24 ต.ค. 2019 เวลา 12:50 • ประวัติศาสตร์
มนุษย์ปลอดเชื้อคนแรกและคนเดียวของโลก
วันที่ 21 กันยายนปีค.ศ. 1971
David Vetter เกิดมาบนโลกนี้ด้วยวิธีการผ่าท้องคลอด แต่ทันทีที่หมอตัดสายสะดือของเขาเสร็จ เดวิดก็ถูกส่งต่อเข้าไปในห้องพลากสติกทันที โดยที่แม่หรือพ่อเขาไม่มีโอกาสได้สัมผัส กอดหรือหอมแก้มลูกเลย
1
เดวิดขณะเป็นทารก คนดูแลต้องสอดมือเข้าไปในพลาสติกเพื่อสัมผัสเดวิด
ทีมแพทย์และพ่อแม่รู้ตั้งแต่เดวิดยังอยู่ในท้องแม่แล้วว่า เดวิด ต่างไปจากเด็กคนอื่น หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องพลาสติกแล้ว เขาจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับมนุษย์คนไหนโดยตรงอีกเลย
5
เดวิด ไม่ใช่ลูกชายคนแรกของครอบครัว แต่พ่อและแม่ของเดวิด เคยเสียลูกชายคนแรกมาแล้วจากโรคทางพันธุกรรมที่มีชื่อว่า SCID ซึ่งย่อมาจากชื่อเต็มว่า Severe combined immunodeficiency ซึ่งเป็นโรคที่ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยบกพร่องในทุกๆด้าน หรือพูดง่ายๆคือ ผู้ป่วยจะไม่มีภูมิคุ้มกันที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคใดๆได้เลย
6
ในยุคที่เขาเกิดมานั้น ถ้าใครได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยด้วยโรค SCID ก็ไม่ต่างไปจากโดนคำสั่งประหาร เพราะเด็กที่ป่วยด้วยโรคนี้เกือบทุกคน จะเสียชีวิตด้วยการติดเชื้อภายในขวบปีแรก น้อยมากที่จะอายุยืนถึงสองขวบ พี่ชายของเดวิดเองก็เสียชีวิตด้วยภาวะติดเชื้อเมื่อมีอายุได้ 7 เดือน
7
พ่อแม่ของเดวิดมีลูกสาวแล้ว แต่ต้องการจะมีลูกชายอีกคน แต่โรค SCID นี้เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดทางผู้ชาย ดังนั้นการมีลูกชายอีกคนจึงมีความเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคนี้สูงมาก
6
อย่างไรก็ตามก่อนที่เดวิดจะเกิดมานั้น แพทย์เริ่มที่จะรักษาโรคนี้ด้วยการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกในผู้ป่วยบางรายสำเร็จแล้ว พ่อและแม่ของเดวิดจึงตัดสินใจเสี่ยงที่จะมีลูกชายอีกคน โดยหวังว่าในวันที่เดวิดเกิดมา เทคนิคการปลูกถ่ายไขกระดูกจะดีขึ้น จนสามารถรักษาลูกชายคนที่สองให้หายจากโรคร้ายนี้ได้
8
เมื่อเดวิดคลอดออกมาหมอและทีมงานจึงนำเดวิดเข้าไปเลี้ยงในตู้พลาสติกปลอดเชื้อทันที โดยมองว่าการเข้าไปอยู่ในสภาวะปลอดเชื้อนี้จะเป็นไปชั่วคราว แล้วรอเวลาเมื่อเดวิดพร้อม ก็จะทำการปลูกถ่ายไขกระดูกจากพี่สาวให้กับเดวิด
4
แต่ปรากฎว่า ไขกระดูของเดวิดและพี่สาว ไม่เข้ากัน ทำให้การปลูกถ่ายไขกระดูกที่วางแผนไว้ไม่สามารถทำได้ เดวิดจึงต้องถูกเลี้ยงในสภาวะปลอดเชื้อไปเรื่อยๆ เพื่อรอเวลาและหวังว่าในอนาคตอันใกล้จะมีผู้บริจาคไขกระดูกที่พันธุกรรมเข้าได้กับเดวิด
7
แต่วันนั้นก็ไม่เคยมาถึง
4
เดวิดเติบโตขึ้นเรื่อย จากหนึ่งขวบไปสองขวบ พออายุได้สามขวบก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเดวิดคงต้องอยู่ในสภาวะปลอดเชื้อไปอีกนาน ทางโรงพยาบาจึงต้องมาติดตั้งระบบท่อพลาสติกปลอดเชื้อไว้ที่บ้านพ่อและแม่ของเดวิด ตลอดเวลานั้นเดวิดไม่เคยได้ออกจากกล่องพลาสติกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
3
ทุกอย่างที่จะเข้าไปในพลาสติกต้องปลอดเชื้อ
จนเมื่อเดวิดอายุได้ 6 ขวบ องค์กรนาซ่าก็ออกแบบชุดพิเศษที่มีลักษณะคล้ายกับชุดของมนุษย์อวกาศให้เดวิดได้สวมใส่ ทำให้เขาสามารถได้ออกจากกล่องพลาสติกมาเดินเล่นข้างนอกได้บ้าง แต่ชุดนั้นก็ใส่ลำบาก ใส่ไม่สบาย เดินยาก แล้วทำให้เขาดูไม่เหมือนคนปกติ เดวิดจึงไม่ค่อยชอบ เขาใส่ชุดนั้นอยุ่ไม่กี่ครั้งแล้วก็เลิกใช้ไป
3
จากเดิมที่วางแผนจะให้เดวิดอยู่ในกล่องพลาสติกชั่วคราว แต่ชั่วคราวนั้นก็ถูกลากยาวไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเดวิดก็มีอายุครบ 12 ขวบ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าแพทย์จะช่วยให้เขาออกมาใช้ชีวิตแบบคนปกติได้อย่างไร
ตลอดสิบสองปีนี้ เขาไม่เคยจับมือพ่อแม่ ไม่เคยกอดกับพี่สาว ผิวของเขาไม่เคยสัมผัสกับผิวของมนุษย์คนอื่นๆเลย ทุกคนที่ต้องการจะเล่นกับเขาหรือสัมผัสเขาจะต้องทำผ่านพลาสติกเท่านั้น
1
เขาไม่เคยแชร์ของเล่นกับเด็กอื่นๆ อาหารที่เขากินทุกอย่างก็ต้องผ่านการฆ่าเชื้อจนแน่ใจว่าไม่มีแบคทีเรียหลงเหลืออยู่เลย และต้องเสริมอาหารของเขาด้วยวิตามินไม่เช่นนั้นเขาจะมีความเสี่ยงที่จะขาดวิตามินบางชนิด
2
แต่เดวิดไม่สามารถจะอยู่ในสภาพนี้ได้ตลอดไป
เมื่อเดวิดอายุครบ 12 ขวบ ทีมแพทย์และครอบครัวของเดวิด จึงต้องมาคุยกันว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เพราะจะให้เด็กชายที่กำลังจะเข้าสู่วัยรุ่นอาศัยอยู่ในพลาสติกเช่นนี้ไปเรื่อยๆจะไม่ดีกับสุขภาพจิตของเดวิด
2
เดวิดในวัย 12 ขวบ
หมอและครอบครัวของเดวิดจึงตัดสินใจร่วมกันว่า พวกเขาจำเป็นต้องทดลองเสี่ยงกับเทคนิคการปลูกถ่ายไขกระดูกวิธีการใหม่ ซึ่งหมอสามารถปลูกถ่ายไขกระดูกให้ได้โดย ผู้ให้และผู้รับไม่จำเป็นต้องมีพันธุกรรมเข้ากันได้ 100% แต่เดวิดจะต้องกินยากดภูมิคุ้มกันร่วมไปด้วยหลังการปลูกถ่ายไขกระดูกเสร็จสิ้นลง
1
ในเดือนตุลาคม ปีค.ศ. 1983 เดวิดจึงเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูก โดยไขกระดูกที่ได้รับนั้นมาจากพี่สาวของเขาเอง
2
ผลการรักษาเป็นไปได้ด้วยดี การปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นไปตามแผนทุกอย่าง
1
ประมาณสี่เดือนถัดมาเดวิดก็เสียชีวิตลง ...
7
หลังผ่าตัดได้ไม่นาน เดวิดก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งสาเหตุเชื่อว่าน่าจะเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า EBV ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในไขกระดูกของพี่สาว
4
เนื่องจากพี่สาวของเดวิดมีระบบภูมิคุ้นกันที่ทำงานได้ปกติ เธอจึงไม่มีปัญหาอะไรจากไวรัสที่ซ่อนตัวอยู่นี้ แต่ในคนที่มีปัญหาของระบบภูมิคุ้มกันอย่างเดวิด ไวรัสจึงทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ง่าย
4
สุดท้ายเมื่อหมอคิดว่า ไม่สามารถจะยื้อชีวิตของเดวิดจากโรคมะเร็งไว้ได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจให้เดวิดออกจากพลาสติกได้
4
และนั่นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาเกิดที่เขาได้ออกมาสัมผัสกับโลกอีกครั้ง เดวิดได้มีโอกาสที่จะสัมผัสกับพ่อแม่โดยไม่มีพลาสติกกั้น
7
แม่ของเดวิดสามารถที่กอดและหอมลูกชายของเธอเป็นครั้งแรก แต่การจูบนั้นก็เป็นเหมือนการจูบอำลา เพราะในอีก 15 วันต่อมา เดวิดก็เสียชีวิตลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1984
9
และนั่นก็คือเรื่องราวของมนุษย์คนเดียวที่อยู่ในสภาวะใกล้เคียงกับภาวะปลอดเชื้อมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติและเดวิดก็คงจะเป็นมนุษย์ปลอดเชื้อคนสุดท้ายด้วยเช่นกัน เพราะในอนาคตคงไม่มีใครพยายามจะสร้างมนุษย์ที่ปลอดเชื้อขึ้นมาอีก
2
(Ads)
ชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์การแพทย์เช่นนี้ อย่าลืมอ่าน สงครามที่ไม่มีวันชนะนะครับ
สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้จากลิงก์
4
อ่านบทความประวัติศาสตร์อื่นๆพร้อมเพิ่มเติมได้ที่
หรือ
ถ้าชอบเป็นคลิปวีดีโอ (เน้นประวัติศาสตร์) ติดตามได้ที่
เพิ่งเริ่มทำนะครับ ช้านิดแต่จะมีคลิปใหม่ๆตามมาอีกแน่นอน
อ่านบทความอื่นๆโดยเฉพาะวิทยาศาสตร์และการแพทย์ได้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา