12 ส.ค. 2019 เวลา 12:26 • ธุรกิจ
อยากจะขายของออนไลน์มีอะไรที่ต้องรู้ก่อน?
ตอนที่ 5
หลังจากที่ได้ทราบรูปแบบของการทำออนไลน์กันมาแล้ว คราวนี้เรามาดูกันว่าเราจะทำธุรกิจแบบไหนและอย่างไร
การทำธุรกิจออนไลน์หรือการทำธุรกิจรูปแบบอื่นๆต่างก็ใช้พื้นฐานหลักเดียวกันในการวางแผน แต่ความแตกต่างกันก็คือการที่เราต้องเลือกรูปแบบว่าจะเป็น Digital Marketing หรือ Market Place สำหรับธุรกิจของเรา หรือบางครั้งอาจจะใช้ทั้ง 2 รูปแบบเลยก็ได้ เพราะหลายๆผู้ประกอบการก็ใช้ทั้ง 2 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจของเราเป็นหลัก
ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าลูกค้าเราต้องการอะไรซึ่งรวมถึงความต้องการแฝงที่ลูกค้ายังไม่รู้ ตัวอย่างเช่นในอดีตที่มีการทำสมาร์ทโฟน ที่ผู้ซื้อก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยากได้แต่ทว่าผู้ผลิตรู้ว่ามนุษย์เราต้องการความสะดวก แค่เพียงยังไม่รู้ว่าสมาร์ทโฟนจะสร้างความสะดวกให้อย่างไรในช่วงแรกๆ ส่วนความต้องการหลักที่ลูกค้าต้องการก็ขึ้นอยู่กับ 4 คำถาม (ในตอนที่ 1)
เราจะใช้เครื่องมือการวางกลยุทธ์การตลาดในการเลือกกลุ่มเป้าหมายรวมถึงการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของเรา ที่เรียกว่า STP (เคยนำเสนอใน Series ในวันที่ยอดขายตกหรือทำยอดขายไม่ได้ตามเป้า คนส่วนมากคิดว่าเกิดจากอะไร) เป็นเครื่องมือที่ทำให้เราทำธุรกิจได้เข้าเป้าที่กำหนดทิศทางการทำตลาดได้อย่างชัดเจน ดังนี้
Segmentation (S) เป็นการวางแผนการจัดหาสินค้าเพื่อทำตลาดกับลูกค้ากลุ่มไหน โดยทั่วไปจะแบ่งตามข้อมูลประชากร, ภูมิศาสตร์, พฤติกรรม และ รูปแบบการใช้ชีวิต เช่น เพศ อายุ ภูมิภาคอะไร ประเทศไหน มีพฤติกรรมแบบใด อาจจะเป็นกลุ่มดูแลสุขภาพ ชอบออกกำลังกาย เป็นต้น
Targeting (T) ก็คือกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการเข้าไปทำตลาด อาจจะเป็นกลุ่มลูกค้าเฉพาะ เช่น ลูกค้าที่นิยมของแปลกของสะสม ลูกค้าที่เป็นกลุ่มที่เลือกไว้จาก Segmentation หรืออาจจะเป็นลูกค้าทั่วไปสินค้าสามารถใช้ได้กับทุกกลุ่ม
Positioning (P) อันนี้คือสิ่งที่หลายธุรกิจไม่ได้คำถึงถึงเท่าไรนักจากประสบการณ์ของผู้เขียนที่มีโอกาสในการร่วมทำงานกับหลายๆองค์กร นั่งก็คือจุดยืนของธุรกิจหรือจุดยืนขององค์กร โดยแบ่งได้หลักๆคือ
1. จุดยืนของกลุ่มธุรกิจหลัก เช่น ทำธุรกิจด้านการค้าส่ง การทำธุรกิจที่มุ่งเน้นการขายกับองค์กร ทำธุรกิจกับลูกค้าทั่วไป เป็นต้น
2. จุดยืนด้านภาพลักษณ์องค์กรหรืออาจจะเรียกว่าเป็นจุดยืนด้านอารมณ์ก็ได้ เช่น การทำธุรกิจที่มุ่งเน้นด้านคุณภาพ ลูกค้าที่ได้ใช้รู้สึกยินดีภูมิใจกับสินค้า ลูกค้าได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ลูกค้าได้รับสินค้ารวดเร็ว เป็นต้น
3. จุดยืนด้านความแตกต่าง แน่นอนว่าต้องเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนใคร อาจจะเป็นเป็นธุรกิจที่ลูกค้าจะได้รับความรู้สึกภูมิใจไปกับสินค้าเพราะเป็นสินค้าผลิตให้คนพิเศษ ส่วนมากแล้วจะเป็นสินค้าของหรู หรือว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตด้วยมือเท่านั้น เป็นสินค้าที่ดูแลสุขภาพที่ไม่มีผลข้างเคียง เป็นต้น
เมื่อเราได้ทราบกลยุทธ์ที่จะวางแผนการทำตลาดออนไลน์กันแล้ว เรามาลองดูกันว่าเราเราจะทำตลาดกันอย่างไรจะใช้รูปแบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจของเราด้วยการใช้กลยุทธ์ STP โดยมีการดำเนินการ 2 รูปแบบคือ
1. Outside In ดำเนินการหลังจากที่สามารถจัดแบ่งกลุ่มลูกค้าได้แล้ว เราจะได้รู้ว่าสินค้าที่เรามีหรือสินค้าที่เราจะจัดหามาทำตลาดเป็นสินค้าอะไรได้บ้าง
2. Inside Out นำสินค้าที่เรามีอยู่แล้วคัดเลือกกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมกับสินค้าของเรา
ผู้เขียนต้องบอกก่อนนะครับว่าไม่มีรูปแบบตายตัวว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเหมาะสม หากแต่การที่เรามีแกนในการดำเนินการจะทำให้เราไม่หลงทางและผู้ที่เกี่ยวข้องจะทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
FB Page: Thailand Modern Marketing
ข้อมูลมุมมองการตลาดที่ทันสมัยจากประสบการณ์จริง
อ่านได้ใน Blockdit ยุคใหม่การตลาดของไทย
โหลดที่ http://www.blockdit.com
โฆษณา