24 ต.ค. 2019 เวลา 08:06 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ภาค 2 ตอนที่ 4
วันที่ 09 ธันวาคม 2561
จุดที่จะเดินทางไปวันนี้คือเกาะเสม็ด แต่ไม่ใช่จุดมุ่งหมายของการเดินทางครั้งนี้ สิ่งสำคัญคือการสังเกตและเก็บข้อมูลสิ่งที่พบเจอ พูดง่ายๆก็คือการดูผู้คนและสถานที่เพื่อพูดคุยสอบถามนั้นเอง หลังจากที่เมื่อวานได้ศึกษารายละเอียดการทำงานมาบางส่วนแล้ว วันนี้ก็จะเป็นการลงภาคสนามครั้งแรกสำหรับงานนี้ โดยจะมีอาจารย์ให้คำปรึกษาวิธีการ 1 วัน สำหรับวันนี้ ที่เหลือผมก็ต้องลุยเองทั้งหมด ผมก็ตื่นเต้นบ้างเพราะงานนี้ไม่คุ้นเคยเอาซะเลย
จุดท่าเรือข้ามฝากเกาะเสม็ดนั้นมีหลายที่ให้เลือก มีทั้งเรือช้าเรือเร็ว แล้วแต่เราจะเลือก ซึ่งตอนแรกนั้นไปที่ท่าเรือของเทศบาล แต่หาที่จอดรถลำบาก อาจารย์ก็เลยพามาอีกท่า
ท่าเรือข้ามฝั่ง
ซึ่งการไปขึ้นฝั่งที่เกาะเสม็ดก็มีให้เลือกจุดที่จะขึ้นอยู่หลักๆ 2 จุด คือท่าเรือหน้าด่าน และท่าเรืออ่าววงเดือน ซึ่งครั้งนี้จะเลือกขึ้นที่ หน้าด่าน ซึ่งค่าโดยสารก็ถือว่าไม่แพงสำหรับการไปเที่ยวเกาะ เพราะราคาตั๊วแค่ 70 บาท เราก็ได้นั่งเรือเล่นข้ามไปเกาะแล้ว สำหรับคนที่เบื่อๆก็สามารถข้ามไปเดินเล่นที่เกาะชิวๆได้เหมือนกัน
ซื้อตั๊วเรือ
แผนที่เดินเรือ
ผมมองไปรอบๆในบริเวณท่าเรือระหว่างรอขึ้นเรือ คนก็ถือว่าไม่ค่อยเยอะ อาจจะเป็นเพราะเดือนนี้เป็นเดือนธันวาคม ซึ่งอาจจะไม่ใช่ฤดูที่นักท่องเที่ยวจะมาทะเลกันเยอะ แต่ก็น่าจะมีหลายๆกลุ่มที่เลือกที่จะมาหน้านี้เพราะไม่อยากมาช่วงคนเยอะนั้นเอง อาจจะอยากมาคนน้อยๆชิวๆเอาบรรยากาศ
บรรยากาศท่าเรือ
ซึ่งในท่าเรือนี้จะมีจุดให้ผู้โดยสารรอขึ้นเรือสองจุด คือจุดอาคารด้านหน้า
จะมีลักษณะเป็นอาคารไม้เสาคอนกรีต จะให้บรรยากาศคลาสิคหน่อยๆ
อาคารพักผู้โดยสาร
และอีกจุดก็จะเป็นจุดที่รอขึ้นเรือ เป็นจุดเทียบเรือนั้นเอง ก็จะมีอาคารศาลาเล็กๆให้ผู้โดยสารรอขึ้นเรือจุดนี้ได้ ซึ่งจะต้องเดินไปตามสะพานไม้ที่ยื่นออกจากท่าเรือออกไปทะเล สำหรับผมแล้วมันก็สวยไปอีกแบบนะเป็นสะพานไม้ยาวๆยื่นออกไปในทะเล แต่ก็น่าห่วงเรื่องความแข็งแรงเหมือนกัน
สะพานไปจุดเทียบเรือโดยสาร
วันนี้ท้องฟ้าไม่ค่อยโปร่ง มีเมฆซะเยอะ ท้องทะเลก็เลยไม่สดใสเท่าที่ควร
แต่ในความเป็นจริงทะเลมันก็ยังเป็นทะเลของมันเหมือนเดิม เพียงแต่เราอาจจะมองเห็นมันต่างไปจากแสงแดดที่ส่องลงมา
ในระหว่างที่ผมไปรอขึ้นเรือ ผมก็เห็นน้องๆนักศึกษามานั่งจดข้อมูลอะไรซักอย่างที่จุดขึ้นเรือ ซึ่งอาจจะคล้ายๆกันกับเราที่มาสำรวจหาข้อมูลเหมือนกัน
เพียงแค่เราอาจจะเนียนๆไปกับนักท่องเที่ยวเท่านั้นเอง อาจารย์บอกลองไปถามเค้าดู ว่าเค้ามาสำรวจอะไรกัน ผมก็เลยเดินเข้าไปพูดคุยสอบถามดู
ก็ทราบเบื้องต้นว่าเค้ามาจดบันทึกเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว ก็สำรวจเฉพาะจุดนี้ไม่ได้ข้ามฝั่งไป
น้องๆนักศึกษามาเก็บข้อมูล
สักพักก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมากันกลุ่มหนึ่ง น่าจะเป็นทัวร์ เพื่อจะขึ้นเรือเร็วในจุดนี้ การดูแลลูกค้าขึ้นเรือต่างๆก็โอเครอยู่ในระดับหนึ่ง มีทีมสตาร์ฟดูแลอยู่
นักท่องเที่ยวขึ้นเรือเร็ว
และมีเจ้าหน้าที่อีกคนที่คอยประกาศผ่าน โทรโข่ง ในมือเพื่อดูแลการขึ้นเรือให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
จุดควบคุมดูแลการขึ้นเรือ
บังเอิญผมสังเกตเห็นป้ายที่เค้าเขียนไว้ ซึ่งลองอ่านดูแล้วเค้ามีกฎระเบียบในการดูแลเรือของท่าเค้าอยู่ ไม่ใช่แค่ว่าจะมาจอดเฉยๆได้ ในทุกๆที่ก็จะมีกฎเกณฑ์ของที่นั้นเองอยู่ การที่เราเดินทางไปในที่ต่างๆเราก็ควรจะวางตัวให้เหมาะสมกับกฎเกณฑ์ในสถานที่ของเค้าด้วย เพื่อที่เราจะได้อยู่สบายไม่มีปัญหา
มีการหักตังค์กันด้วย
ในส่วนของผมเองนั้นต้องเดินไปต่ออีกนิดหน่อยเพื่อไปขึ้นเรือช้า เรือจะลำใหญ่กว่าบรรทุกผู้โดยสารได้เยอะ ซึ่งจุดขึ้นเรือจะเลยไปลึกอีกนิด
ท่าเรือช้า
ผมเดินเลยศาลาไปอีกนิดเพราะมองเห็นต้นมะพร้าวปักไว้ข้างสะพานสวยดี
บงบอกถึงภูมิปัญญาของคนที่อยู่กับน้ำอยู่กับเรือมายาวนาน เค้าใช้มันในการป้องกันเรือกระแทกสะพานและใช้ล้อยางรถยนต์รองไว้อีกทีเพราะลดแรงกระแทก ผมก็คิดอยู่ว่าตอนเอามาปักไว้เค้าทำยังไงกัน มันถึงได้ปักลงทรายทะเลไปได้ลึกจนมันแข็งแรงตั้งอยู่ได้
เสาต้นมะพร้าว
จนได้เวลาขึ้นเรือ ผมก็ขึ้นเรือไป โดยเรือมีสองชั้นให้นั่ง คือด้านล่างและดาดฟ้า ที่เค้าต่อขึ้นไปอีกชั้น พอขึ้นเรือเค้าก็แจ้งให้นักท่องเที่ยวทุกคนใส่เสื้อชูชีพ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะใส่กัน อาจจะมีแค่บางคนเท่านั้นที่ไม่ใช่ ซึ่งจริงๆมันเป็นความปลอดภัยของตัวของเค้าเอง แต่ในบางมุมก็อาจจะอยากรับลมสบายๆไม่มีเสื้ออะไรมาคลุมตัว ก็คงต้องแล้วแต่เค้า
ชูชีพ
ในระหว่างอยู่บนเรือผมก็เดินเล่น จนไปถึงจุดที่ลุงกัปตันเรือกำลังบังคับเรืออยู่ ผมก็พูดคุยสอบถามทั่วไป ลุงบอกว่าขับเรือมา 10-20 ปีแล้ว ซึ่งผมถือว่านานมาก ลุงเค้าก็เป็นคนอีสานเหมือนผม เค้าบอกมาอยู่ตั้งแต่หนุ่มๆนู้นละ มาทำงาน จนได้มาขับเรือนี่ละ สำหรับผมแล้วก็พอเข้าใจถึงการที่ต้องออกจากบ้านมาทำงานต่างถิ่น ทุกคนก็คงมีเหตุผลของตัวเองอยู่
ลุงกัปตันเรือ
ผมก็ถามต่อไปว่าลุงดูแลเรือคนเดียวเลยเหรอครับ เพราะไม่เห็นลูกเรือเลย ลุงบอกว่าพอดีเด็กๆไม่ว่างกัน ลุงก็เลยออกเรือมาคนเดียว ผมก็ถามต่อว่าทำไมเค้าถึงประกาศให้ใส่เสื้อชูชีพตอนออกเรือด้วยครับ ลุงเล่าว่าจะมีเจ้าหน้าที่ของกรมเจ้าท่าคอยสอดส่องดูแล บางทีจะส่องกล้องดูอยู่ที่ท่าเรือถ้าไม่ใส่เสื้อชูชีพก็จะโดนปรับจากเจ้าหน้าที่ ผมก็ว่าถึงขนาดส่องกล้องตรวจกันเลยเหรอ อย่างว่าละครับต่างคนก็ต่างหน้าที่ ใครมีหน้าที่อะไรก็คงต้องทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองให้ดี
ผมก็ถอยออกมาไม่รบกวนลุงเกินไป ไปนั่งรับลมเย็นๆบนชั้น 2 ของเรือ
เพื่อรอเวลาให้เรือไปถึงเกาะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา