หมายเหตุโดยโหราทาส
.
Michael Feist เป็นผู้สืบทอดสำหรับ Hamburg School of Astrology คนปัจจุบัน เป็นหลานชายของ Udo Rudolph ผู้สืบทอดคนก่อนหน้า ส่วน Udo เป็นลูกชายของ Ludwig Rudolph ผู้ร่วมก่อตั้งสำนัก และยังเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ที่จัดการตีพิมพ์ผลงานของสำนัก ส่วน Sieggrun เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าสำนัก ขณะที่ Witte วิศวกรทำแผนที่ เป็นผู้คิดค้นโหราศาสตร์แบบใหม่ (ที่เราคุ้นเคยในชื่อโหราศาสตร์ยูเรเนียน) และ เป็นแขกรับเชิญที่ Sieggrun เชิญมาบรรยายที่กลุ่ม จนต่อมาทางกลุ่มได้นำวิธีการของ Witter มาใช้เป็นมาตรฐานของสำนัก จุดหักเหของสำนักเกิดขึ้นมา Witte มาถึงแก่กรรมกระทันหันจากการถูกทรมานและกดดันโดยพวกนาซี ส่งผลให้ Ludwig มอบหมายให้ Lefeldt ปรับปรุงแก้ไขผลงานของ Witte ซึ่ง Lefeldt เป็นผู้นิยมโหราศาสตร์ดังเดิมแบบที่มีการตีความทางปรัชญา (ซึ่งผิดไปจากปณิธานของ Witte ที่ต้องการตีความจากตัวอย่างการทดลอง ) ทำให้ผู้ใช้คัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งในการแปลความหมาย
เพื่อให้เข้าใจที่มาที่ไปลึกไปกว่านั้น ว่าใครเป็นใคร ขอกล่าวถึงประวัติโรงเรียนโหราศาสตร์สำนักฮัมบูร์ก ( Hamburg School of Astrology) สักเล็กน้อย จากบทความที่ชื่อ “The Hamburg School – The Early Years” ของ Michael Feist
.
1913 Afred Witte เริ่มตีพิมพ์ผลงานโหราศาสตร์ แต่วิธีการที่ใช้ยังไม่เป็นที่รู้จักและคุ้นเคย
.
1915 Friedrich Sieggrun ก่อตั้งกลุ่ม Kepler-Circle มี Ludwig Rudolph เป็นเลขากลุ่มและสมาชิกอายุน้อยสุด และเป็นศิษย์ของ Sieggrun
.
1919 Alfred Witte ถูกเชิญมาบรรยายให้กลุ่ม หลังจากนั้นตีพิมพ์ 40 บทความจนถึงปี 1924 ให้กลุ่ม
.
หลัง 1924 Witte และกลุ่มเริ่มแนะนำวิธีการใหม่ใน Magazine
.
1929 Witte ตีพิมพ์ผลงานชุดสุดท้ายโดย L.Rudolph
.
1919-1925 กลุ่ม Kepler-Circle เริ่มหันเหจาก Traditional มาสนับสนุนวิธีการของ Witte
.
1923 Witte นำเสนอดาวสมมติ Cupido เป็นครั้งแรก พร้อมวิธีการคำนวณ ในเวลานั้นมีการคำนวณตำแหน่งดาว Trans-Neptune กันอย่างแพร่หลายแล้ว
.
1923 Sieggrun เริ่มใช้ชื่อเรียกกลุ่มว่า The Hamburg Astrologers School ในงานประชุมนักโหราศาสตร์ที่เมือง Leipzig ต่อมาวิธีการของ Witte ถูกเรียกว่า Hamburg School
.
1925 F.Sieggrun, A.Witte, L.Rudolph, H.Feddern และกลุ่มนักโหราศาสตร์รวม 27 คนก่อตั้งสมาคมนักโหราศาสตร์ Hamburg School อย่างเป็นทางการ มี Sieggrun เป็นประธานบริหาร และ Rudolph เป็นเลขา จุดประสงค์เพื่อเก็บรวมรวมสะสม ค้นคว้า วิจัยยืนยันความสัมพันธ์ ตำแหน่งดาวเข้ารูปกับปรากฏการณ์จริงที่เกิดขึ้น
.
1926-1927 เริ่มเก็บรวบรวมความหมายเหตุการณ์ตามตำแหน่งดาว ร่างเป็นกฏเกณฑ์
.
1928 Rudolph จัดพิมพ์ Rules for Planetary Pictures เป็นครั้งแรก โดยรวมความหมายดาวทิพย์ 4 ดวงคือ Cupido, Hades, Zeus และ Kronos ที่คำนวณโดย Witte เข้าไป
.
1927 F.Sieggrun นำเสนอดาวทิพย์ Apollon, Admetos และ Vulkanus ต่อกลุ่ม แต่ไม่ได้รับการรับรอง Sieggrun เริ่มแยกตัวออกจากลุ่ม โดยมี Rudolph เป็นคนคอยประสานงานระหว่างกลุ่มกับ Witte (กลุ่มต้องการเน้นเรื่องการอ่านดวงชะตา)
.
หลัง 1928 Witte และ Rudolph ยังคงสอนให้กลุ่มต่อเนื่อง
.
1930 นักดาราศาสตร์ค้นเจอดาว Trans-Neptune ผ่านกล้องโทรทัศน์เป็นครั้งแรก
.
1933 Richard Svehla แนะนำวิธีการ Hamburg Shool ในสหรัฐ
.
1935 ตีพิมพ์ Rules for Planetary Picture 3ed (1935) เป็นฉบับภาษาอังกฤษ และใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Uranian System of Astrology โดยนำความหมายจากดาวยูเรนัส (การปฏิวัติ)
.
1939 เริ่มนำดาวทิพย์ที่ Sieggrun คำนวณไว้เพิ่มเข้ามาในตำรา