Button คือกระดุม collar คือคอเสื้อ แค่เห็นสองสิ่งที่เหมือนของเธอแบบนี้ในทุกที่ทุกแห่งที่ไป (everywhere) เลยทำให้เหมือนกับว่าได้เห็นเธอ (I think I see you) เช่นกัน
I want to live forever and watch you dancing in the air ตรงนี้มีความหมายเชิงจิตวิทยาแฝงอยู่ครับ โดยปกติคนที่สูญเสียคนที่ตัวเองรักไปมีแนวโน้มที่จะทำร้ายตัวเองมาก ดังนั้นในท่อนนี้มีข้อความสื่อสารกับเธอว่าเธอไม่ต้องห่วงว่าชั้นจะทำร้ายตัวเอง เพราะที่นี่ก็มีเธออยู่ทุกแห่งหน ทั้งตรงนั้นตรงนี้แม้แต่ในกลางอากาศ เมื่อมีเธออยู่ที่นี่ด้วยกันอยู่แล้ว ซึ่งเธอที่ชั้นเห็นยังสดใสร่าเริงขนาดนั้น dancing ให้ความรู้สึกที่สดใสร่างเริงครับ ดังนั้นชั้นอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อเพียงเพื่อให้ได้เห็นเธอที่สดใสร่าเริงนี้ตลอดไป เธอจึงไม่จำเป็นต้องห่วงว่าชั้นจะทำอะไรไม่ดีลงไป
All the lies and make believe ทั้งคำเท็จ (lies) หรือแม้แต่คำอธิบายต่างๆมากมายที่จะทำให้เราเชื่อคำเท็จเหล่านั้น (make-believe)
อีกทั้ง...
The very things that one day leave (ตรงนี้แปลยากนะครับเพราะเป็นวลีรำพึงรำพันลอยๆ แต่ถ้าเราลอง sense เข้าไปรู้สึกดูจะทำให้แปลอังกฤษเป็นความรู้สึกที่เขียนออกมาเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า the every particular things that one day can give them to you ซึ่งมันทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ) ซึ่งนั่นแปลว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่ามันจะเป็นส่วนเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่ขนาดไหน จะหยาบกระด้างหรือละเอียดอ่อนเพียงใด สิ่งละอันพันละน้อยที่จะผ่านเข้ามาสู่ชีวิตเราได้ในหนึ่งวัน
นั่นทำให้...
(แต่ถึงกระนั้น) ชั้นก็ยังมองเห็นเธออยู่ในกลางอากาศ but I can see you standing in mid air ได้อยู่ดี
ต่อครับ The girl I want to marry หญิงที่ชั้นต้องการแต่งงานด้วยนั้น Upon the high trapeze เธออยู่บน (upon) trapeze ซึ่งก็คือราวโหนตัวกายกรรมที่ห้อยอยู่สูงๆ (high)
Trapeze ราวโหนตัว
The day she fell and hurt her knees แปลตรงๆว่า วันที่เธอตกลงมาและทำให้เธอบาดเจ็บที่หัวเข่า เนื่องจากนี่เป็นการรำพึงรำพันทำให้มันไม่มีจุดประสงค์ที่เอ่ยขึ้นมา หมายความว่า ไม่รู้ว่าอยู่ๆจะเอ่ยขึ้นมาทำไมนั่นแหล่ะครับ อย่างที่บอกว่าเพลงนี้เป็นการรำพึงรำพันถึงความทรงจำบางอย่าง และความทรงจำช่วงนี้ที่เขาเห็นเธอตกลงมาจากราวห้อยตัวนั้นมันเป็นเหตุการณ์สำคัญในความทรงจำของเค้านั่นแหล่ะครับ ซึ่งในเหตุการณ์นี้มันคงเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกเยอะแยะมากมายจนไม่อาจจะลืมได้ (นี่เป็นเนื้อเรื่องของเพลง ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องขอหนังนะครับ)
ที่นี้เค้าก็เริ่มยกขึ้นมาอ้างครับ ความทรงจำในวันที่เธอตกอย่างนึง and only time can make you (ตรงนี้แปลยากนะครับเพราะมันลอยๆอย่างไม่มีเป้าหมายตรงๆเหมือนกัน ซึ่งเมื่อมองไปตรงๆทำให้ได้เห็นว่าเวลามันเป็นช่องอยู่ ซึ่งนั่นทำให้รู้สึกถึงการใช้เวลาของเรา ทำให้แปลอย่างเป็นความรู้สึกได้ว่าต่อให้เวลาต้องเดินต่อไป) อย่างนึง the wind that blows away the leaves (ลมจะพัดพาเอาใบไม้ปลิวลอยออกไป - สื่อถึงการเปลี่ยนแปลง ความไม่คงอยู่และไม่อาจควบคุมได้) อย่างนึง หรือ everything that life was worth (ความหมายที่เป็นคุณค่าของการมีชีวิต) อย่างนึง fallen snow (หิมะร่วงโรย - ความรู้สึกหนาวเหน็บและอาจนำมาซึ่งการสิ้นไปของชีวิต) ด้วยอย่างนึง อีกทั้ง virgin birth (การก่อกำเนิดใหม่ของชิวิต) ด้วยอีกอย่างนึง ซึ่งรวมๆกันแล้วหมายถึงแม้แต่อะไรต่ออะไรก็ตามที่จะเปลี่ยนแปลงและผ่านเข้ามาในชีวิตของเค้า สิ่งที่เค้าไม่อาจควบคุมได้ในการดำเนินไปของชีวิต ทั้งความเป็นความตาย (อาจเป็นของคนรอบข้างในชีวิตของเค้า ใครจะเกิดใครจะตาย) ไม่ว่ายังไงเค้าก็จะไม่มีวันลืมเธอไปนั่นเองครับ ยังคงมองเห็นเธอได้ในกลางอากาศอยู่ดี และเธอก็จะยังคงอยู่ในชีวิตของเขาตลอดไป