15 ก.ย. 2019 เวลา 13:29 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ตอนที่ 12
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2561
ใช้เวลาตั้งกล่องถ่ายภาพไม่กี่นาที
ใช้เวลาเดินเท้าประมาณชั่วโมง
ใช้เวลาขับรถมานี่หลายชั่วโมง
ใช้เวลาเดินทางมาหลายวัน
ใช้เวลาแจ้งออกจากงานล่วงหน้า 2 เดือน
ใช้เวลาตัดสินใจทำแบบนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว
ใช้เวลาเรียนรู้ชีวิตมาหลายปีและยังเรียนรู้ต่อไป
ที่เหลือให้ความบังเอิญพาไป
บังเอิญมืดค่ำเลยเลี้ยวเข้าที่นี่
บังเอิญไม่รู้จักที่นี่มาก่อน
และให้ความบังเอิญพาเราไปเรียนรู้
หลายๆเรื่องในความบังเอิญและความตั้งใจ
มันเชื่อมโยงถึงกันและกันหมด
ไม่มีสิ่งไหนที่แยกออกจากกันเลย เป็นเรื่องเดียวกัน
เป็นเรื่องเดียวกันที่ว่า เป็นชีวิตจริงของเรา
เช้านี้ผมโชคดีเมื่อมีพระมาบิณฑบาตร
ผ่านจุดที่ผมกางเต๊นท์เลย
ผมก็วิ่งเอาของไปใส่บาตร
กับตั้งกล้องด้วยความเร่งรีบ
ก็เกือบไม่ทัน แต่ก็ได้ภาพมาหนึ่งภาพ
ได้ใส่บาตรในอุทยาน ตากสิน
เมื่อวานผมเดินทางหาที่จะนอน ตอนแรกเจออุทยานแรก
ผมไม่จอดและเดินทางต่อ จนมาเจอป้ายอุทยานตากสิน
ผมก็เลยแวะเข้ามา ผมเลือกจุดท้ายสุด เพราะเห็นลานนี้โล่งดี
ไม่มีใครอื่น แต่ก็มาถึงค่ำมืดทีเดียว แต่โชคดีที่ผมกางเต๊นเริ่มคล่อง
เพราะมืดๆก็ยังพา กางได้
ลานนี้เหมา
พอเช้ามาผมจึงได้เห็นบรรยากาศโดยรอบ
เหลือเชื่อว่าเราแค่จะแวะนอน โดยที่ไม่รู้จักที่นี่มาก่อน
จะได้เจอบรรยากาศดีๆขนาดนี้
ผมไม่ค่อยได้กางเต๊นท์ในที่แบบนี้เท่าไหร่
ปกติจะกางตามจุดชมวิว
แต่ที่แห่งนี้ต่างออกไป เป็นพื้นที่เป็นลาน
มีต้นสนรายล้อมโดยรอบ มีหมอกหนาเหมือนอยู่ในเมฆ
ห้องน้ำสะอาดดี คนไม่เยอะ
บรรยากาศเหมาะสำหรับคนมาพักผ่อนโดยแท้
บรรยากาศอุทยานตากสิน
ผมก็ต้มน้ำร้อนชงกาแฟดื่มด่ำกับบรรยากาศของที่แห่งนี้
มองต้นสนแทนการมองวิว ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
นั่งรอน้ำร้อน
เมื่อคืนผมก็ทดสอบสูตรพิเศษอาหาร
ด้วยการต้มมาม่ากับโจ๊กผสมกัน
บอกได้คำเดียวว่า รสชาติไม่ได้เรื่องเลย ^__^
แต่ผมก็กินจนหมด เพราะไม่มีไรกิน
และก็ไม่อยากจะทำใหม่
เช้านี้ผมก็ได้กาแฟกับขนมปังเป็นอาหารเช้าไป
หลังจากนั้นผมก็สอบถามว่าอุทยานแห่งนี้มีอะไรน่าสนใจ
เค้าบอกมีต้นกระบากใหญ่อยู่ ไปตามทางจะเจอ
ผมก็เลยขับรถไปตามที่เค้าบอกทาง
จากนั้นก็เจอลานจอดรถ และเจอป้ายบอกต้องเดินต่อ
ประมาณ 400 เมตร
พอผมเดินไปที่ทางลง
เจอป้ายจุดช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
แล้วก็เห็นไม้ไผ่ท่อนขนาดเหมาะมือ
สูงประมาณหน้าอกผมวางเรียงอยู่หลายอัน
ผมก็ถึงบางอ้อ..กับป้ายที่เขียนไว้
เป็นไม้ค้ำช่วยพยุงเดินนี่เอง
ผมก็หยิบทันที เพราะขายังไม่ดีเท่าไหร่
มันก็ช่วยผมได้เยอะเลย ผมก็เดินลงไปตามบันได
ได้ยินเสียงสัตว์ป่านานาชนิดร้องอยู่
จนผมเดินไปถึง ต้นกระบากใหญ่
ต้นกระบากใหญ่
ถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก
ทีนี้ผมก็กำลังเดินกลับ ปรากฏว่ารู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นที่เท้า
เลยถอดรองเท้าดู ปรากฏว่าผมโดนทากกัดซะแล้ว
เค้าบอกกันว่า เมื่อโดนทากกัดห้ามดึงออก
เพราะฟันมันเป็นตะขอ แผลจะเปิดและหายช้า
ต้องใช้พิมเสนไม่ก็ยาหม่องทาที่ตัวทากก็จะหลุด
ซึ่งผมไม่มี ผมก็เลยปล่อยให้มันกินจนอิ่ม
และไม่ใส่ใจมัน เพราะมันอิ่มก็จะหลุดเอง
พอผมเดินทางกลับมาถึงเต๊นท์ปรากฏว่ามันหลุดเองจริงๆ
จากนั้นผมก็เก็บเต๊นท์อุปกรณ์ต่างๆ ในระหว่างนั้น
ก็มีนักท่องเที่ยวชุดใหม่เริ่มเข้ามา และมีพี่คนหนึ่ง
เดินเข้ามาคุยกับผม เค้ามาจากกำแพงเพชร
พอเค้าทราบว่าผมเดินทางมาแล้วหลายวัน
และยังจะเดินทางต่อไป เค้าก็ได้แต่บอกว่าสุดยอด
และก็อวยพรให้ผมโชคดี คนแถวนั้นก็มองผมใหญ่
เพราะสัมภาระที่เต็มรถของผมนั้นเอง
เตรียมไปต่อ
จากนั้นผมก็เดินทางต่อ โดยผมจะเข้าไปแม่สอด
ผมก็แวะตลาดหาของกิน เป็นตลาดดอยมูเซอ
จากนั้นก็มุ่งหน้าต่อ ซึ่งทางไปแม่สอด
กำลังก่อสร้างอยู่ ทำให้เดินทางได้ช้ามาก รถบรรทุกต่างๆติดกันยาว
ในระหว่างทางผมก็ผ่านศาลขุนพะวอ ผมก็แวะกราบไหว้
ศาลเจ้าพะวอ
ระหว่างทางเจอเนินพิศวง ผมก็ลองเล่นกับเค้าดู
ว่ารถมันไหลจริงมั๊ย
เนินพิศวง
ผมเข้าไปขี่รถเล่นที่แม่สอด แต่ก็เปลี่ยนใจไม่ค้างที่นี่
เพราะเวลายังเหลือเยอะ ผมก็เลยขับรถเลาะชายแดนไปเรื่อยๆ
เส้นทางลัดเลาะป่าเขาไป รถไม่ค่อยเยอะ ก็จะดูเงียบๆหน่อย
เนื่องจากผมไม่เคยได้ขี่รถเลาะตะเข็บชายแดนแบบนี้
พอมาเจอป้อมชายแดนก็จะแปลกใจหน่อย
ซึ่งระหว่างทางจะมีป้อมแบบนี้เป็นระยะๆ
จอดพักรถป้อมชายแดน
เส้นทางลัดเลาะชายแดน
จนผมมาถึงที่แห่งหนึ่ง เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ทีเดียว เป็นลักษณะบ้านไม้ธรรมชาติทั้งผนังและหลังคา มีรั้วและป้อมเป็นระยะ
ผมก็เลยจอดรถแล้วเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลป้อม
และสอบถาม จึงได้รู้ความว่านี่คือศูนย์อพยพผู้รี้ภัยฝั่งพม่า
ซึ่งจะเป็นที่พักชั่วคราวรอไปประเทศที่ 3
ศูนย์อพยพ
ศูนย์อพยพผู้รี้ภัย
ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าก่อนหน้านี้ก็มีบางส่วนไปที่อเมริกาแล้ว
และผู้อพยพจะไม่ให้ทำมาหากินอะไร
เพียงรอไปประเทศที่ 3 เท่านั้น
และจะมีงบประมาณจากทาง UN ดูแลอยู่
ซึ่งเรื่องแบบนี้ผมก็พึ่งมารู้เหมือนกัน
ศูนย์อพยพผู้รี้ภัย
ผมก็ขับผ่านเรื่อยๆและจอดที่ป้อมสุดท้ายอีกที
เพื่อที่ผมจะเติมน้ำมันจากถังสำรอง
เพราะผมรู้สึกว่าอุ่นใจดี ในการที่จะจอดรถ
เติมน้ำมันที่นี่ ดีกว่าไปเติมกลางป่า
เพราะเวลาผมเติมน้ำมันที ต้องเอาสัมภาระออก
จึงใช้เวลาพอสมควรทีเดียวในการเติมแต่ละครั้ง
อยู่กับเจ้าหน้าที่อุ่นใจดี
พอเสร็จผมก็เดินทางต่อ โดยยังคิดอยู่ว่าจะนอนที่ไหนดี
โดยผมกะเวลาให้เริ่มเย็นๆผมถึงจะแวะหาที่นอน
และวันนี้ก็ต้องรอลุ้นอีกที จะนอนไหน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา