Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
MovieTalk มูฟวี่ชวนคุย
•
ติดตาม
16 ก.ค. 2019 เวลา 15:08 • บันเทิง
คอหนังนั่งเล่า ๑๐๐ ภาพยนตร์ไทยที่คนไทยควรดู: ชุมแพ
ชุมแพ (๒๕๑๙) กำกับการแสดง: จรัล พรหมรังสี/อำนวยการสร้าง: วิสันต์ สันติสุชา/นำแสดง: สมบัติ เมทะนี, นาท ภูวนัย, ปิยะมาศ โมนยะกุล, ธัญญรัตน์ โลหะนันท์, เกชา เปลี่ยนวิถี, ดามพ์ ดัสกร, มานพ อัศวเทพ, ไกร ครรชิต, ลักษณ์ อภิชาต/บทประพันธ์: ศักดิ์ สุริยา/บทภาพยนตร์: จรัล พรหมรังสี/กำกับภาพ: นิยม ศรีสุวรรณ
เพิก ชุมแพ เดินทางกลับมายังเมืองบ้านเกิด ‘ชุมแพ’ อีกครั้ง ทันทีที่มาถึงก็ได้รับการต้อนรับจากบรรดาอันธพาลท้องถิ่น ลูกสมุนของจ่าถม นิยมไถ ผู้มากบารมีแห่งชุมแพ ผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจผิดกฎหมายทุกชนิด และใช้อิทธิพลข่มเหงบรรดาชาวบ้านตาดำ ๆ ที่สำคัญจ่าถมอยู่เบื้องหลังการตายพ่อของเพิก การกลับมาของเพิก ก่อแรงสั่นสะเทือนต่อฐานอำนาจเถื่อนของจ่าถม และกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับผู้กองไชโย ผู้มาติดพันกับดวงพร ลูกสาวของจ่าถม และแววดาว คนรักของจ่าถม ชุมแพจะไม่เหมือนที่เคยเป็นอีกต่อไป เพราะ เพิก ลูกผู้ชายที่ท้าทายอำนาจชั่ว
สมบัติ เมทะนี เป็น เพิก ชุมแพ
สมบัติ เมทะนี หรือ น้าบัติของใครหลายคน รับบทเป็น เพิก ชุมแพ ผู้ทำหน้าที่ต่อกรกับอิทธิพลเถื่อน น้าบัติคือพระเอกที่ได้รับการบันทึกลงในกินเนสบุ๊คในฐานะเป็นพระเอกหนังมากที่สุดในโลก 617 เรื่อง!
นาท ภูวนัย เป็น ผู้กองไชโย
นาท ภูวนัย ซึ่งในชีวิตจริงมีอาชีพเป็นปลัดอำเภอ รับบทเป็น ผู้กองไชโย ใครหลายคนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าคงจดจำน้านาทได้ในฐานะโกโบริคนแรกบนจอเงินจากหนังเรื่อง คู่กรรม
1
ปิยะมาศ โมณยะกุล เป็น แววดาว
ข้างฝ่ายนางเอกที่แทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลยในหนัง ได้แก่ ปิยะมาศ โมนยะกุล ในบท แววดาว และ ธัญญรัตน์ โลหะนันท์ ในบท ดวงพร รายของน้าปุ๊ ปิยะมาศ คนรุ่นปัจจุบันน่าจะมีภาพจำเธอในฐานะนักแสดงบทแม่เชื้อสายจีน
ครรชิต ขวัญประชา
ลักษณ์ อภิชาติ
ร่วมด้วยพระเอกระดับรอง ครรชิต ขวัญประชา, มานพ อัศวเทพ, ผู้ช่วยพระเอกในตำนาน ลักษณ์ อภิชาติ
ดามพ์ ดัสกร เป็น ภู น้ำพอง, เกชา เปลี่ยนวิถี เป็น จ่าถม นิยมไถ
ขาดไม่ได้เป็นสีสันของหนังบู๊ไทย คือบรรดาตัวร้าย เรียกว่ามากันครบ เริ่มที่ เกชา เปลี่ยนวิถี ในบท จ่าถม นิยมไถ หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าสมัยหนุ่ม ๆ ลุงเกชาเคยอยู่ฝ่ายธรรมะเป็นพระเอกมาแล้วนะครับ เช่น หนังไทยเรื่อง ป้อมปืนตาพระยา, รายถัดมา ดามพ์ ดัสกร เป็น ภู น้ำพอง สมุนเอกมือขวาของจ่าถม ใครทันคงรู้ว่าลุงดามพ์คือเครื่องหมายการค้าตัวโกง แต่มีหนังไทยเรื่อง “มัน” ที่ลุงดามพ์ได้เป็นฝ่ายธรรมะนะครับ ทำเป็นเล่นไป
พิภพ ภู่ภิญโญ
ตัวร้ายระดับที่คนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายรู้จักมากันครบ อนันต์ สัมมาทรัพย์, ไกร ครรชิต หรือ ลุงพิภพ ภู่ภิญโญ ดาวร้ายหัวล้านไว้หนวดที่คนดูมีภาพจำเวลาที่แกลูบหัวล้าน เลียริมฝีปากและพูดประโยคทอง “พี่จะยัดเยียดความเป็นผัวให้น้องเอง...” แต่ไม่เคยมีเรื่องไหนที่ลุงพิภพทำสำเร็จ เพราะพระเอกมาช่วยทัน และลุงสลบคากองTeenพระเอกทุกทีสิน่า
สมัยนั้นฉากบู๊เสี่ยงตายเป็นเรื่องที่นักแสดงต้องเข้าฉากกด้วยตนเอง โอกาสเจ็บตัวมากน้อยย่อมมีเกิดขึ้น และฉากบู๊ของชุมแพก็ถูกบันทึกไว้ในฉากการต่อสู้บนหลังคารถทัวร์ของ ลักษณ์ อภิชาตกับดามพ์ ดัสกร คือไฮไลท์ทั้งหมดของหนังที่ต้องดูครับ จา พนมก็เถอะนะ เจอรุ่นน้ารุ่นลุงก่อน
ชุมแพ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อครั้งที่ออกฉายในปี ๒๕๑๙ ภายใต้การกำกับการแสดงของ จรัล พรหมรังสี ที่นำเอาบทประพันธ์ชื่อเรื่องเดียวกันที่ตีพิมพ์อยู่ในนิตยสารบางกอกมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ไทยแนวบู๊ภูธร หนังได้รับความนิยมมากจนมีการสร้างภาคสองออกมาในชื่อ “ทุ่งลุยลาย” ในปี ๒๕๒๑
ในฐานะภาพยนตร์ไทย “ชุมแพ” จัดอยู่ในทำเนียบ “๑๐๐ ภาพยนตร์ไทยที่คนไทยควรดู” นั่นเพราะชุมแพเปรียบเสมือนจดหมายเหตุทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย ในฐานะหัวหอกของ “หนังบู๊ภูธร” หรือที่เรารู้จักกันในนาม “ระเบิดภูเขาเผากระท่อม” ถึงแม้ว่าในหนังชุมแพเราจะไม่ได้เห็นการระเบิดภูเขา หรือเผากระท่อมเลยก็ตาม แต่การที่ให้ตัวพระเอกเป็นคนนิรนามพลัดถิ่นเข้าไปในแดนอิทธิพล ต่อกรกับพ่อเลี้ยงผู้ชั่วร้าย ก่อนที่ตอนจบจะเผยตัวเองเป็น...ปลอมตัวมา
ซึ่งมันกลายเป็นพล็อตยอดฮิตของหนังไทยเรื่องต่อ ๆ มา และมีเนื้อหาในทำนองเดียวกัน จะเปลี่ยนแปลงบ้างก็คงเป็นพระเอกนางเอกเท่านั้น และที่เห็นบ่อยที่สุดก็คือ “ร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา” น่าจะเป็นมุกร้อยล้านมากที่สุดแล้ว
ชุมแพ ยังสะท้อนภาพเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้น ที่บรรดาผู้มีอิทธิพลส่วนใหญ่คุมพื้นที่ทางภาคอีสาน บ้างก็มีตำแหน่งในแวดวงราชการ หรืออดีตเคยรับราชการ ชาวบ้านชาวช่องมองเห็นข้าราชการในฐานะเจ้าคนนายคนจนแทบจะต้องกราบไหว้บูชา หรือก้มหน้ารับกรรมถ้าไปเจอประเภทที่เหี้ยมจนม.ม้าวิ่งตามไม่ทันก็เยอะ
ชุมแพยังสะท้อนให้เห็นการผลิตหนังบู๊ไทยในยุคสมัยนั้น วัตถุดิบชั้นดีก็คือ นิตยสารบางกอก โดยเฉพาะนวนิยายบู๊เรื่องไหนที่ฮิตในหมู่คนอ่าน เป็นต้องถูกซื้อมาทำเป็นหนังอย่างแน่นอน ส่วนมันจะดีหรือแย่ก็ว่ากันไปตามคุณภาพ
พิจารณาจากมุมมองของคนดูหนังในยุคนี้ จะเห็นถึงความเชย และบทหนังที่หลวมยิ่งกว่ากางเกงยางยืด ขาดความต่อเนื่อง และคิวแอ็คชั่นที่ดูแบบหนังไท๊ย..หนังไทย ประเภทที่จะต่อยกันฝ่ายหนึ่งจะต้องกระโจนเข้าใส่ ก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายยันด้วยฝ่าเท้า หรือยกเท้าเตะยอดหน้า กระทั่งมุกประเภททันทีที่ลงจากรถ เข้าร้านกาแฟพระเอกก็โดนกวนTeen จากลูกสมุนนายใหญ่ทันที
แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมามันคือ “เสน่ห์แบบหนังบู๊ไทย” ที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามันฝังลึกอยู่ในรากเหง้าของศิลปและวัฒนธรรมไทย ที่ในความเชย โบราณ แฝงไว้ด้วยความอมตะ คลาสิก และเป็นอารมณ์ถวิลหาของคนที่เคยได้ดูทั้งในโรงหนังประเภท Stand Alone หรือ นั่งดูหนังกลางแปลงในงานวัด ที่ในยุคดู Netflix เราคงยากจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบนั้นแล้ว
ชุมแพ กลับมาอีกสองครั้งในรูปแบบละครทีวี ในปี ๒๕๕๐ ทางช่อง ๗ สี และ ปี ๒๕๖๒ ทางช่อง ๓ ซึ่งผู้เขียนไม่เคยดูครับ!
นับจากปี ๒๕๑๙ ที่ออกฉาย มาถึงวันนี้ เวลาผ่านไป ๔๓ ปี กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า ชุมแพ เป็นหนังไทยที่คนไทยควรได้ดูอย่างแท้จริง สำหรับท่านที่สนใจมีให้ดูทาง Youtube ครับ ส่วนถ้าอยากตามหาแผ่นหนัง เห็นทีจะยากถึงยากที่สุด
ที่มาข้อมูล: Wikipedia,
thaifilmrevies.com
, พิพิธภัณฑ์หนังไทย
ที่มาภาพประกอบ:
thaifilmrevies.com
, จากหนังไทยเรื่อง ชุมแพ
4 บันทึก
52
35
9
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
คอหนังนั่งเล่า ๑๐๐ ภาพยนตร์ไทยที่คนไทยควรดู
4
52
35
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย