าเอากระเป๋าน้ำหนักเกินขึ้นเครื่องในบล็อคก่อนหน้า เพราะอะไร เพราะสิ่งนี้ไง แต่จะว่าไป ถึงเวลานั้น แม่แต่หนังสือเล่มเดียว ก็แรงได้เท่าก้อนหินก้อนนึงเลย -"-
ฝ่ายนักบินเริ่มรู้สึกได้ว่า เครื่องบินเริ่มโคลงเคลงและเสียการควบคุม และเมื่อหันหลังไปมองก็พบว่า ประตูห้องนักบินถูกแรงลมและแรงดันอากาศด้านนอกที่พัดเข้ามาในเครื่องฉีกกระชากจนบิดงอ จนมองเห็นที่นั่งของผู้โดยสารแล้ว!
ยังไม่พอ เมื่อนักบินมองกลับมาก็จะเห็นเพดานที่หายไป พร้อมกับ...เธอเห็นท้องฟ้านั้นไหม....ฟ้าใสแค่ไหนถามใจเธอดู..และถึงเวลานี้ใครอยากเห็นหน้ากัปตันก็จะได้เห็นกันแบบไม่ต้องร้องขอเลยทีเดียว -"-
1
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือ Rapid Decompression ซึ่งหมายถึงการที่ระบบปรับความดันในห้องนักบินและห้องโดยสารของเครื่องบินล้มเหลว เป็นไปในแบบรวดเร็ว เครื่องบินสูญเสียความดัน เพราะความดันอากาศด้านนอกซึ่งต่ำมากได้เข้ามา ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนักบินและห้องโดยสารที่ไม่มีอะไรยึดติด ถูกอากาศด้านนอกดูดออกไปหมด! รวมไปถึงชิ้นส่วนหลังคาและผนังเครื่องบินของที่นั่งชั้น First Class 6 แถว!
1
และแล้วก็เกิดเหตุไม่คาดคิด เมื่อลูกเรือคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้กับประตูแถวที่ 5 ซึ่งถูกแรงดันกระชากจนประตูหลุดออกไป ร่างของลูกเรือคนนั้นได้ถูกแรงดันกระชากจนหลุดออกจากเครื่องบินไปพร้อมกับประตูด้วย!...แอร์ป้ารู้เลยว่าแอร์ท่านนี้คงกำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่ และทุกอย่างเกิดเร็วมากจนเราไม่รู้ตัว...
2
โชคยังดีที่เหตุเกิดขึ้นหลังจากเครื่องบินแตะระดับการบินปกติ สัญญาณรัดเข็มขัดยังไม่ดับลงทำให้ผู้โดยสารทุกคนยังนั่งอยู่กับที่ ไม่ลุกไปไหน ทุกคนรีบคว้าหน้ากากออกซิเจนมาครอบจมูกและปาก และยังคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ทุกคน ทำให้ไม่ถูกแรงดันกระชากหลุดออกจากเครื่อง....นี่คือสาเหตุว่าทำไม เราควรคาดเข็มขัดเวลาอยู่บนเครื่องบิน
ในเวลาที่เกิดเหตุ ผู้ที่กำลังทำการขับเครื่องบินคือผู้ช่วยนักบินซึ่งเป็นผู้หญิง ได้พยายามหาทางนำเครื่องบินลงจอดที่สนามบินที่ใกล้ที่สุด ซึ่งก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะการติดต่อกับศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศถูกขัดขวางด้วยเสียงลมแรงจากช่องหลังคาที่แตกเข้ามาแทรก แม้แต่นักบินและผู้ช่วยนักบินซึ่งนั่งใกล้กัน ก็ต้องสื่อสารกันด้วยภาษามือแทน แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ที่ศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศมองเห็นสัญญาณฉุกเฉินของเครื่องบินบนจอเรดาร์  ทำให้สามารถรีบเตรียมความช่วยเหลือได้ทัน
2
เมื่อเครื่องบินลดระดับความสูงลง ผู้โดยสารและนักบินเริ่มหายใจได้โดยไม่ต้องพึ่งหน้ากากออกซิเจน ถึงแม้เครื่องบินจะเสียสมดุลไปบ้าง แต่ก็ยังสามารถควบคุมได้อยู่
1
และในที่สุด ... นักบินสามารถนำเครื่องบินร่อนลงจอดที่สนามบินบนเกาะมาอิได้อย่างปลอดภัย และเป็นดังในภาพ
ท่ามกลางความตกใจของผู้ที่พบเห็นสภาพเครื่องบิน ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่ากัปตันจะสามารถนำเครื่องบินสภาพนี้ลงจอดได้ราวกับปาฏิหาริย์ เพราะแค่เห็นสภาพเครื่อง ก็คงเป็นลมแล้ววว
มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บจำนวน 65 คน ในจำนวนนี้มี 8 คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งหมดได้ถูกนำตัวไปยังโรงพยาบาล รายที่ได้รับบาดเจ็บหนักๆ คือผู้โดยสารบริเวณแถวหน้าหรือชั้น First Class ที่ชิ้นส่วนหลังคาเครื่องบินและผนังด้านข้างหลุดออกไป ทำให้มีอาการแก้วหูฉีกขาดจากการที่เครื่องบินลดระดับอย่างรวดเร็ว ข้าวของบนเครื่องบินลอยมากระแทกอย่างรุนแรง สมองกระทบกระเทือน กระดูกแตก...
ไม่มีการพบชิ้นส่วนของเครื่องบินที่แตกหักและหลุดออก และที่น่าเศร้าที่สุดคือ ไม่มีการเจอร่างของลูกเรือท่านนี้ที่ลอยหลุดออกจากเครื่องด้วยเช่นกัน....
หลังจากเกิดเหตุ ทีมของ NTSB (United States National Transportation Safety Board) หรือ หน่วยรักษาความปลอดภัยการขนส่งของอเมริกา ได้เข้ามาทำการตรวจสอบสาเหตุและได้ระบุว่า สาเหตุหลักของอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากสภาพของเครื่องบินที่เก่าและทรุดโทรม จนทำให้เกิดรอยแตกบนหลังคาตั้งแต่ก่อนขึ้นบิน โดยเครื่องบินลำนี้มีอายุการใช้งานเกือบ 20 ปี ทำให้สภาพเครื่องบินเริ่มผุกร่อนจากความชื้น
2
และจากการสอบสวนผู้โดยสารบนเครื่อง พบว่า มีผู้โดยสารคนหนึ่งสังเกตเห็นรอยแตกเล็กๆ ก่อนออกเดินทาง แต่ไม่ได้แจ้งกับใคร!! จำได้ไหมแอร์ป้าบอกเสมอ เราต้องเป็นหูเป็นตาให้กันและกันเด้ออ
1
และแล้วเรื่องจริงนี้ก็ถูกนำไปสร้างเป็นหนัง เรื่อง Miracle Landing ในปี 1990
ภาพเครื่องบินไร้หลังคา..RIP
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า โปรดรัดเข็มขัดที่นั่ง นั่งประจำที่ และช่วยกันสังเกตุสิ่งผิดปกติ
สุดท้าย....... สวดมนต์ ทำบุญ ก่อนมาบินเด้อค่ะ
แล้วคุณล่ะ ได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้บ้าง?
ขอไว้อาลัยให้ลูกเรือท่านนั้นอีกครั้ง
ขอให้ทุกเที่ยวบินปลอดภัย
Have a safe flight.✈
#แอร์ป้าห้าดาว
credit

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา