5 ก.ย. 2019 เวลา 06:59
EP8 จับพลัดจับผลู (ปราบเตียวสิ้ว รู้จักกาเซี่ยง)
(เนื้อหายาวไปมีคลิปเสียงเล่าให้ฟังครับ)
ในปีเจี้ยนอันศกที่ 1 หรือ ปี คศ 196 เป็นปีที่มีความสำคัญต่อโจโฉมาก โดยโจโฉได้ทำเรื่องใหญ่ๆ ไว้สองเรื่อง คือ 1 เชิดชูฮ่องเต้ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง 2 ใช้ระบบนาแบบถุนเถียนเพื่อสร้างความมั่งคั่งทางด้านเศรษฐกิจ ก็คือ มีทั้งความชอบธรรมและมีเสบียงที่เพียบพร้อม ดังนั้นเมื่อสภาวะการณ์ เอื้ออำนวยเช่นนี้ โจโฉจึงมีความคิดที่จะขยายอำนาจ เพื่อสานฝันถึงการรวบรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่น
ในปีเจี้ยนอันศกที่ 2 หรือ ปี คศ 197 โจโฉมุ่งทัพลงใต้ปราบเตียวสิ่ว เนื่องด้วย ณ สถานะ การณ์ในขณะนั้น เตียวสิ้วนับว่ากำลังยังน้อยและถือว่าอ่อนแอที่สุด จึงลงดาบที่เตียวสิ้วเป็นรายแรก ผลก็คือ ยังไม่ได้รบ เตียวสิ้วประกาศยอมแพ้ ซึ่งเป็นชัยชนะที่โจโฉคาดไม่ถึง กับการเริ่มต้น เพียงศึกแรกมิทันได้เสียเลือดเนื้อก็ได้ชัย โจโฉจึงมีความรู้สึกลำพอง หลงระเริงในความสำเร็จจนลืมตัว ทำให้โจโฉทำสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่ 2 เรื่อง ก็คือ
หนึ่ง โจโฉยึดเอาอาสะใภ้ของเตียวสิ้วมาเป็นของตัว ทำให้เตียวสิ้วรู้สึกถึงการโดนลบลู่ ดูหมิ่นและอับอายเป็นอย่างมาก จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน
สอง โจโฉพยายามตีสนิทกับองครักษ์ของเตียวสิ้ว ชื่อ หูเชอร์ ซึ่งโจโฉนอกจากจะชอบหญิงงามแล้ว ยังชอบคนเก่งอีกด้วย เมื่อโจโฉเห็น หูเชอร์ ว่ามีความสามารถ ก็พยายามมอบของขวัญ มอบเงินทอง จนทำให้เตียวสิ้วเกิดความระแวง เป็นผลให้เตียวสิ้วทรยศและโจมตีโจโฉแบบไม่ทันตั้งตัว ผลก็คือทำให้โจโฉพ่ายแพ้อย่างยับเยิน และยังเสีย เตียนอุยองครักษ์คนสนิท โจอันบินผู้เป็นหลาน และโจอ๋างบุตรชายคนโต โดยคนที่วางแผน การก่อเหตุในครั้งนี้ให้กับเตียวสิ้ว ก็คือ กาเซี่ยง
กาเซี่ยง คนนี้ ถนัดนัก ในเรื่องกลยุทธ ใช้กำลังสร้างความปั่นป่วน โดยเมื่อครั้งที่กาเซี่ยง ยังทำงานให้กับราชสำนัก หลังจาก ซือถูอ้องอุ้นร่วมมือกับลิโป้ ทำการสังหารตั๋งโต๊ะ
ลิฉุย กุยกี ลูกน้องคนสนิทของตั๋งโต๊ะ คิดจะสลายทัพ หลบหนีกลับบ้านเดิม ในระหว่างทางพบกาเซี่ยงเข้า กาเซี่ยงจึงแนะนำต่อลิฉุย กุยกีว่า ให้รวบรวมไพร่พล กลับตีฉางอันเสียก่อน แล้วจึงกุมตัวฮ่องเต้ไว้ในมือ เพื่อบัญชาใต้หล้า หากการณ์ไม่สำเร็จ แล้วค่อยหาทางหนีอีกที ก็ไม่เสียหาย
ลิฉุย กุยกี ฟังดังนั้น จึงหันกลับตีเมืองฉางอัน ตามคำแนะนำของกาเซี่ยง ผลก็คือ สร้างความหายนะให้กับบ้านเมือง และเหล่าประชาราช อีกครั้ง เข่นฆ่าผู้คนและเหล่าขุนนาง จับกุมฮ่องเต้ได้สำเร็จ สิ่งเหล่านี้มาจากแผนกลยุทธ ของ กาเซี่ยงทั้งนั้น ต่อมา ลิฉุย กุยกี จึงคิดที่มอบตำแหน่งใหญ่ๆ สำคัญๆให้แก่กาเซี่ยง แต่ด้วยกาเซี่ยงเห็นการ กระทำของ ลิฉุยและกุยกีแล้ว จึงปฏิเสธในการรับตำแหน่งต่างๆ ที่ลิฉุย กุยกีมอบให้ และคิดว่าคงไม่เป็นผลดีต่อตนเองเป็นแน่ หากต้องอยู่รับใช้ราชสำนักต่อไป จึงขอลาออก ดังนั้นกาเซี่ยงคนนี้ ถนัดนักในการสร้างความปั่นป่วน
หลังจากโจโฉพ่ายแพ้ในครั้งนี้ รู้ดีเกิดขึ้นจากคนเองเป็นเหตุ และก็แสดงความรับผิดชอบด้วยการประกาศต่อกองทัพว่า เป็นความผิดของตนเองทั้งหมด ไม่คิดโทษว่าครั้งนี้เป็นความผิดของคนอื่น
เจี้ยนอันศกที่ 2 เดือน 11 โจโฉ ยกทัพปราบเตียวสิ้ว เป็นครั้งที่ 2 ในครั้งนี้แม้โจโฉจะเตรียมการเป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะเตียวสิ้วได้
เจี้ยนอันศกที่ 3 เดือน 4 โจโฉ ยกทัพปราบเตียวสิ้ว เป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งนี้ ซุนฮิวที่ปรึกษา ทักทวงห้ามโจโฉ ด้วยเหตุผลว่า “ณ ตอนนี้ เตียวสิ้วเป็นพันธมิตรกับเล่าเปียว มีเล่าเปียวคอยให้เสบียง แต่เล่าเปียวนี้ ไม่มีทางส่งเสบียงให้อย่างจริงจัง ไม่ช้าไม่นานจะต้องแตกคอกันแน่นอน แต่หากเรายกทัพบีบเตียวสิ้ว จะทำให้เล่าเปียวและเตียวสิ้วต่างจับมือสามัคคีต่อต้านเราอย่างเต็มกำลัง อีกทั้งอ้วนเสี้ยวอาจฉวยโอกาสตีตลบหลัง ถึงตอนนั้นไม่เป็นผลดีต่อเราแน่นอน”
แต่โจโฉไม่ฟัง จึงเป็นดังคำที่ซุนฮิวว่า เตียนห้องที่ปรึกษา แนะอ้วนเสี้ยวให้ฉวยโอกาส ในขณะที่โจโฉยกทัพปราบเตียวสิ้ว รีบรุกโจมตีฮูโต๋ แย่งชิงฮ่องเต้กลับมา โจโฉรู้ข่าวจึงจำเป็นต้องถอยทัพกับทันที ในขณะเดียวกัน เตียวสิ้วเห็นโจโฉยกทัพกลับ จีงคิดตามตี โดยไม่ฟังคำทัดทานของกาเซี่ยง เป็นผลทำให้พ่ายแพ้กลับมา
พอเตียวสิ้วพ่ายแพ้กลับมา ยังไม่ทันไร กาเซี่ยงแนะให้กลับไปโจมตีโจโฉอีกครั้ง “และบอกว่า โจมตีครานี้ได้ชัยแน่นอน” แม้เตียวสิ้วในตอนนั้นจะไม่เข้าใจ แต่ด้วยกาเซี่ยงนั้นคาดการณ์ถูกต้องมาโดยตลอด จึงจัดทัพโจมตีโจโฉอีกครั้ง ผลปรากฎได้ชัยอย่างงดงาม
หลังจากได้ชัยต่อโจโฉแล้ว เตียวสิ้วด้วยความไม่เข้าใจ จึงถามกาเซี่ยงว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ กาเซี่ยงอธิบายว่า “โจโฉรบกับเรา มิได้สูญเสียอะไร และมิได้วางแผนอะไรผิด ถอยทัพครั้งนี้ฮูโต๋ต้องเกิดเรื่องแน่นอน ดังนั้นนั้นโจโฉมิได้ถอยหนี แต่เป็นการถอย ที่ต้องวางแผนไว้เป็นอย่างดี การโจมตีครั้งแรกจึงพ่ายแพ้ และเมื่อโจโฉได้ชัยแล้ว จึงรีบเร่งเดินทัพกลับฮูโต๋ โดยมิทันระวังและไม่คาดคิดว่าฝ่ายเราจะโจมตีอีก การโจมตีครั้งที่ 2 จึงได้ชัยโดยไม่ยาก เตียวสิ้วได้ฟังดังนั้นถึงกลับคำนับและนับถือในความสามารถของกาเซี่ยง
ฝ่ายโจโฉ เมื่อยกทัพกลับฮูโต๋แล้ว อ้วนเสี้ยวก็มิได้โจมตีตามคำแนะนำของเตียนห้อง ด้วยลูกชายคนเล็กป่วย แต่การแย่งชิงอิทธิพลในเขตจงหยวนของโจโฉและอ้วนเสี้ยวก็ยังคงอยู่และมากขึ้น ดังนั้นอ้วนเสี้ยว จึงคิดที่จะดึงเตียวสิ้วมาเป็นพวก ส่งฑูตมาเพื่อผูกสัมพันธ์ กับเตียวสิ้ว แต่ถูกกาเซี่ยงปฏิเสธ ตัดสัมพันธ์ไป เตียวสิ้วเห็นอย่างนั้นถึงกับหน้าเสีย และไม่เข้าการกระทำของกาเซี่ยง จึงถามว่า “ถ้าไม่เป็นพันธมิตรกับอ้วนเสี้ยวแล้วจะต้านโจโฉได้ยังไง” กาเซี่ยงตอบ “ง่ายมาก ก็สวามิภักดิ์ต่อโจโฉสิ”
ถึงตอนนี้ เตียวสิ้วยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ ด้วยเหตุว่าเตียวสิ้วเองนั้น พึ่งจะหักหลังโจโฉมายังมิทันไร และอีกอย่างทัพของโจโฉนั้น ก็ยังด้อยกว่าอ้วนเสี้ยวอยุ่มาก ดังนั้นจะสวามิภักดิ์ต่อโจโฉได้อย่างไร
กาเซี่ยง จึงชี้แจงไว้ 3 ประการว่า
ประการแรก โจโฉนั้น เชิดชูฮ่องเต้ บัญชาเหล่าขุนนาง ถือว่ามีข้อได้เปรียบทางการเมือง
ประการที่สอง ทัพโจโฉมีน้อย ทัพอ้วนเสี้ยวมาก หากเราเข้าอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวคงมิได้ให้ความสำคัญกับเราเท่าใดนัก ด้วยทัพเรานั้นกำลังเล็กน้อย มีเราหรือไม่มีจึงไม่ต่างกัน แต่หากเข้าด้วยโจโฉ ณ ตอนนี้โจโฉยังด้อยกว่าอ้วนเสี้ยวมาก จำเป็นต้องการแรงสนับสนุน เราจึงมีความสำคัญมาก เปรียบเสมือน การส่งฟืนในยามหนาว จึงเรียกได้ว่า มีประโยชน์มากกว่า
ประการที่สาม โจโฉคนนี้ มีปณิธานสูง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว ไม่คิดเล็กคิดน้อย เรื่องบุญคุณความแค้นส่วนตัวเป็นแน่ การสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ จึงเป็นผลดีแน่นอน
ดังนั้นปีเจี้ยนอันศกที่ 4 เดือน 12 กาเซี่ยงแนะเตียวสิ้ว สวามิภักดิ์ต่อโจโฉ ตัดความสัมพันธ์ กับอ้วนเสี้ยว และเป็นดังคำกาเซี่ยงว่า โจโฉต้อนรับเตี้ยวสิ้วเป็นอย่างดี ไม่พูดถึงเรื่องทรยศเลย แม้แต่น้อย แถมยังให้ลูกเกี่ยวดองกันด้วย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เตียวสิ้วกลายเป็นแม่ทัพคนนึงของ โจโฉ และกาเซี่ยงกายเป็นที่ปรึกษา
ในช่วงบั้นปลายของ เตียวสิ้ว ถือว่าจบไม่ดีนัก หลังจากแปดปีที่เตียวสิ้วเข้ากับโจโฉ ในศึก อูหวน เตียวสิ้ว ตายโดยไม่รู้สาเหตุ และต่อมาลูกชายของเตียวสิ้วก็ถูก โจผี ประหาร อ้างว่า ก่อกบฏ
แต่กาเซี่ยงไม่เหมือนกัน ความสัมพันธ์ ระหว่าง กาเซี่ยง กับ โจโฉ นั้น เรียกได้ว่า ราบรื่นและดีมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ โจโฉให้ความนับถือ ให้ความเคารพ และยกย่องกาเซี่ยงเป็นอย่างมาก อ.อี้จงเทียน แสดงความคิดเห็นในตอนท้ายนี้ว่า กาเซี่ยงคนนี้ เรียกได้ว่า อาจเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในสามก๊กก็ว่าได้ ความสามารถพิเศษของกาเซี่ยง ก็คือ การมองทะลุสันดารมนุษย์ หยั่งรู้จิตใจคน รู้จักใช้ความสามารถและประมาณตนเอง
เมื่อครั้ง กาเซี่ยง หนีจาก ฉางอัน ก่อนมาอยู่กับเตียวสิ้ว ได้เข้าร่วมกับ แม่ทัพคนนึง ชื่อ “ต้วนเว่ย” ในตอนนั้นกาเซี่ยงแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ไปทั่ว ต้วนเว่ย จึงปฏิบัติและเกรงอก เกรงใจกาเซี่ยงเป็นอย่างมาก แต่กาเซี่ยงรู้ดี ว่า การที่ ต้วนเว่ย ปฏิบัติต่อตนเองดีในตอนนั้น ไม่ใช่เพราะความนับถือในความสามารถ แต่แท้จริงแล้ว ต้วนเว่ยเกรงกลัวและ มีใจหวาดระแวง ต่อกาเซี่ยงมากกว่า ไม่ช้าไม่นาน ต้วนเว่ย ต้องทำร้ายตนเองแน่ จึงมาเข้ากับเตียวสิ้วแทน
ต่อมาเมื่อ กาเซี่ยง มาอยู่กับโจโฉ จึงวางตัวโดดเด่นน้อยลง และไม่แสดงความคิดเห็นวางแผนอะไร ไม่คบหาสมาคมกับใครเป็นพเศษ เก็บตัวสงบเสงี่ยม บุตรสาว บุตรชายก็ไม่ให้แต่งกับผู้มี ยศฐาบรรดาศักดิ์ กาเซี่ยงเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 77 ปี ตายตามธรรมชาติ เรียกได้ว่า บั้นปลายชีวิตดีที่สุด เมือ่เทียบกับที่ปรึกษาคนอื่น ในสามก๊ก ดังนั้น จะไม่เรียกว่า กาเซี่ยงนั้นฉลาดที่สุดในสามก๊กได้อย่างไร
ในตอนหน้า มาคุยกัน เมื่ออ้วนเสี้ยวคิดยกทัพ หวังลบล้างชื่อ โจโฉ ออกไปจากแผ่นดิน ในสงครามกัวต๋อ กับ EP9 ตัดสินชะตา
โฆษณา