Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ชีวิต101
•
ติดตาม
12 ก.ย. 2019 เวลา 14:06 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ตอนที่ 9
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2561
เช้าวันนี้ผมก็ร่ำลาลุงจ่า เพื่อเดินทางต่อ
และก็ขอบคุณลุงจ่าสำหรับน้ำใจที่มีให้ผม
หลังจากที่ผมได้อยู่ที่นี่มาหลายวัน
ซึ่งเดิมทีผมคิดว่าจะมาที่กาญจนบุรี แค่ 1-2 วัน
แต่ด้วยอุบัติเหตุที่ทำให้ผมบาดเจ็บและต้องพัก
ทำให้ผมอยู่อำเภอทองผาภูมิถึง 7 วัน ทีเดียว
ถ่ายรูปกับลุงจ่าก่อนออกเดินทาง
ซึ่งจริงๆอาการเจ็บก็ยังไม่หายดี แต่ก็พอเดินกระเพกๆไปได้
คิดว่าถึงเวลาควรต้องไปต่อ แต่ก็คงจำที่นี่ไม่ลืม
ผมดูจากแผนที่ในมือถือ ถ้าผมจะมุ่งขึ้นเหนือนั้น
ต้องอ้อมกลับไปไกลมากเพื่อที่จะเข้าถนนหลัก
ผมจึงตัดสินใจเลือกเส้นทางลัดโดยไปที่จุดชมวิวเนินสวรรค์
ถึงจุดชมวิวเนินสวรรค์
พอผมมาถึงเนินสวรรค์ ผมก็เห็นไม้กั้นของเจ้าหน้าที่อยู่
ผมก็เลยเข้าไปบอกว่าผมจะเดินทางไปเขื่อนศรีนครินทร์
ผมสามารถเดินทางเส้นนี้ได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าทางมันลำบากนะ
ถนนจะลัดเลาะป่าไปอีกฝั่ง แต่ถ้าจะไปก็ไปได้
ผมก็เลยยืนยันว่าผมจะไป เจ้าหน้าที่ก็เปิดทางให้
ป้อมด่านเจ้าหน้าที่เนินสวรรค์
จากนั้นผมก็ขับผ่านด่านและมุ่งหน้าตามทางไปเรื่อยๆ
ซึ่งทางค่อนข้างขรุขระส่วนใหญ่เป็นลูกรัง
เดินทางเงียบๆไม่ต้องกลัวรถยนต์
ทางก็ทะลุไปตามไร่ปลูกพืชของชาวบ้าน
สลับกับป่าเป็นช่วงๆ ก็ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน
เพราะขับได้ประมาณ 30-40 กม.ต่อชั่วโมง
ไร่ข้าวโพดและไร่มัน
ผมขับมาจนมาเจอแยกหนึ่ง ซึ่งไปได้หลายทาง
ผมก็จอดงงอยู่ เพราะสัญญาณมือถือก็ไม่มี
ทางไปทุ่งใหญ่นเรศวร
ผมก็สังเกตว่ามีป้ายอยู่ เลยเข้าไปดู เห็นป้ายบอกว่าไปทุ่งใหญ่นเรศวร
ประมาณสี่สิบกว่ากิโล ซึ่งผมก็กำลังคิดว่าหรือเราจะไปที่นี่ก่อน
สักครู่ก็มีวัยรุ่นผู้ชายสองคนขับมอเตอร์ไซผ่านมา ผมก็ถามว่าทางไปเขื่อนไปทางไหนครับ เค้าก็ฟังเหมือนไม่ค่อยได้ยิน ผมก็เลยถามอีกครั้ง เค้าก็เลยชี้และบอกให้ผมไปตามทางนั้น ซึ่งฟังจากสำเนียงจะพูดไทยไม่ค่อยชัด ผมก็ตัดสินใจว่าวันนี้จะไปจากกาญจนบุรี ก็เลยมุ่งหน้าไปเขื่อนต่อ
ผมเคยได้ยินว่ามีแพขนานยนต์ที่จะสามารถข้ามเขื่อนศรีนครินทร์ได้
ผมก็เลยสอบถามชาวบ้านที่เจอและมุ่งหน้าไปตามที่ชาวบ้านบอก
จนผมไปถึงแพ
แพขนานยนต์ข้ามเขื่อน
จากนั้นผมก็เดินหาคนที่จะสอบถามที่แพ แต่ไม่เห็นมีใคร
ก็เลยเดินไปที่ร้านค้าที่อยู่แถวนั้น ก็เลยซื้อขนมปังมากิน
เพราะว่าก็รู้สึกหิวข้าวเหมือนกัน จากนั้นก็สอบถามที่ร้านค้าว่าจะติดต่อข้ามเขื่อนยังไง เค้าก็บอกรายละเอียดให้ผม ขณะที่ผมเดินเล่นพักอยู่
ก็มีเรือขับมาเทียบพอดี ผมก็เลยเข้าไปถามว่าใช่ของเท้งที่จะข้ามเขื่อนมั๊ยครับ เค้าก็ตอบว่าใช่ แล้วถามผมว่าใช่ที่โทรนัดไว้มั๊ย
ผมบอกว่าป่าวครับ เค้าบอกว่ารอสักแป๊บ พอดีมีอีกชุดที่นัดไว้จะข้ามเหมือนกัน ผมก็เลยขึ้นไปรอบนเท่ง
เอารถขึ้นไปบนเท่ง(แพ)
แต่รออยู่พักหนึ่ง ปรากฏว่าคนที่นัดไว้ก็ไม่มา ผมก็เลยถามว่าถ้าผมจะข้ามคนเดียวกี่บาทครับ เค้าตอบว่า 300 บาท ซึ่งผมก็คิดว่าไม่แพงมาก
เพราะถ้าจะขับอ้อมคงใช้เวลาพอสมควร ผมเลยตอบตกลงไป
สรุปเท้งลำใหญ่ลำนี้ก็ขนผมกับเจ้า Wave ข้ามเขื่อนไป
ซึ่งเป็นอะไรที่อลังการมาก เพราะเท่งลำนี้สามารถขนรถยนต์ได้หลายคันทีเดียว
เหมาลำ
ผมก็นั่งรับลมเย็นๆไปเรื่อยๆ ก็คิดขำว่า คนนัดไว้ไม่มา
คนไม่ได้นัดได้ไปซะงั้น แต่ก็ถือว่าจังหวะดีเพราะไม่ต้องรอนาน
ประมาณครึ่งชั่วโมงผมก็ข้ามเขื่อนศรีณครินทร์มาอีกฝั่ง
เส้นทางลัด ข้ามเขาข้ามน้ำ
พอข้ามมาได้แล้วผมก็เดินทางต่อ โดยคิดแค่ว่าจะมุ่งหน้าขึ้นทางเหนือ
ถ้าใกล้มืดค่ำก็ค่อยหาที่นอนตามแต่ว่าจะไปถึงไหน ซึ่งทางก็คดเคี้ยวเลาะภูเขาไปเรื่อย เป็นอีกฝั่งของเขื่อน ดีแต่ว่าถนนเป็นลาดยาง
ผมก็จอแวะเติมน้ำมันปั้มหลอดแห่งหนึ่ง ชาวบ้านเห็นของและสัมภาระผมก็ถามใหญ่เลยว่าผมจะไปไหนอะไรยังไง ผมก็ตอบชาวบ้านไป
วิวอีกฝั่งของเขื่อน
เจดีย์สำเภาทอง
ผมก็ขับต่อไปเรื่อยๆในขณะนั้นผมยังไม่คิดว่าจะพักแถวนี้
เจอผ้ายอุทยาแห่งชาติพุเตย ผมก็ขับผ่านไป
และผมก็ไปเจอป้ายยอดเขาเทวดา ซึ่งผมก็เคยได้ยินมาบ้าง
ก็เลยตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปตามป้าย และขับเข้าป่าและขึ้นเขาไป
ทางถือว่าลำบากใช้ได้ ขรุขระและระยะทางค่อนข้างไกล และก็ไปเจอมอเตอร์ไซคันหนึ่งก็กำลังขับขึ้นเขาเหมือนกันแบบค่อยๆไป
ผมก็บีบแตรทักทายและขับแซงไป คิดว่าคงไปเจอกันข้างบนยอดเขา
จนผมเข้ามาถึงจุดป้ายของอุทยาน
ผมก็เลยถามว่ายอดเขาเทวดาไปอีกไกลมั๊ยครับ
เค้าก็บอกว่าอีกประมาณ 1 กิโล
อุทยานแห่งชาติพุเตย
ตอนนี้เย็นแล้วเค้าไม่ให้ขึ้น ต้องขึ้นพรุ่งนี้เช้าและต้องเดินขึ้น
โดยตอนแรกผมคิดว่ายอดเขาเทวดาสามารถขับรถขึ้นได้เหมือนเขากระโจม หรือตชด.อื่นๆผมเลยเข้ามา เพราะข้อเท้าผมยังเจ็บอยู่ไม่อยากเดินมาก
แต่จะออกจากป่าตอนนี้ก็เย็นแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจจะนอนที่นี่ก่อน
เส้นทางวันนี้
พักเอาแรงก่อน
ผมได้รู้จักกับพี่อีก 2 คน ที่ได้เดินทางมาจากสงขลาและได้มาเที่ยวที่นี่
และมีนักท่องเที่ยวผู้หญิงต่างชาติ 2 คน และอีกกลุ่มเล็กๆอีกกลุ่ม
และพี่ที่ผมเจอตอนขาขึ้นมา ก็ตามมาสมทบอีกคน สรุปลานนี้ก็มีนักท่องเที่ยวตามที่เราเห็น มีไม่เยอะเงียบสงบดี
พอตกกลางคืนก็ชวนกันมานั่งล้อมกองไฟโดยมีเจ้าหน้าที่ บรรเลงกีต้าร์เบาๆมีทั้งเพลงไทยและเพลงนอก ผมก็เลยไปเอาฮามอนิก้า(เม้าออร์แกน)ที่ผมพกมา เป่าร่วมบรรเลงกับเค้า ก็สนุกสนานเพลิดเพลินกันมาก
บรรยากาศกลางป่าเขาอากาศเย็นๆล้อมรอบกองไฟ มีแค่นักท่องเที่ยวกลุ่มเราที่มาวันนี้
รอบกองไฟ
ทุกคนก็บอกว่าจะขึ้นเขาไปวันพรุ่งนี้ตอนเช้า
ซึ่งสำหรับผมแล้ว บรรยากาศแบบนี้ผมชอบมาก
มีเสียงดนตรีที่เบาๆกับเสียงลมธรรมชาติอยู่กลางป่าเขา
แทบไม่อยากเลิกลากันเลยทีเดียว
ไฟอุ่นๆสู้ลมหนาว
สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายกันไปเพื่อพักผ่อนร่างกาย
สำหรับการขึ้นยอดเขาในวันพรุ่งนี้เช้า
ผมก็ทายาที่ข้อเท้าเพื่อหวังให้มันหายเร็วๆ
เผื่อพรุ่งนี้จะขึ้นยอดเขากับเค้าได้บ้าง
และเป็นอีกคืนที่ผมหลับสบายมาก
6 บันทึก
120
54
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ชีวิต101 ภาค 1
6
120
54
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย