Sweet dream "ฝันหวาน ฝันดี" made of this "สร้างมาจาก" รวมความ sweet dreams are made of this คือ "ฝันหวานทั้งหลายเกิดจากสิ่งนี้" ก็ต้องมาแปลคำว่า "ฝันหวาน" อีกทีนึงซึ่งหมายถึง คนเราจะมีฝันหวานได้ วันนั้นจะต้องได้รับประสบการณ์บางอย่างที่มันประทับลงไปในใจและมีผลต่อความรู้สึกอย่างยิ่งยวด รู้สึกอย่างเปี่ยมล้น สาสมใจ รู้สึกเติมเต็ม มีความสุข และยังมากพอที่จะล้นไปแสดงออกต่อในฝ้นได้ ซึ่งเค้าสรุปลงไปว่าการจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ฝันหวานได้นั้น ต้องมาจากสาเหตุต่างๆสี่ประการเหล่านี้ (จะค่อยๆพาไปครับ)
Who am I to disagree? คำถามนี้เป็นคำถามเชิงประชดประชันครับ นี่คือประชดตัวเองว่า ก็มันสรุปลงไปแล้วนี่ว่าการจะฝันหวานได้นั้นต้องมาจากสาเหตุเหล่านี้เท่านั้น แล้วชั้นเป็นใครกัน ทำไมถึงจะบังอาจไปเถียงหรือไม่เห็นด้วยเล่า? Disagree คือ Dis Agree อะกรี คือเห็นด้วยครับ
1. Some of them want to use you คนบางคนในจำนวนทั้งหมดนี้ กลุ่มหนึ่งต้องการหลอกใช้คุณ want to use you ที่แปลว่าหลอกใช้ออกมาได้นั้นเพราะมีบริบทที่เสียดสีประชดประชันขึ้นมา เพราะ presentation ของทำนองเพลงที่มีความดาร์กในตัวอยู่เยอะ จึงทำให้มีคำว่า "หลอก" ออกมาได้ครับ คนบางคนต้องการหลอกใช้คุณ ทำไมถึงทำให้ฝันหวานได้ครับ? เพราะคนประเภทนี้โดยปกติแล้วมองตัวเองว่าตนเป็นคนฉลาด สูงส่งกว่าคนอื่น คนอื่น ๆ ทุกคนนั้นต่ำต้อยด้อยค่ากว่าตนเองเยอะนัก ต้องการมีเปรียบเหนือผู้อื่น จึงหาทางหลอกใช้คนอื่นเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์บางอย่างของตัวเอง เมื่อหลอกใช้ได้แล้วก็รู้สึกภูมิใจ รู้สึกฉลาดสมศักดิ์ศรี รู้สึกเติมเต็ม มีความสุข สมหวัง สาสมใจ เปี่ยมล้น นอนหลับฝันหวาน
2. Some of them want to get used by you คนบางคนในจำนวนทั้งหมดนี้ กลุ่มหนึ่งต้องการให้คุณใช้สอย ถ้าคำว่า get used ถูกใช้ในความหมายเดี่ยว ๆ จะแปลว่า ชินครับ แต่ท่อนนี้มี by you มาด้วย มีคำว่า "โดยคุณ" พ่วงมาด้วย เลยไม่ได้แปลว่าชินแล้ว แต่เป็นถูกคุณใช้สอย เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้นครับ? คนกลุ่มนี้ไม่มีความภูมิใจในตนเอง มองไม่เห็นข้อดีของตัวเอง อยากให้คนอื่นมาสนใจ อยากได้รับความไว้วางใจจากคนอื่น อยากให้คนอื่นมองเห็นว่าตัวเองก็มีประโยชน์ ทั้งนั้นทั้งนี้ "คนอื่น" ที่ว่า อาจไมได้หมายถึงเฉพาะคนอื่นทั่วๆไปนะครับ แต่อาจหมายถึงเฉพาะเจาะจงลงไปเลยว่าคนคนนั้นคือ "คุณ" ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ทั่วไปอยู่แล้ว เช่นหากคนกลุ่มนี้ไปชอบใครก็หวังจะให้เค้านึกถึงเราบ่อย ๆ อยากให้เค้าเรียกเราใช้งานเราพึ่งพาเรา แล้วเราจะได้รับความไว้วางใจ ได้รับความรัก ทำให้รู้สึกเติมเต็ม มีความสุข สมหวัง สาสมใจ เปี่ยมล้น นอนหลับฝันหวาน
3. Some of them want to abuse you คนบางคนปรารถนาทำร้ายปรามาสคุณ สังเกตได้ว่าเริ่มดาร์กขึ้นมาเรื่อยๆนะครับ ^^' abuse แปลว่า ดูถูก เหยียดหยาม ปรามาส ละเมิด คนกลุ่มนี้อยากมีอำนาจเหนือคนอื่น ไม่ต้องการให้ตัวเองถูกทำร้ายจึงทำร้ายคนอื่นก่อน มีความรู้สึกขัดแย้งในใจเมื่อได้อยู่ในสถานการณ์บางอย่างโดยเฉพาะกับคนบางประเภท ในเนื้อเพลงกล่าวว่า want to abuse you นั่นหมายถึงคนบางประเภทที่ว่านั้นคือประเภทแบบเราครับ จริงๆแล้วระบบการทำงานแบบนี้มีอยู่ในพวกเราทุกคนนะครับ (ไม่ได้หมายความว่าพวกเราทุกคนอยากจะทำร้ายใครนะ) จะมีเหตุการณ์ สถานการณ์ และกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้นที่จะกระตุ้นพฤติกรรมบางอย่างของเรา แต่คนกลุ่มนี้ถูกกระตุ้นพฤติกรรมที่อยากจะทำร้ายอีกฝ่ายขึ้นมา ซึ่งนี้เป็นไปได้อย่างสูงว่าเกิดจากประสบการณ์ในอดีตโปรแกรมให้เกิดการกระตุ้นแบบนี้ (แน่นอนว่าสามารถบำบัดให้หายได้) ซึ่งคนกลุ่มนี้จริงๆแล้วต้องการรู้สึกปลอดภัยหรือมีความสงบจากการคุกคามทางอารมณ์ความรู้สึกแม้เพียงแค่หงุดหงิดก็ตาม เมื่อได้ระบายออกด้วยการประทุษร้ายคนอื่น (ซึ่งก็คือเรา) แล้ว ก็จะรู้สึกสาสมใจ เติมเต็ม สมหวัง สงบ มีความสุข นอนหลับฝันหวาน
4. Some of them want to be abused คนบางคนใคร่ถูกคุณประทุษร้าย ใช้คำภาษาไทยว่า "ใคร่" เพราะต้องการสื่อให้เห็นว่าการถูกทำร้ายที่ใครๆต่างก็ปฏิเสธนั้น รายนี้ไม่ปฏิเสธไม่พอ ยังต้องการถูกทำร้ายอีกด้วย ระดับของมันไปไกลกว่าแค่อยากธรรมดา ๆ ครับ จึงต้องใช้คำที่เพิ่มระดับของความต้องการมากขึ้นไปอีก กลับมาที่คนกลุ่มนี้ครับ กลุ่มนี้ต้องการความสนใจ ความสำคัญ ในระดับที่ลึกขึ้นไปอีก โดยเฉพาะจากคนที่ตัวเองต้องการให้หันมามอง ไม่ใช่ว่าคนกลุ่มนี้จะไม่รู้สึกเจ็บปวดจากการถูกประทุษร้ายนะครับ เขาก็ยังเจ็บปวดอยู่เหมือนคนปกติทั่วไป เพียงแต่คนกลุ่มนี้ยอมแลกได้เพื่อให้คนที่ตัวเองสนใจหันมาให้ความสำคัญกับตัวเอง เมื่อได้มาแล้วจึงรู้สึกว่าทำสำเร็จ บรรลุเป้าหมาย สมหวัง มีความสุข นอนหลับฝันหวาน
พูดถึงหนังเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงปรัชญาบางส่วนของหนังขึ้นมาครับซึ่งเรื่องนี้ให้ไว้หลายข้อเลยอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างบนอย่างหนึ่ง (where do you position yourself in the group, society, the world?), วิธีที่คุณมองตัวเองบอกได้ว่าคุณเป็นคนยังไง (The way you perception yourself tells something about you), ถ้าคุณไม่ลุกขึ้นมายืนหยัดกับบางสิ่งบางอย่างคุณจะล้มเหลวไปกับทุกอย่าง (If you don't stand for something, you will fall for everything), โดยเฉพาะ message หลักปรัชญาหลักที่สื่อสารออกมาจากเรื่องนี้นั้นคือ คุณจะรู้ได้ยังไงว่าเรื่องนี้คุณไม่ใช่พระเอก/นางเอก? (This is not your story, it's only your part in somebody else's story). แน่นอนว่าเรารู้สึกเป็นตัวเอกในชีวิตของเรา ก็นี่มันชีวิตเรานี่นา เรารู้สึกมันอยู่ เราหายใจเอามันเข้าไปอยู่ แต่กลายเป็นว่าเรื่องราวชีวิตของเราที่กำลังเล่นอยู่นี้ เราเป็นแค่ตัวประกอบของชีวิตคนอื่นอีกคนนึง เราอาจเป็นตัวประกอบที่เติมเต็มชีวิตของแม่ ตัวประกอบที่เติมเต็มชีวิตของลูก หรือมีบทเล่นบางส่วนในชีวิตของใครอีกหลายๆคน ซึ่งในความเป็นจริงนั้นเราเองก็รู้อยู่แล้วว่าเรามีบทเล่น แต่เมื่อเล่นบทเหล่านั้นไปด้วยความรู้สึกของการเป็นตัวเอกมันจึงซีเรียสเกินไปกับชีวิต เมื่อเราสเต็ปเอาท์ถอยออกมามองตัวเองว่าเป็นเพียงส่วนประกอบย่อยของเรื่องคนอื่น เราจะปล่อยผ่านได้ง่ายขึ้นกับบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่มีความจำเป็นต้องไปยึดมันไว้ เหมือนอย่างตอนจบของเรื่องนี้ครับ