19 ส.ค. 2019 เวลา 23:30
เลโอนาร์โด ดาวินชี
เป็นอัจฉริยะ ที่เรียกได้ว่า ใช้สมองทั้งซีกซ้ายและ ซีกขวา ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นด้านการประดิษฐ์ หรือแม้กระทั่ง การวาดรูป
ผลงานของเขาทุกชิ้น นั้นล้วนแล้วแต่มีราคามหาศาลในปัจจุบัน แต่ก็เป็นที่น่าเสียดาย ที่เขาผลิตผลงานด้านการวาดภาพ น้อยไปหน่อย โดยภาพวาดที่เขาทำจนสำเร็จนั้น มีเพียงไม่ถึง 30 รูป
นั่นคือหนึ่งในสาเหตุที่ว่า ทำไมภาพวาดของเขาจึงมีราคาแพงเป็นอย่างยิ่ง
วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปพบกับ ภาพวาด 2 ภาพที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง ของดาวินชี
นั่นคือ Mona lisa และ The last supper
-The Last Supper (พระกายาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู)-
เป็นภาพเขียนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ของดาวินชี ซึ่งตั้งใจวาดให้กับ ดยุก ลูโดวีโก สฟอร์ซา ผู้ซึ่งอุปถัมป์เลี้ยงดูเขา ณ ตอนนั้น
1
ดาวินชี วาดภาพนี้ ในปี 1495 และใช้เวลาถึง 3 ปีกว่าวาดภาพนี้ จะแล้วเสร็จ ซึ่ง ดาวินชี นั้นได้มีการผสมสีในรูปแบบใหม่สำหรับการวาดครั้งนี้ ซึ่งเหมือนเป็นการทดลองของเขาเองว่าจะเป็นอย่างไร ผลนั้นปรากฎว่า ภาพวาดนี้เสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว จนต้องมีการบูรณะ อย่างเร่งด่วน ในภายหลัง เพราะการผสมสีที่ไม่เหมือนใครของเขานั่นเอง
3
ความเป็นมาของภาพนี้คือ อาหารมื้อสุดท้าย ที่พระเยซู รับประทานร่วมกับสาวก ก่อนที่หนึ่งในสาวก ชื่อ จูดาส จะทรยศ และให้ นักบวชที่ ต้องการตัวพระเยซูนั้น มาจับตัวไป สำเร็จโทษ จนเกิดเป็นเหตุการณ์ ตรึงกางเขนในที่สุด
1
อารมณ์ของการวาดภาพนี้ ให้ลองคิดแบบนี้ครับ ภาพนี้ เป็นเสมือนหนึ่งในตอนของพุทธประวัติในบ้านเรา เช่น ตอนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ หรือ ปลงผม ฯลฯ ซึ่งนี่คือเรื่องราวของศาสนาคริสแทน แน่นอนว่า เรื่องราวตามฝาผนัง เราชาวพุทธ เห็นกันในวัดต่างๆ ตามผนังโบสถ์ มากมาย ซึ่งก็ไม่ต่างกับศาสนาคริส ที่มีการวาดแบบนี้เช่นเดียวกัน
1
แล้วทำไม ภาพนี้ถึงดังหละ?
เนื่องด้วย ภาพแบบนี้ในยุคนั้น มักจะมีการวาดที่แต่งเติม อภินิหารลงไป มากมาย เช่น มีห่วงแบบเทวดาบนหัวนักบุญ หรือมีออร่าของพระเยซู เฉิดฉายอยู่ตรงกลาง
แต่เมื่อมองภาพของดาวินชี แล้ว กลับให้ความรู้สึก สมจริงมากกว่า เป็นเหมือนมนุษย์ โดยไม่เยินยอ เกินจริงแต่อย่างใด และสิ่งที่สำคัญ คือ การแสดงออกทางสีหน้าของ นักบุญภายในภาพ ซึ่ง ทำออกมาได้ชัดเจน ซึ่งในยุคนั้นเอง การวาดภาพบุคคลให้เหมือนจริงนั้น ยังไม่ค่อยมีใครทำกัน ดาวินชี ถือเป็นคนที่บุกเบิกในเรื่องนี้เลยทีเดียว
และอีกเรื่องที่สำคัญมากๆก็คือ การนั่งเทียนของดาวินชี นี่แหละครับ
1
ในคัมภีร์ ไบเบิล ไม่ได้มีการบ่งบอกว่า ในกระยาหารมื้อสุดท้ายนี้ มีนักบุญคนใดที่ อยู่ในเหตุการณ์นี้บ้าง แต่ดาวินชีเอง นำนักบุญเหล่านั้นมาใส่ เอง และเมื่อภาพวาดนี้กลายเป็นที่โด่งดัง ก็กลายเป็นบรรทัดฐานในการรับรู้ของคนไปโดยปริยายว่า ในกระยาหารมื้อสุดท้ายนี้ ประกอบไปด้วยนักบุญ ตามที่ดาวินชี ใส่ลงไป
ภาพวาดนี้ ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ โบสถ์ Santa Maria delle Grazie เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เปิดให้เข้าเยี่ยมชมอยู่ทุกวัน โดยการขายตั๋ว ใครจะไปต้องเช็ครอบซื้อตั๋วกันดีๆนะครับ
1
-Mona lisa โมนาลิซ่า-
ภาพวาดที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ และคิดว่าคงไม่มีใครสามารถโค่นสถิตินี้ได้ไปอย่างเร็ววันแน่นอน
โมนาลิซ่า เป็นภาพวาดของสตรีชาวอิตาลีผู้หนึ่ง ที่ ณ ปัจจุบัน ก็ไม่มีใครทราบว่า ผู้หญิงคนนั้นแท้จริงแล้วเป็นใคร แต่หนึ่งในข้อสันนิษฐานที่ ได้ยินมากที่สุดคงจะเป็น ลีซา เกอราร์ดีนี ภรรยาของขุนนางนักธุรกิจไหมผู้มั่งคั่ง ชาวเมืองฟลอเรนซ์นามว่า ฟรานเชสโก เดล โจกอนโด คำว่า โมนา" (Mona) ในภาษาอิตาลีนั้นก็คือคำว่า มาดอนนา (madonna) คุณผู้หญิง (my lady) หรือ มาดาม (Madam) ในภาษาอังกฤษ ดังนั้นความหมายของชื่อก็คือ "มาดามลิซา" แต่ในปัจจุบัน บางครั้งก็จะใช้คำว่า มอนนา ลิซา (Monna Lisa) นั่นเอง
ความงามที่ไม่เหมือนใคร
1
ภาพวาดโมนาลิซ่านั้น ถือว่าเป็นภาพวาดที่ลึกลับ เพราะไม่รู้ว่าถูกวาดขึ้น ณ ปีใด ไม่รู้ว่า หญิงสาวในรูปนั้นเป็นใคร แต่สิ่งที่ทำให้ภาพวาดนี้แตกต่างกับภาพวาดอื่นๆ คงจะเป็น
1
การวาดภาพให้ดูเหมือน ยิ้ม แต่ไม่ยิ้ม ซึ่งประเด็นนี้มีการถกเถียงกันเป็นวงกว้างว่า โมนาลิซ่า ตกลงแล้ว ยิ้มหรือไม่ยิ้มกันแน่
ซึ่งแน่นอนว่า สุดท้ายให้คอมพิวเตอร์ AI เป็นผู้ตัดสิน จากการแสกน บอกว่า เธอยิ้มครับ
นอกจากรอยยิ้มแล้ว ยังมีเรื่องเทคนิคการใช้สีของการวาด ที่แตกต่างจากรูปอื่นๆโดยสิ้นเชิง เพราะใช้สีที่ดูอึมครึม และหม่น แต่กลับทำให้ภาพวาดดูน่าหลงใหล นอกจากนี้ การวาดภาพโมนาลิซ่าของ ดาวินชี ยังเป็นการปฎิวัติวงการศิลปะ ของการวาดรูป portrait ในยุคนั้น ที่มักจะนิยมการวาดแบบหันข้างและไม่วาดเต็มตัว ไม่ใช่เอียงตัวและวาดเพียงครึ่งตัว แบบที่ดาวินชีทำ
ทำไมภาพนี้ถึง โด่งดัง และมีมูลค่ามาก?
2
เชื่อหรือไม่ครับว่า ในตอนแรก ภาพนี้ ไม่ได้มีมูลค่ามากมายขนาดนี้ แต่ด้วยเหตุการณ์ หนึ่งที่เกิดขึ้นในปี 1911 นั้น ทำให้ โมนาลิซ่า โด่งดัง และกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
2
เหตุการณ์ที่ว่านั้นก็คือ โมนาลิซ่า ได้ถูกขโมยไปครับ
ไม่ได้ถูกขโมยไปแบบ แปป ๆ ด้วยนะครับ แต่หายไปนานถึง 2 ปี!!!
ใช่ครับ อ่านไม่ผิด เธอ ถูกขโมยไปโดย Vincenzo Peruggia ชาวอิตาลี ผู้ซึ่งเคยเป็นพนักงานของพิพิธภัณฑ์ ลูฟร์ มาก่อน โดยเขาแอบซ่อน จนถึงเวลาปิดพิพิธภัณฑ์ และแอบย่องมาตอนกลางดึก เพื่อขโมยภาพ โมนาลิซ่าไป ซึ่งที่น่าแปลกก็คือ ตำรวจไม่สามารถตามจับเขาได้ เลยตลอดระยะเวลา 2 ปี
ใบหน้าของ​Vincenzo Peruggia
เหตุการณ์ที่ทำให้เขาถูกจับได้ เนื่องมาจากว่า เขาต้องการขายภาพเขียนให้กับ พ่อค้า แต่พ่อค้าดันหักหลังเขา แจ้งเบาะแสแก่ตำรวจ จนนำไปสู่การจับกุมในที่สุด
โดยเหตุผลที่เขาขโมยไปนั้น เขาได้ให้ไว้ว่า เขารักชาติเป็นอย่างยิ่ง และผลงานชิ้นนี้ก็เป็นของศิลปินชาวอิตาลี ซึ่งมันไม่ควรไปอยู่ที่ฝรั่งเศส ซึ่งเขาต้องการนำมันกลับมาที่ประเทศอิตาลี เพื่อให้คนอิตาลีได้ชื่นชม
1
หลังจากที่คดีนี้จบลง ภาพโมนาลิซ่า ก็กลายเป็นดาวเด่น และกลายมาเป็นภาพวาดที่เป็นที่รู้จัก กันไปทั่วโลก ในปัจจุบัน
แล้วทำไมภาพวาดของดาวินชี ถึงไปตกอยู่ในฝรั่งเศสได้หละ?
มันเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ ดาวินชี ได้รับใช้ในสมัยของพระเจ้าฟรานซิสที่ 1 ซึ่งพระองค์ได้ซื้อภาพดังกล่าวจากดาวินชีไป จึงทำให้สิทธิโดยชอบธรรมของภาพนี้เป็นของฝรั่งเศสอย่างถูกต้อง ภาพนี้เมื่อถึงยุคของ นโปเลี่ยนนั้น ได้ทรงนำ ภาพ โมนาลิซา ไปติดไว้ที่ห้องบรรทม เพื่อที่จะได้เห็นภาพนางทุกวัน (จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า กษัตริย์ นโปเลียนนั้น แย่งชิงภาพไปจากอิตาลี)
หลังจากนั้นภาพก็ถูกส่งต่อมาตามยุคสมัย และก็ถูกตั้งแสดงโชว์อยู่ในพิพิธภัณฑ์ ลูฟร์ ณ ปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ ของผู้คนที่เดินทางไปเยี่ยมชมเลย
มีอีก สิ่งหนึ่ง ที่ดาวินชี ได้สร้างเอาไว้ นั่นคือ ภาพ วิทรูเวียน แมน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งผลงานที่โด่งดัง ของเขาด้วยเช่นกัน
7
ผมนำภาพร่างของกายวิภาคที่ดาวินชี​ วาดมาให้ชมกันด้วยครับ
ก็จบไปแล้วนะครับ สำหรับ อัจฉริยะ ผู้นี้
เลโอนาร์โด ดาวินชี
ถือว่าเป็นบุคคลที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง โลกเราคงจะหาคนที่ เก่งทั้ง ศาสตร์ และศิลป์ แบบนี้ได้อีกยากมากเลยทีเดียว
3
สำหรับคนต่อใครจะเป็นใคร รอติดตามนะครับ
อ้างอิง
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา