12 ส.ค. 2019 เวลา 08:43 • ปรัชญา
ขงจื่อ
ตอนที่ 13
เริ่มต้นชีวิตที่เร่ร่อน
เพียงขงจื่อเข้าดำรงตำแหน่งสมุหนายกได้ไม่นาน ท่านก็สามารถนำพารัฐหลู่เข้าสู่ยุคเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แน่นอนว่าเรื่องนี้ได้สร้างความอึดอัดใจให้แก่แคว้นฉีอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะการได้เสียเปรียบในเวทีการเจรจาเจริญสัมพันธไมตรีเมื่อครั้งที่แล้ว ก็ยิ่งสร้างความรู้สึกคับแค้นใจให้กับแคว้นฉีเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยหยุดที่จะคิดหาวิธีสร้างความแตกแยกร้าวฉานให้กับแคว้นหลู่ให้จงได้ พวกเขาเข้าใจพระนิสัยของเจ้าแคว้นหลู่ติ้งกงเป็นอย่างดี การที่แคว้นหลู่มีความยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทั้งหมดล้วนเพราะหลู่ติ้งกงมีขุนนางผู้มากด้วยความสามารถเช่นขงจื่อนั่นเอง เพียงแค่กำจัดขงจื่อออกไป แคว้นหลู่ก็หาได้มีอะไรที่น่าปรารมภ์อีกไม่ และวิธีที่ใช้ได้ผลในทุกยุคทุกสมัย ก็คือแผนนารีพิฆาตนั่นเอง ดังที่โบราณได้กล่าวไว้ว่า “วีรบุรุษผู้อาจหาญ ยังยากผ่านด่านนารีผู้เลอโฉม” นั่นแล
ทางแคว้นฉีได้ส่งสาวงามที่คัดเฟ้นมาอย่างดีถึง 80 นาง ถวายเป็นบรรณาการให้กับเจ้าแคว้นหลู่ติ้งกงเพื่อมิตรไมตรีแห่งรัฐ เหตุผลในการถวายบรรณาการนั้นช่างดูดี แต่ทำไมจะต้องเป็นสาวงามที่มีจำนวนมากถึง 80 นางด้วยเล่า ข้อนี้มีหรือที่ขงจื่อจะดูไม่ออก ครั้นขงจื่อทราบก็พยายามทูลทัดทานหลู่ติ้งกงอย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่สุดท้ายจี้หวนจื่อซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลผู้ทรงอิทธิพลก็รับไว้จนได้ ส่วนหลู่ติ้งกงก็ดูเหมือนจะเห็นคล้อยไม่ได้ว่ากล่าวตำหนิแต่อย่างใด และนับแต่หลู่ติ้งกงทรงรับสาวงามเหล่านี้ไว้แล้ว พระองค์ก็ไม่ทรงใส่พระทัยในการบริหารบ้านเมืองอีกต่อไป แม้นขงจื่อจะทูลทัดทานอย่างไรก็ไม่เป็นผล ด้วยเพราะเหตุนี้ ขงจื่อและคณะลูกศิษย์จึงตัดสินในเดินทางจากแคว้นหลู่ไปยังต่างแดน
การที่ขงจื่อตัดสินใจออกจากแคว้นหลู่ในครั้งนั้น ส่วนหนึ่งเพราะต้องการทัดทานหลู่ติ้งกงด้วยการลาออก อีกส่วนหนึ่งคือต้องการเผยแพร่คำสอนของท่านให้ขจรขจายไปในทั่วหล้า ทั้งนี้เพื่อหวังให้มีผู้นำในแคว้นอื่นได้นำความคิดของท่านไปสร้างสรรค์สันติสุขให้กับปวงชนสืบต่อไป และการเดินทางออกจากแคว้นหลู่ในครั้งนั้นก็กินเวลายาวนานถึง 14 ปีเลยทีเดียว
แต่จุดนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจยิ่งนัก เพราะการที่ขงจื่อได้พยายามทัดทานการกระทำของหลู่ติ้งกงด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ความจริงเพื่อหวังให้หลู่ติ้งกงได้รู้ตื่นและหันมาใส่พระทัยในกิจการบ้านเมืองมากยิ่งขึ้น แต่สถานการณ์กลับกลายเป็นว่า หลู่ติ้งกงมิได้ทรงสนพระทัยในการทัดทานของขงจื่อแต่อย่างใด พระองค์ทรงมิรู้สึกรู้สาอะไรกับการที่ขุนนางผู้มากด้วยคุณธรรมความสามารถคนหนึ่งกำลังจะเดินทางจากไปไกล พระองค์ไม่ทรงสนพระทัยแม้กระทั่งประชาชนจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างไรหรือไม่ และด้วยแม้นขงจื่อจะเดินทางจากไปไกลและกินเวลายาวนานถึง 14 ปีแล้วก็ตาม ทางแคว้นหลู่ก็หาได้เคยคิดที่จะส่งทูตมาเชิญท่านกลับไปแต่อย่างใดไม่ จึงเห็นได้ว่าจิตใจของผู้นำในแคว้นหลู่นั้นมีความฟอนเฟะมากเพียงใด
ปีที่ขงจื่อเดินทางออกจากแคว้นหลู่และเริ่มต้นชีวิตที่ระเหเร่ร่อนในแต่แว่นแคว้นนั้น ตรงกับปีหลู่ติ้งกงที่ 14 (ก่อนคริสตศักราชที่ 496 ปี) เวลานั้นขงจื่อสิริอายุได้ 55 ปี และแคว้นที่ขงจื่อเลือกเดินทางไปเป็นอันดับแรกก็คือแคว้นเว่ย
เจ้าแคว้นแห่งแคว้นเว่ยคือเว่ยหลิงกง พระองค์ทรงเลื่อมใสในขงจื่อเป็นยิ่งนัก บ่อยครั้งที่พระองค์จะทรงเรียกขงจื่อเข้าพบเพื่อถวายข้อคิดเห็นในราชการ แต่เนื่องจากมีขุนนางบางกลุ่มเกรงว่าจะสูญเสียความโปรดปรานและอำนาจไป พวกเขาจึงพยายามใส่ร้ายขงจื่อต่อเจ้าแคว้นเว่ยจนเสียหาย ยังให้เจ้าแคว้นเว่ยหลิงกงซึ่งมีพระทัยไม่หนักแน่น ทรงไม่สนพระทัยที่จะขอคำปรึกษาจากขงจื่ออีกต่อไป ครั้นขงจื่อเห็นว่าเจ้าแคว้นเว่ยหลิงกงมิใช่เจ้าแคว้นผู้ทรงธรรม อีกทั้งเห็นว่าตนคงจะมิอาจประกาศอุดมการณ์ให้เป็นที่ปรากฏในแคว้นเว่ยได้ จึงได้ตัดสินใจเดินทางจากแคว้นเว่ยไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา