27 ต.ค. 2019 เวลา 04:00 • ประวัติศาสตร์
“ประวัติศาสตร์การสอดแนมและจารกรรมข้อมูล (The History of spy and espionage)” ตอนที่ 2
1
SOE
วันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) “คาร์ล ฮานส์ โลดี้ (Carl Hans Lody)” สายลับเยอรมันที่แทรกซึมเข้ามาในสหราชอาณาจักร ได้ถูกนำตัวมาประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าที่หอคอยลอนดอน
1
คาร์ล ฮานส์ โลดี้ (Carl Hans Lody)
โลดี้เป็นหนึ่งในสายลับเยอรมันจำนวน 11 คนที่ถูกประหารที่หอคอยลอนดอนในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1
สายลับเหล่านี้จะถูกส่งเข้ามาทำภารกิจในสหราชอาณาจักรโดยการแทรกซึมเข้ามา โดยมีภารกิจคือการคอยสอดแนมศัตรูและล้วงความลับให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โลดี้ได้ปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน และได้เดินทางไปทั่วสหราชอาณาจักร ทั้ง อังกฤษ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์ ทำการล้วงข้อมูลกองทัพศัตรู
โลดี้จะคอยเก็บข้อมูล ก่อนจะจดใส่กระดาษ และทำเป็นเขียนจดหมายหาเพื่อนและส่งข้อความนี้กลับไปยังรัฐบาลเยอรมัน
จดหมายของโลดี้
แต่หน่วยสืบราชการลับสหราชอาณาจักรสามารถดักจับจดหมายของโลดี้ได้ ก่อนจะทำการจับตัวเขาในเดือนตุลาคม ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) และได้ตัดสินประหารชีวิต
สายลับเยอรมันส่วนใหญ่จะใช้ชื่อปลอมและทำประวัติปลอมเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง
สายลับเหล่านี้ส่วนมากจะปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยว และส่งข้อมูลที่สืบได้โดยปลอมเป็นโปสการ์ดหรือจดหมายธรรมดาๆ และเขียนข้อความโดยหมึกล่องหนที่ทำมาจากน้ำมะนาว
ในขณะที่สายลับเยอรมันบางส่วนก็จะปลอมตัวเป็นพนักงานขายสินค้า และทำการส่งข้อมูลโดยปลอมเป็นใบสั่งซื้อสินค้าจากอังกฤษ
1
หนึ่งในจดหมายลับของสายลับเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
อีกหนึ่งสายลับที่โด่งดังมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 คือ “มาตา ฮารี (Mata Hari)” สายลับสาวจากเนเธอร์แลนด์
2
มาตา ฮารี (Mata Hari)
มาตา ฮารีได้ทำการเดินทางไปทั่วยุโรป และเปิดการแสดงเต้นระบำ และด้วยความสวยและเสน่ห์เย้ายวน เธอจึงเป็นจุดดึงดูดผู้ชายจำนวนมาก
2
หนึ่งในคนที่มาติดพันเธอเป็นนายทหารระดับสูงของกองทัพเยอรมันชื่อ “คาร์ล เครเมอร์ (Karl Kramer)”
เครเมอร์คิดว่าความสวย เย้ายวนของมาตา ฮารีน่าจะมีประโยชน์กับกองทัพ และได้ขอร้องให้เธอทำงานให้ โดยมีการให้รหัสลับกับเธอ นั่นคือ “H-21”
1
มาตา ฮารีนั้นรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตปกติธรรมดาในแต่ละวัน เธอจึงตอบตกลงที่จะเป็นสายลับในทันที
1
แต่ปัญหาก็คือ เธอได้ตอบตกลงเป็นสายลับให้กับกองทัพฝรั่งเศสเช่นกัน และเยอรมนีกับฝรั่งเศสก็เป็นศัตรูกัน
2
มาตา ฮารี (Mata Hari)
ในขณะที่เธอทำงานเป็นนักเต้น บังหน้าอาชีพสายลับ เธอก็จะคอยล้วงความลับจากเหล่าทหารที่มาเต้นรำกับเธอ และส่งต่อข้อมูลให้กับทั้งฝรั่งเศสและเยอรมนี
แต่ดูเหมือนการเป็นสายลับสองหน้าจะไม่เป็นผลดีกับเธอเท่าไรนัก กองทัพฝรั่งเศสเริ่มจะสงสัยในตัวเธอ เนื่องจากข้อมูลที่เธอนำมาให้นั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ค่อยมีประโยชน์นัก ซึ่งกองทัพเยอรมันเองก็กำลังสงสัยในตัวเธอเช่นกัน
3
ในขณะที่มาตา ฮารีถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจในสเปน ทางเยอรมนีก็ได้แอบส่งข้อความบอกฝรั่งเศสว่ามาตา ฮารีเป็นสายลับเยอรมัน
ภายหลังจากเดินทางกลับฝรั่งเศส มาตา ฮารีก็ถูกจับทันที และถูกนำตัวไปประหารโดยการยิงเป้า
1
ว่ากันว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความกล้าหาญมาก เธอปฏิเสธที่จะใส่ผ้าปิดตา และยังส่งจูบให้เหล่าเพชฌฆาตก่อนที่เธอจะถูกยิงเป้า
2
มาตา ฮารีถูกประหารชีวิตในวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460)
มาตา ฮารีขณะถูกประหารชีวิต
ต่อมา สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สงบ โลกก็เข้าสู่ภาวะปกติเป็นเวลานานหลายปีจนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีค.ศ.1939 (พ.ศ.2482)
ค.ศ.1943 (พ.ศ.2486) กองทัพเยอรมันได้ยึดดินแดนส่วนใหญ่ในยุโรป ทั้งโปแลนด์ เบลเยี่ยม และฝรั่งเศส
แต่ในฝรั่งเศสนั้น ประชาชนจำนวนมากยังคงต่อต้านกองทัพเยอรมัน ทางกองทัพเยอรมันจึงได้วางกำลังไว้ในฝรั่งเศสและมีการตรวจตรา มีเวรยามที่เข้มงวด
วันหนึ่ง ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปในค่ายทหารเยอรมัน
“หยุดอยู่ตรงนั้น” ทหารยามเยอรมันยกปืนขึ้นเล็งไปยังผู้หญิงคนนั้น
“บอกมาว่าคุณเป็นใคร”
ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆ เปิดกระเป๋าออกช้าๆ เผยให้เห็นอุปกรณ์บางอย่าง พร้อมสายไฟพันกันมั่วไปหมด ทำให้ทหารยามตกใจ กลัวว่าเป็นระเบิด
แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ได้เปิดกระเป๋าออกกว้างกว่าเดิม เผยให้เห็นชุดพยาบาล
“พวกคุณไม่เคยเห็นเครื่องเอ็กซเรย์หรือ” คือคำถามของผู้หญิงคนนั้น
1
เมื่อทหารยามเยอรมันทราบว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นนางพยาบาล จึงได้ปล่อยให้เธอเข้าไปโดยไม่รู้เลยว่าได้ถูกหลอกแล้ว
1
นางพยาบาลคนนี้ แท้จริงแล้วคือสายลับอังกฤษ และเครื่องเอ็กซเรย์ก็คือวิทยุสื่อสารและเครื่องดักฟัง
สายลับอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ในเวลานั้น เยอรมนีกำลังวางแผนจะบุกสหราชอาณาจักรผ่านทางฝรั่งเศส
กองทัพสหราชอาณาจักรจึงได้ทำการตั้งกองกำลังชื่อ “หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (Special Operations Executive)” หรือ “SOE”
SOE จะต้องแทรกซึมเข้าไปในกองทัพศัตรู และมีหน้าที่สร้างความเสียหายแก่กองทัพศัตรูให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิดรถถังของศัตรูหรือทำลายคลังอาวุธ
2
SOE
สายลับของ SOE นั้นมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ ทั้งทหารผ่านศึก นักข่าว ช่างไฟ แม้แต่คนขับแท็กซี่ก็มี และมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง
สายลับ SOE จะต้องเข้ารับการฝึกอย่างเข้มข้นที่บริเวณลับในชนบทของอังกฤษ
พวกเขาต้องฝึกการตามรอยศัตรู การลอบเข้าฐานทัพศัตรู การกระโดดร่มเข้าไปในฐานทัพศัตรู รวมทั้งพวกเขายังต้องเรียนรู้การปลอมตัวอีกด้วย
สายลับ SOE มักจะปลอมตัว ไม่ว่าจะเป็นการติดหนวดปลอมหรือทำแผลเป็นปลอมๆ สายลับบางคนถึงขนาดทำการศัลยกรรมหน้าตาเพื่อแปลงโฉมและแทรกซึมเข้าไปในกองทัพศัตรู
1
SOE ขณะทำการฝึก
สายลับ SOE ยังต้องเรียนรู้การใช้อาวุธหลายประเภท รวมทั้งขณะปฏิบัติภารกิจ พวกเขาก็ยังได้รับอุปกรณ์ที่ใช้ในระหว่างปฏิบัติภารกิจ ไม่ว่าจะเป็นหลอดยาสีฟันที่มีช่องลับใส่กระดาษอยู่ข้างใน รวมถึงซากหนูตายที่ภายในยัดระเบิดไดนาไมท์ไว้ ซึ่งสายลับ SOE ได้แอบเอาไปวางไว้ใกล้กับกองไฟในค่ายทหารเยอรมัน
เมื่อทหารเยอรมันมาเห็นก็ไม่คิดอะไร คิดว่าเป็นซากหนูตายธรรมดา ก็ได้โยนซากหนูตายลงกองไฟ ทำให้เกิดระเบิดขึ้นทันที
เมื่อสงครามสงบในปีค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) ก็ได้มีสายลับ SOE กว่า 10,000 รายได้ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจตามจุดต่างๆ ไม่เพียงแค่ในยุโรป แต่ยังรวมถึงแอฟริกาและภูมิภาคอื่นๆ อีกด้วย
3
สายลับ SOE เหล่านี้ได้ปฏิบัติภารกิจตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะทำให้รถไฟตกราง ระเบิดสะพาน ทำให้เรือจม หรือแม้กระทั่งลอบสังหารนายทหารระดับสูงของเยอรมันอีกด้วย
ไม่มีใครทราบว่าเป้าหมายต่อไปของ SOE คือที่ไหน และตลอดเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็มีสายลับ SOE ที่ถูกศัตรูจับได้เพียง 200 นายเท่านั้น
1
สายลับ SOE ที่ถูกศัตรูจับได้ จะถูกนำตัวไปสอบสวนโดยตำรวจลับของเยอรมนี และถูกบังคับให้ส่งข้อมูลปลอมกลับไปยังฐานที่อังกฤษ
แต่ SOE ก็ได้มีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี พวกเขาคิดเผื่อในกรณีที่ถูกศัตรูจับเอาไว้แล้ว
ขณะปฏิบัติภารกิจ สายลับ SOE จะส่งข้อความกลับไปยังฐานที่อังกฤษ โดยจะสะกดคำผิดอย่างจงใจ นี่คือสัญญาณว่าทุกอย่างปกติ และข้อความที่ถูกส่งกลับมานี้เชื่อถือได้
แต่หากถูกจับ สายลับ SOE จะส่งข้อความมาโดยสะกดคำถูกทุกคำ นี่คือสัญญาณว่ามีบางอย่างผิดปกติ และเจ้าหน้าที่ในลอนดอนจะทราบทันทีว่าข้อความที่ส่งมานี้มีอะไรแปลกๆ
2
หนึ่งในสายลับ SOE ที่ถูกจับ เป็นหญิงสาว ชื่อว่า “ไวโอเลตต์ ซาโบ (Violette Szabo)”
ไวโอเลตต์ ซาโบ (Violette Szabo)
ซาโบเป็นลูกครึ่งอังกฤษ-ฝรั่งเศสที่แต่งงานกับทหารฝรั่งเศส
สามีของซาโบได้ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจในแอฟริกาเหนือ ก่อนจะถูกฆ่าตาย
1
ซาโบทราบข่าวการเสียชีวิตของสามีในปีค.ศ.1942 (พ.ศ.2485) และตัดสินใจที่จะเป็นสายลับเพื่อแก้แค้นให้สามี
ซาโบนั้นพูดภาษาฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว แถมยังเชี่ยวชาญการใช้ปืน กองทัพ SOE จึงอ้าแขนรับเธอทันที
1
ซาโบและสามี
ซาโบถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจที่ฝรั่งเศส โดยต้องร่วมมือกับกองกำลังกบฎฝรั่งเศส ทำการต่อสู้กับทหารเยอรมัน
ในภารกิจที่สองในปีค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) เธอถูกซุ่มโจมตีจากหน่วยลาดตระเวนเยอรมัน ทำให้เธอโดนจับ
ก่อนที่เธอจะถูกจับ เธอได้ทำการฆ่าทหารเยอรมันหลายนาย และช่วยให้สายลับ SOE คนอื่นๆ หนีรอดไปได้
1
ซาโบถูกฝ่ายเยอรมนีทรมานและบังคับให้เธอคายความลับของสายลับ SOE คนอื่นๆ แต่เธอก็ไม่ยอมเผยอะไรออกมาทั้งสิ้น
ในที่สุด ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) กองทัพเยอรมันได้ทำการประหารเธอด้วยการยิงเข้าที่หัว
ไวโอเลตต์ ซาโบได้รับการยกย่อง และได้รับเหรียญกล้าหาญจากทั้งรัฐบาลสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส
1
เรื่องราวของสายลับยังมีต่อไปอีก เส้นทางภารกิจของพวกเขายังอีกยาวไกล
จะเป็นอย่างไรต่อ ติดตามต่อในตอนหน้านะครับ
โฆษณา