8 ส.ค. 2019 เวลา 07:23 • ธุรกิจ
อยากจะขายของออนไลน์มีอะไรที่ต้องรู้ก่อน?
ตอนที่ 3
หลังจากที่ได้รู้จักช่องทางการทำการตลาดออนไลน์แล้วว่าทั้ง 2 ช่องทางหลักมีความแตกต่างกันอย่างไร ขั้นตอนต่อมาคือจะทำอย่างไรต่อไป โดยพิจารณาความเหมาะสมข้อดีข้อจำกัดและที่สำคัญคือความเป็นไปได้ของเรามีมากน้อยแค่ไหน
ผู้เขียนขอทบทวนเรื่องรูปแบบการทำตลาดออนไลน์อีกครั้งเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น Digital Marketing คือ การทำตลาดผ่านสื่อต่างๆ อาทิ Face Book, Youtube, Instragram, Line หรือแม้แต่ Blockdit ทั้งหมดที่ว่านี้ก็คือการโฆษณานั่นเอง อาจจะใช้วิธีการสร้างการจดจำด้วยลักษณะพิเศษต่างๆที่เรามีความโดดเด่น เช่น พูดแบบตรงๆแหวกแนวหรือแบบไม่ง้อของเพจอย่าหาว่าน้าสอนหรือการขายของแบบเจ้น้ำ การนำเสนอวิธีการแต่งหน้าของเนสตี้ สไปร์ทซี่ หรือจะเป็นใจ๋ใจ๋สายจี้ และ การเล่าเรื่องจากวรรณคดีของ Point of View และอีกมีอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง
ทั้งหมดแล้วล้วนแต่เป็นการสร้างตัวตนให้ผู้คนได้รับรู้ได้นึกถึง มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ (Influencers)ของลูกค้า ซึ่งใครๆก็ทำได้ไม่มีข้อจำกัดเลย แต่มีกี่คนที่ทำแล้วเข้าถึงพูดคนมีคนกล่าวถึงหรือนึกถึง ทุกคนต่างก็ต้องแข่งขันการนำเสนอ แต่แน่นอนว่าเมื่อทำได้ผลตอบแทนมันคุ้มค่ามากบางครั้งแทบไม่มีต้นทุนด้วยซ้ำไป ข้อดีอีกอย่างคือกำไรส่วนต่างได้รับเต็มๆ เราอาจจะเคยได้ยินว่าการทำ Content marketing หรือว่า Youtuber Net Idol มาบ้างแล้ว เหล่านี้ก็คือการทำตลาดในรูปแบบ Digital Marketing นั่นเอง ข้อดีของการทำ Digital Marketing คือสามารถมีรายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางตรงก็คือขายสินค้าและบริการ ทางอ้อมคือรายได้จากการบรรยาย การโฆษณา การให้คำปรึกษา เป็นต้น
อีกรูปแบบก็คือ Market Place หรือ Digital Market Place ก็คือการทำตลาดผ่าน Platform Online ต่างๆที่เป็นตัวกลางในการสื่อถึงลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าหรือบริการนั้นๆ เช่น เรามีห้องเหลือแทนที่จะปล่อยเช่าเอง เราก็นำไปนำเสนอผ่าน Agoda, AirBnB, Booking.com รวมถึงโรงแรมต่างๆก็ได้รูปแบบนี้ในการทำตลาด Grab และ Uber ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่เชื่อมโยงคนที่มีรถต้องการหารายได้เพิ่ม แล้วถ้าไม่ได้ต้องการสร้างรายได้จากอสังหาริมทรัพย์และรถยนต์แต่มีสินค้าที่อยากจะขายโดยที่ไม่อยากต้องไปจัดการเรื่องการนำเสนอขายการทำบัญชีการจัดส่งหรือแม้แต่การตอบข้อสงสัยลูกค้า
1
เราก็มีทางเลือกจากหลาย Platform ทั้งการทำตลาดในประเทศอย่างเดียวหรือทำตลาดต่างประเทศอย่างเดียวหรือจะทำทั้ง 2 อย่าง อาทิเช่น Alibaba, Taobao, Wish.com, amazon, ebay, Lazada, Kaidee.com, Tarad.com เป็นต้น เจ้าของสินค้าไม่ต้องเข้าไปนำเสนอขายเอง จัดส่งเอง ตอบข้อสงสัยเอง รับคืนสินค้าเอง รวมถึงการจัดทำรูปแบบการชำระเงินเอง เมื่อมีคนทำแทนเราในสิ่งที่ยุ่งยาก เราก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนในส่วนนี้ให้เขา ดังนั้นกำไรที่ได้ต้องแบ่งให้เจ้าของ Platform ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละที่ ซึ่งผู้ที่ต้องการทำตลาดต้องมาพิจารณาถึงความคุ้มค่าความเหมาะสมและโอกาสที่จะเกิดความเป็นไปได้กับเรา
ซึ่งบางท่านก็กำลังมองหาธุรกิจที่จะทำและบางท่านก็ทำธุรกิจอยู่แล้ว จากข้อมูลข้างต้นมองเห็นโอกาสช่องทางการทำตลาดอย่างไรบ้างที่จะทำการขยายหรือทำตลาดออนไลน์
ตอนต่อไปก็จะเป็นการพิจารณาว่าจะทำอย่างไรกับช่องทางการตลาดออนไลน์ (Online Marketing)
FB Page: Thailand Modern Marketing
ข้อมูลมุมมองการตลาดที่ทันสมัยจากประสบการณ์จริง
อ่านได้ใน Blockdit ยุคใหม่การตลาดของไทย
โหลดที่ http://www.blockdit.com
โฆษณา