1 มิ.ย. 2019 เวลา 10:31 • ธุรกิจ
การตลาดแบบปิดทางออกคู่ค้าหรือการใช้วิธีการบังคับจะได้และเสียอะไรบ้าง?
ที่มา: https://kkn-rsc.ricethailand
ข่วงนี้(มิถุนายน 2562) เป็นช่วงเวลาที่มีข่าวการทำการค้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่ของโลก ที่แม้ว่าเราจะไม่ไปเกี่ยวข้องแต่ก็ต้องรับผลกระทบไม่ว่าจะทางตรงและทางอ้อมอยู่ดี "เพราะช้างสารตีกันหญ้าแพรกก็แหลกลาญ"
วิธีการบีบบังคับอีกฝ่ายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการไม่ใช่วิธีการใหม่ เกิดขึ้นมานานและหลายครั้งแล้ว ทั้งในระดับโลกระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่น หรือแม้กระทั่งในครอบครัวก็มี
เราบอกไม่ได้หรอกว่ามันดีหรือไม่ดี การที่เราจะลงมือทำอะไรขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่เราจะได้มากกว่า เป้าหมายชัดการลงมือก็ชัด แต่หากจะมองดูว่าเราจะได้อะไรหรือเสียอะไรรวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในทางที่ได้ประโยชน์น่าจะเป็นสิ่งที่คำนึงถึงมากกว่า
ที่มา: https://flagsinternational.com
ผมเองได้มีการตกตะกอนจากการตัดสินใจลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในชีวิตด้วยความเชื่อมั่นว่า "ทุกการลงมือทำเราสามารถใช้เรื่องการตัดสินใจแบบ ชนะ/ชนะ ได้เสมอ" ผมไม่มีข้อโต้แย้งใดๆนะครับว่าท่านผู้อ่านหลายท่านจะเห็นต่าง เพราะทุกคนล้วนมีเหตุผลของตัวเองทั้งสิ้น แต่หากว่าเรามองหาสิ่งใดและเชื่อมั่นสิ่งใด แม้ว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกใบนี้ก็ตาม เราก็จะหามันจนเจอเอง ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของการมองหาสิ่งนั้นๆ
https://flaginternational.com
เราลองมาดูกันว่าการตลาดแบบบีบบังคับและกำหนดให้ฝ่ายตรงข้ามต้องทำตามที่เราต้องการเท่านั้นเพื่อผลลัพธ์ที่เราต้องการ เราจะได้อะไรบ้าง
1. เราสามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้
2. เราจะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการอย่างรวดเร็ว
3. เราสามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามไปในทิศทางที่เรากำหนดได้ทันที
4. เราจะสามารถกำหนดผลตอบแทนที่ได้รับเองและวางแผนได้ง่าย เนื่องจากทุกสิ่งขึ้นอยู่กับเรา
5. ทำให้ผู้ที่ไม่อยู่ในกระบวนการต้องยอมรับในสิ่งที่เราทำโดยปริยาย
6. หากฝ่ายตรงข้ามไม่ทำตามก็จะเสียหายในทันที
7. เราสามารถบริหารกระบวนการดำเนินการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำได้
นี่คือ 7 ข้อเท่าที่นึกได้ ซึ่งแน่นนอนว่าผู้ที่ทำได้จะต้องมีกำลังการต่อรองที่เหนือกว่าในเรื่องนั้นๆ สามารถควบคุมได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ลองมาดูกรณีที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นตัวอย่างกันว่ามีเหตุการใดบ้าง เช่น เจ้าหนี้ให้เงินกู้กับชาวนาและบังคับให้ชาวนาขายผลผลิตข้าวในเงื่อนไขที่ตนเองกำหนด ธนาคารกำหนดให้ลูดหนี้ต้องทำประกันชีวิตด้วย กรณีซื้อสินค้าเหล้าพ่วงเบียร ประเทศมหาอำนาจบังคับประเทศที่ถูกระบุว่าเป็นเผด็จการด้วยการห้ามค้าขายกับประเทศตนเองและประเทศอื่น หรือแม้กระทั่งล่าสุดที่้เป็นข่าวใหญ่โตระดับโลกระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน และยังมีอีกมายมายหลายเหตุการณ์ ที่ใช้การทำตลาดแบบบีบบังคับฝ่ายตรงข้ามหรือลูกค้า
กรณีข้างต้นคือการเลือกการดำเนินการแบบ ชนะ/แพ้ หรือที่เราคุ้นเคยกับคำว่า "ได้อย่างเสียอย่าง" หรือมีคนได้ต้องมีคนเสีย แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันยังยืนจริงหรือ?
ลองมาดูว่าสิ่งที่มีผลกระทบในอีกด้านมีอะไรบ้าง?
1. ไม่สร้างให้เกิดการพัฒนาที่หลากหลากหลาย เพราะถูกบังคับด้วยกฏเกณฑ์ต่างๆ ทำให้ยากต่อการต่อยอดวิธีคิด
2. ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องเร่งมองหาทางออกจากที่ไม่ได้ทำหรือทำไปเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น กลุ่มผู้ค้าน้ำมันรวมตัวกันขึ้นราคาน้ำมันดิบเพื่อให้ได้กำไรเพิ่มขึ้น จึงทำให้เกิดการตระหนกจากประเทศผู้ใช้น้ำมันรีบเร่งหันมาหาทางออกด้วยการหาพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง
3. ทำให้คู่แข่งมีโอกาสสูงที่จะเข้ามาได้ง่ายและได้ใจของฝ่ายตรงข้ามไป เช่น การบังคับการทำประกันชีวิตกับลูกหนี้ธนาคาร ทำให้ธนาคารคู่แข่งมีช่องว่างในการเข้ามาทำตลาด และยังทำให้ธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารเข้ามาได้โดยง่ายโดยการดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ไป เป็นต้น
4. ทำให้ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบเกิดความตระหนักในด้ายการต่อรอง ทำให้เกิดการรวมตัวกันเพื่อสร้างกำลังต่อรองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
5. ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่จริงใจต่อกัน
นี่คือข้อสรุปที่ผมเห็นได้จากการทำตลาดโดยการบีบบังคับฝ่ายตรงข้าม แน่นอนว่ามีได้ต้องมีเสีย แต่ที่เสียต่างหากหล่ะที่เราต้องนำมาพิจารณาว่าจะดำเนินการเช่นไร
ที่สำคัญคือเราได้เรียนรู้อะไรที่จะสร้างผลลัพธ์อะไรที่้เป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งระยะสั้นและระยะยาว?
FB page: Thailand Modern Marketing
ข้อมูลมุมมองการตลาดที่ทันสมัยจากประสบการณ์จริง
อ่านได้ใน Blockdit ยุคใหม่การตลาดของไทย
โหลดที่ http://www.blockdit.com
โฆษณา