13 ก.ย. 2019 เวลา 13:55 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ตอนที่ 10
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2561
เช้าวันใหม่ผมก็ตัดสินใจที่จะเดินขึ้นยอดเขา
ส่วนเรื่องเจ็บข้อเท้าคงต้องพักไว้ก่อน ใจมันอยากขึ้น
เตรียมต้มน้ำดื่มกาแฟกับขนมปังที่เตรียมมา
แล้วก็กรอกน้ำร้อนใส่กระติ๊กเก็บความร้อนและใส่ใบชาพกไปด้วย
ผมได้รู้จักกับพี่อีกคนหนึ่งมาจากอ่างทอง ชวนแกขึ้นไปด้วย
แกบอกว่าจะตามขึ้นไปทีหลัง ส่วนชุดที่ล้อมกองไฟเมื่อคืน สายๆถึงจะขึ้น
ก็จะมีผมกับพี่ที่มาจากสงขลา 2 คน ที่จะไปพร้อมกัน
โดยเราขับรถมอเตอร์ไซไปจอดไว้ที่ตีนเขาเทวดา
แล้วเดินขึ้นไป ตามป้ายบอกระยะ 1000 เมตร
พอเริ่มเดินไปซักพักก็เริ่มร้อนเหงื่อเริ่มออก
เสื้อแขนยาวที่ใส่ไปก็ต้องถอดออกมัดเอวไว้ก่อน
ผมต้องหยุดพักกับพี่ๆตั้งหลายครั้ง เพราะเขาที่ชันมาก
ประกอบกับอาการเจ็บข้อเท้าก็เริ่มมา แต่ยังพอเดินไปได้
จนเดินไปถึงยอดเขาด้านบน จะมีเจดีย์กับระฆังอยู่
ผมก็เลยเดินไปตีระฆังสามครั้ง ประมาณประกาศว่า
ข้ามาถึงแล้วนะยอดเขาเทวดา
ว่ากันว่ายอดเขาเทวดาสูงที่สุดในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี
กับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก คุ้มค่ากับการดั้นด้นขึ้นมา
จากนั้นผมก็ได้ถ่ายภาพร่วมกันกับพี่ๆอีก 2 คน ที่มาด้วยกัน
พี่ๆมาจากสงขลา
จากนั้นเราก็นั่งพักเหนื่อยถ่ายรูปชมทิวทัศน์กัน
ก็ก็เอากระติ๊กชาน้ำร้อนออกมาดื่ม และแบ่งกันกับพี่ๆ
เพื่อให้ได้ซึมซับบรรยากาศยอดเขาให้ได้มากที่สุด
มองไกลสุดสายตา
จากนั้นผมกับพี่ๆก็ได้แลกFacebook
เพื่อเป็นช่องทางติดต่อกันในอนาคต
ซึ่งบังเอิญที่ยอดเขานี้พอมีสัญญาณโทรศัพย์บ้าง แต่ก็น้อยนิด
ยอดเขาเทวดา
ถ่ายภาพกับพี่ๆ
ในช่วงขาลงนี้ มันชันมากต้องเกร็งขาเยอะมาก
ทำให้เกิดอาการล้า จนขาผมนี่สั่นเลยด้วยความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อ
จนมาถึงที่จอดรถเราก็เดินทางกลับไปที่จุดกางเต๊นท์
ส่วนอีกชุดกำลังจะเตรียมตัวขึ้นไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่
เราก็อวยพรให้เค้าโชคดีในการเดินทาง
ทีนี้เค้ามารู้ว่าผมกับพี่อีก 2 คนไม่ได้มาด้วยกัน
คนหนึ่งจะขึ้นเหนือ อีก 2 คนจะกลับลงใต้
เค้าก็บอกว่า นี่ละนะมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างทาง
แล้วเราก็ยิ้มและรำลากันไป
ผมกับพี่อีก 2 คนก็เริ่มกับสัมภาระกันเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง
จนเสร็จประมาณเที่ยง
เก็บของ
เที่ยงเราก็เดินทางลงจากเขากัน ซึ่งทางขึ้นเขาลงเขา
รถเล็กจะคล่องตัวกว่า ใช้ประมาณ 1 ชั่วโมง
ผมก็ลงมาถึงหมู่บ้านข้างล่าง ผมรอดูอยู่ซักพัก
ก็ยังไม่เห็นพี่ๆเข้าลงมา ผมก็เลยคิดว่า เค้าน่าจะเข้ามาคนละทาง
เพราะมีทางแยกอยู่ เพราะเค้าบอกเข้ามาทางอุทยาน
แต่ทางที่ผมเข้าไปไม่เจออุทยาน เป็นเข้าจากหมู่บ้านอีกทาง
ก็คงแยกย้ายกันไป เพราะพี่ๆเค้าจะมุ่งหน้ากลับลงใต้
ส่วนตัวผมก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือต่อไป โดยผมขับรถลัดเลาะไปเรื่อยๆ
จนไปถึงอำเภอบ้านไร่ ผมรู้สึกหิวข้าวก็เลยแวะกินก๋วยเตี๋ยว
ชื่อร้านกันเอง อำเภอบ้านไร่ พอผมจอดรถหน้าร้านยังไม่ทันถอดหมวก
พี่เจ้าของร้านนี่ยิ้มแฉ่งต้อนรับเลย เค้าคงมองดูสัมภาระข้าวของเต็มรถ
พอผมสั่งก๋วยเตี๋ยว พี่เจ้าของร้านก็ชวนคุยสอบถามที่ไปที่มาของผม
และแกก็บอกว่า ก็เห็นคนหนึ่งที่ท่องเที่ยวแบบนี้ในเฟส
ผมก็ถามว่าใช่พี่บอลพาเที่ยวมั๊ยครับ เค้าก็ตอบว่าใช่ๆ
เค้าก็ติดตามพอรู้ข่าวของพี่บอลในเฟสอยู่นั้นเอง
ซึ่งพี่บอลก็เป็นคนที่ออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศด้วย Wave
แล้วสักพักก็มีพี่ร้านข้างๆเดินเข้ามาคุยด้วยอีกคน
เค้าก็เป็นคนอีสานเหมือนกันกับผม เราก็คุยกันไป
สักพักแกก็ไปเอากล้วยมาหวีหนึ่งมาให้กับผม
บอกว่าไว้กินระหว่างเดินทาง ผมก็ได้แต่ขอบคุณพี่เค้า
ได้รับน้ำใจ
พี่เจ้าของร้านก็เอาก๋วยเตี๋ยวมาเสริฟให้ ผมก็นั่งกินด้วยความอร่อย
สักพักพอผมกินหมด พี่เค้าก็บอกว่า
สามารถเอาขวดน้ำมากรอกน้ำไปดื่มได้ระหว่างเดินทาง
จะได้ไม่ต้องซื้อกิน ผมก็ขอบคุณพี่เค้า ผมรู้สึกดีมากที่ได้รับน้ำใจ
จากนั้นพี่เค้าก็ขอถ่ายรูปกับผม บอกว่าเก็บไว้เป็นที่ระลึกนักเดินทาง
ผมก็เรียกพี่เค้าเก็บเงินค่าก๋วยเตี๋ยว พี่เค้าบอก 20 บาท
ผมก็เฮ้ยย ทำไม่ถูกจังครับพี่ พี่เค้าบอกเค้าขายราคานี้อยู่แล้ว
จากนั้นผมก็ออกเดินทางต่อไป ซึ่งตอนนั้นประมาณบ่ายสามแล้ว
ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะไปไหน นอนไหน ได้แต่ขับรถไปเรื่อยๆ
จนผมไปเจอลุงคนหนึ่งกำลังเข็นจักรยานอยู่ข้างถนน
พร้อมถุงเก็บขยะเก็บของเก่าอยู่หลังรถ ผมก็เลยจอด
และเอากล้วย 1 หวี ที่ได้รับน้ำใจมานั้นส่งต่อให้กับลุง
ผมก็ถามไปว่าลุงจะไปไหน ลุงแกก็ไม่ตอบเหมือนลุงจะฟังไม่ออก
ผมก็เลยหยิบกล้องโทรศัพย์ขึ้นมาถ่ายรูป แต่ปรากฏว่าถ่ายไม่ติด
เฮ้ย....ผมใส่ถุงมืออยู่นี่เองเลยกดหน้าจอไม่ติด
ผมก็เลยไม่ถ่ายดีกว่า แล้วออกเดินทางต่อไป
โดยผมสังเกตุเห็นป้ายอุทยานอยู่ 2 แห่ง
คือคลองลาน กับแม่วงศ์ ผมก็คิดว่าสงสัยคืนนี้ต้องนอนแถวนี้ละ
พอผมขับใกล้ถึงคลองลาน ผมก็ตัดสินใจไปแม่วงศ์เพราะชอบชื่อมากกว่า
และสามารถไปช่องเย็นต่อได้ ซึ่งผมเคยได้ยินมา แต่ก็ไม่มีข้อมูลเท่าไหร่
ผมเดินทางต่อไปจนถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแม่วงศ์
ผมก็แจ้งความจำนงว่าจะเข้าไปช่องเย็น จากนั้นเค้าก็มีเอกสารมาให้กรอก
พอเสร็จผมก็เดินออกมา แล้วก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาขอถ่ายรูปผมกับรถ
บอกว่าไม่ค่อยได้เห็นอะไรแบบนี้เท่าไหร่ สงสัยจะมองเป็นของแปลก
ทีนี้ผมก็เดินทางเข้าไปต่อซึ่งช่องเย็นจะอยู่ลึกเข้าไปอีก 30 กิโลเมตร
หนทางคดเคี้ยวใช้ได้ประกอบกับมีหมอกเยอะตลอดทางก็สวยทีเดียว
ก็การขับรถคนเดียวไม่เห็นคนเลยในป่าเขาแบบนี้ก็ดูน่ากลัวไม่น้อยเลย
จนผมมาถึงช่องเย็น เวลาก็เริ่มมืดค่ำ
เส้นทางวันนี้
ผมรีบหาที่กางเต๊นท์ พี่ๆเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าสามารถกางบริเวณแถวๆหน้าป้ายได้ ทีนี้ผมก็ขอซื้อน้ำดื่มกับเจ้าหน้าที่ และฝากชาร์ตไฟพาวเวอร์แบ็ง
กับเจ้าหน้าที่ทิ้งไว้ในคืนนี้ จากนั้นผมก็จัดแจ้งต้มมาม่ากิน อาบน้ำเข้านอน
หวังว่าคืนนี้ผมจะหลับสบาย ไม่มีอะไรมากวนใจ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา