4 ต.ค. 2019 เวลา 05:16 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ตอนที่ 27
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561
ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ
จากที่เมื่อวานผมต้องเจอลมฝนจนเต๊นท์แทบพัง
ต้องอพยพย้ายเต๊นท์ไปในหลุมหลบลม เปียกปอนไปตามกัน
แต่วันนี้ผมตื่นเช้ามาเจอกับภาพที่สวยงาม
หมอกที่มาหลังสายฝนผ่านไป มันสวยงามจริงๆ
หลังพายุพัดผ่าน
แสงแดดยามเช้าของดวงอาทิตย์ที่สาดส่องบนผิวหมอกด้านบน
ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังลอยอยู่เหนือเมฆ อากาศเย็นๆ
ผมอยู่เงียบๆคนเดียวนั่งชมบรรยากาศไปเรื่อยๆเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวอื่นเลยนอกจากผมคนเดียวที่เข้ามาที่นี่
ดวงอาทิตย์ขึ้น
เมื่อวานผมคิดแค่ว่าสามารถนอนได้ เต๊นท์ไม่ปลิวไปกับลม
ก็ถือว่าดีมากแล้วสำหรับผม นี่อาจจะเป็นรางวัลที่สามารถผ่านมาได้
หลุมหลบภัย
ที่แห่งนี้เค้าก็เตรียมเต๊นท์ให้เช่า สำหรับคนที่ไม่ได้เอาเต๊นท์มา
พื้นที่กางเต๊นท์
ป้าเตรียมอาหารเช้าก่อนออกไปทำไร่ต่อ
และชวนผมไปนั่งกินด้วย ป้าบอกว่าป้าทำไร่ข้าวโพดอยู่นี่
เลยแบ่งพื้นที่บางส่วนมาทำเป็นลานกางเต๊นท์ให้คนมาเที่ยวได้
เพิงพัก
มันเป็นบรรยากาศและการพูดคุยตามแบบชาวบ้านธรรมดา
ไม่ใช่ในแบบสถานที่ท่องเที่ยว ตามโรงแรมหรือรีสอร์ทต่างๆ
ซึ่งผมชอบแบบนี้มาก ซึ่งป้าเค้าก็ได้พูดคุยและก็รู้ว่าผมเดินทางไปเรื่อยๆ
ป้ายังชวนผมอยู่ตัดข้าวโพดด้วยต่อเลย ซึ่งผมก็คิดในใจว่าถ้าอยู่ตัดข้าวโพดที่นี่ คงจะเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากแน่ๆ แต่ก็คงต้องขอบายก่อนในครั้งนี้ ซึ่งป้าใจดีมาก บอกว่าถ้าจะมาเที่ยวอีกก็มาได้เลย ป้าให้พักฟรี
ป้าลุงเตรียมออกทำไร่ต่อ
ส่วนเรื่องการทำไร่ข้าวโพดที่เป็นประเด็นทางเหนือหลายอย่างนั้น
ผมคงไม่พูดถึง ที่ผมเห็นตรงนี้ก็คือชาวบ้านที่มีน้ำใจให้ผมเท่านั้น
หลายเรื่องเราไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง การมองผิวเผินจากมุมภายนอกจึงไม่อาจเข้าใจได้ คนในพื้นที่เค้าย่อมรู้อะไรดีกว่าเรา เพราะเค้าอยู่มาทั้งชีวิตเค้า
คนที่จะทำเรื่องนี้ให้ดีขึ้นได้ ก็คงต้องเป็นคนที่เข้าใจจริงๆ
1
จากนั้นผมก็ขอบคุณลุงป้า และร่ำลาเก็บของเพื่ออกเดินทางต่อไป
ผมขับรถตามช่องทางที่เข้ามาผ่านถนนที่คล้ายเป็นอุโมงทะลุกลับสู่ด้านนอก ซึ่งอารมณ์เหมือนเราไปอยู่อีกมิติหนึ่งมา แล้วเราต้องกลับสู่โลกปัจจุบัน ผมก็คิดสนุกๆอะไรประมาณนั้นเพราะบรรยากาศมันได้นั้นเอง
ทะลุออกสู่โลกภายนอก
ผมออกเดินทางจากดอยเสมอดาว แล้วขัดลัดเลาะไปตามเส้นทางป่าเขาไปเรื่อยๆซึ่งผมก็มีจอดแวะทานข้าวข้างทาง เจ้าของร้านยังถามผมเลย
ว่าไปขายของที่ไหนมา เค้าคงจะเห็นว่ารถผลบรรทุกสัมภาระเยอะแยะคงเป็นพ่อค้าขายของตามตลาด ที่เดินทางไปเรื่อยๆผมก็หัวเราะและบอกว่า
ป่าวครับผมไม่ได้ขายอะไร ผมแค่เดินทางกางเต๊นท์เฉยๆครับ
ผมเดินทางต่อโดยผมได้เห็นป้าย ภูสอยดาว ผมก็เลยเลี้ยวเข้าไปตามป้าย
ดอยเสมอดาวสู่ภูสอยดาว
พอผมเดินทางไปถึงอุทยาน ผมก็สอบถามเจ้าหน้าที่
ว่ามีจุดกางเต๊นท์บนยอดเขามั๊ยครับ เจ้าหน้าที่บอกมี
แต่ต้องเดินขึ้นประมาณ 6 กิโลเมตร ใช้เวลา 3-5 ชม.
วันนี้เย็นแล้วกางเต๊นท์ลานอุทยานตรงนี้ก่อนก็ได้
มาคนเดียวนอนในศาลาได้เลย ในใจคิดถึงให้ขึ้นได้
สังขารผมตอนนี้ก็คงไม่พร้อม
รู้สึกว่าวันนี้ผมก็คงจะเหมาลานอีกตามเคย
เพราะไม่เห็นมีนักท่องเที่ยวอื่นเลย ผมก็เอาพาวเวอร์แบ็งค์ไปฝากสำนักงานเจ้าหน้าที่ชาร์ตไว้
กางเต๊นท์ศาลา
เนื่องจากว่าวันนี้ผมมาถึงเร็วเพราะคิดว่าจะได้เดินทางขึ้นยอดเขาต่อ
แต่เพราะไม่รู้ว่าต้องเดินขึ้น ผมก็เลยมีเวลาเหลือ ก็เลยเอาอุปกรณ์ผ้าใบ
ผ้าฟรายชีทคลุมเต๊นท์ลงไปซักที่ลำธารและผมก็อาบน้ำเย็นๆคนเดียว
ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ผมก็คิดอยู่ว่าผมใช้ชีวิตอะไรของผมละเนี๊ย
มานั่งซักผ้า ซักอุปกรณ์อาบน้ำที่ลำธาร นานวันเข้าจะเริ่มเหมือนคนพเนจรเข้าไปทุกที เพราะตั้งแต่ออกเดินทางมา นี่ก็ร่วม 20 วันเข้าไปแล้ว
ตั้งแต่เกิดมาผมก็พึ่งจะเดินทางยาวนานขนาดนี้ มันเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ในชีวิตผมพึ่งได้พบเจอ ไม่ไม่เหมือนการเดินทางที่เราเตรียมตัว
3 วัน 5 วัน แล้วกลับไปทำงานต่อ แต่นี่มันคือประตูใหม่ประสบการณ์ใหม่ของชีวิต ผมยังไม่รู้อนาคต เพราะผมออกจากงานมาแล้ว ไม่มีงานที่รอให้ผมกลับไปทำต่อ สู่อนาคตอันเวิ้งว้างมากเลยสถานะของตัวผมเองในตอนนี้ แต่ตอนนี้ผมก็ได้แต่อยู่แบบวันต่อวันไปก่อน อะไรจะเป็นไงก็เป็นเรื่องของพรุ่งนี้แล้วกัน
ซักอุปกรณ์และอาบน้ำ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา