ทำไมของที่มีราคาแพงจึงมีคนซื้อ?
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมบรรดาของหรูทั้งหลายจึงมีคนซื้อ และยังเห็นมีการขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย ทั้งที่ไม่มีก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย อาทิเช่นกระเป๋าถือ Hermès (แอร์เมส) ที่ราคาสามารถซื้อรถ Benz ได้เป็นคันๆ ลูกค้ายังต้องเข้าคิวรอการพิจารณาว่าจะมีสิทธิ์ซื้อได้ไหม นาฬิกา Patek Philippe ที่มีราคาหลักล้านบาทต่อเรือน ไม่เว้นแม้แต่รถหรู Super Car lamborghini (ลัมโบกินี่) ที่ราคาเริ่มต้นเพียง 18 ล้านบาท ก็ยังมีคนซื้อ
ผู้เขียนเองเป็นคนหนึ่งที่สงสัยมานานเหมือนกันว่าเพราะอะไรสินค้ากลุ่มนี้จึงขายได้ในราคาสูงๆทั้งที่ต้นทุนการผลิตก็ไม่ได้สูงมากเท่าไหร่ เช่นกระเป๋าหลายยี่ห้อสามารถทำได้ดีมีคุณภาพดีกว่าด้วยทนกว่าด้วยใช้ประโยชน์ได้มากกว่าด้วยทำไมขายได้น้อยกว่าทั้งปริมาณและราคาขาย จึงเป็นที่มาของการค้นหาคำตอบจากหลายๆแหล่งข้อมูล
โดยจะสรุปเป็นข้อๆได้ดังนี้
1. มีเงินอย่างเดียวก็ซื้อไม่ได้ เพราะลูกค้ารู้สึกเป็นพิเศษกับการที่มีสิทธิ์ได้ซื้อสินค้านั้น ไม่ใช่แค่เพียงราคาสูงอย่างเดียว ยังต้องรอการพิจารณาจากผู้ขายด้วยว่าคุณจะมีสิทธิ์ซื้อไหมหลังจากที่ได้ทำการตรวจสอบประวัติแล้ว เราจะพบได้ในกลุ่มสินค้ากระเป๋าเครื่องหนังต่างๆ
2. ไม่ได้หาซื้อได้ทั่วไปและอยากได้เท่าไหร่ก็ได้ เพราะมีปริมาณจำกัด เช่น นาฬิการุ่นนี้ผลิตเพียง 5 เรือนในโลก รถรุ่นนี้มีเพียง 100 คันเท่านั้นและมีเพียง 20 คันที่ประกอบด้วยมือล้วนแล้ว และใน 5 คันของ20 คันนี้ ประดับด้วยหนังวัวแม่ลูกอ่อนที่กินหญ้าออร์แกนนิคเป็นอาหาร เป็นต้น
3. ราคาไม่ตกแถมยังราคาขึ้นด้วยทั้งที่ใช้ไปแล้ว หลายครั้งพบว่ายิ่งใช้นานยิ่งแพง เพราะเป็นสินค้าที่มี 2 ข้อข้างต้นเป็นส่วนประกอบ ทั้งมีจำนวนจำกัดหรือไม่มีอีกแล้วในรุ่นนั้นๆ ทั้งยังต้องใช้การได้รับการพิจารณาที่เข้มงวดมากว่าจะได้ครอบครอง
4. แน่นอนว่ายื่งใช้ยิ่งราคาขึ้น ยิ่งใช้นานราคายิ่งแพง ดังนั้นสินค้าจึงต้องมีคุณภาพที่ดีแบบล้ำๆแบบสุดๆแบบที่ยากจะสึกหรอได้นั่นเอง
5. เราจะไม่เห็นสินค้ากลุ่มนี้อย่างดาดดื่น มีเพียงบางกลุ่มที่ได้ใช้เท่านั้น แน่นนอนว่าไม่ใช่ใครๆก็ใช้ได้ ใครๆก็ซื้อได้
6. คนที่ซื้อได้นอกจากจะมีเงินอย่างเดียวจึงจะซื้อได้ยังไม่พอ ยังต้องมีเงินที่ซื้อแบบไม่กังวลด้วย นั่นคือเขาต้องมีเหลือเฟือที่จะใช้สินค้าราคาสูงขนาดนี้โดยที่ไม่เป็นภาระ แม้ว่าบางครั้งเราจะเห็นข่าวต่างๆที่หลายคนหาเงินมาซื้อกระเป็นหรูแบบพลีกาย แต่นั่นเป็นของหรูก็จริงแต่ก็เป็นของหรูที่มีคุณสมบัติไม่ครบทั้ง 5 ข้อข้างต้น
หลังจากอ่านแล้วมีความเห็นเป็นอย่างไรบ้างครับ หลายธุรกิจพัฒนาสินค้าจนทำให้คุณภาพดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ในขณะนั้น ลูกค้าก็ยังไม่สนใจซื้อหรือราคาที่ขายก็ขายได้กำไรไม่มาก งั้นคุณภาพอย่างเดียวก็ไม่ใช่แล้วสิ
ในมุมมองของการทำตลาดผู้เขียนมองไปในวิธีการที่ผู้จำหน่ายสินค้ากลุ่มนี้ทำต่างหาก เขาทำให้ตำแหน่งสินค้า (Positioning) เป็นสินค้าหรูมีเฉพาะกลุ่มเท่านั้น(Targeting) และเป็นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการการยอมรับสูง (Segmentation) จึงทำให้ลูกค้ารับทราบและรับรู้ได้ในการสื่อสารการตลาดที่ชัดเจนจากผู้ผลิตและผู้ขายนั่นเอง
แต่คำตอบที่แท้จริงที่ผู้เขียนนำบทความนี้มาแบ่งปันคือ "คุณมองเห็นโอกาสและจะนำไปประยุกต์ใช้อย่างไรในธุรกิจของคุณ?"
FB Page : Thailand Modern Marketing
ข้อมูลมุมมองการตลาดที่ทันสมัยจากประสบการณ์จริง
อ่านได้ใน Blockdit ยุคใหม่การตลาดของไทย
โหลดที่ http://www.blockdit.com
- 4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
