9 ธ.ค. 2019 เวลา 10:35 • ประวัติศาสตร์
ชีวิตพระ
ตอนที่ ๗ แสวงหาอำนาจทางการเมือง
พระเทวทัต เริ่มหามุมคิดคนเดียวเงียบๆ ประมาณ ประมาณว่า “หากเราปล่อยให้เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ต่อไป คงไม่มีใครเห็นความสำคัญของเรา” หรือ ที่เรามักจะได้ยินว่า คงไม่มีใครเห็นหัว ประมาณนั้น จะทำยังไงดี (ความจริงไม่ดี)
อย่าลืมว่า พระเทวทัต อดีต คือ ลูกกษัตริย์ เป็นถึงรัชทายาท ฐานะทางการเมืองนั้นเทียบเท่ากับเจ้าชายสิทธัตถะ ดังที่เคยกล่าวไว้เมื่อตอนที่ ๓ ... ดังนั้น หากจะทำให้ตัวเองมีความสำคัญเป็นที่ยอมรับ ก็ต้องเอาระดับ Big Big ทางการเมือง มาเป็นลูกศิษย์ตน หรือพูดอีกนัยยะหนึ่งก็คือ เริ่มคิดที่จะแสวงหาอำนาจทางการเมืองนั่นเอง
แต่ Big Big ทางการเมืองในยุคนั้น มี ๒ องค์ คือพระเจ้าพิมพิสาร ผู้ปกครองแคว้นมคธ กับ พระเจ้าปเสนทิ ผู้ปกครองแคว้นโกศล ล้วนแล้วแต่เป็นลูกศิษย์ ของพระพุทธเจ้าหมดแล้ว ก็คงเหลือแต่ เจ้าชายอชาตศัตรู โอรสของพระเจ้าพิมพิสาร ที่ตัวเองน่าจะเกลี้ยกล่อม หรือ ยุคนี้เรียกว่า “ล้างสมอง” ได้ เมื่อคิดได้ ก็ปฏิบัติการ
พระเทวทัต ออกเดินทางไปแคว้นมคธ พอไปถึง ก็ใช้กำลังฤทธิ์ของตน แปลงกายเป็นเด็ก (ไม่มีบันทึกว่าอายุเท่าไหร่) มีงูพันรอบเอว หายตัวแว๊บ ไปปรากฎอยู่ที่ตักของเจ้าชายอชาตศัตรู (ในวัง) ทันที
เจ้าชายอชาตศัตรู นั่งอยู่ดีๆ ก็ไม่รู้ตัวอะไรมาปรากฎแว๊บอยู่ที่ตักตัวเอง ก็ตกใจกลัว
“ท่านกลัว ฉันหรือ” เด็กบนตักหรือพระเทวทัตแปลง ถาม
“ใช่ ฉันกลัว ท่านเป็นใครน่ะ” เจ้าชายอชาตศัตรูตอบเสร็จ ก็ถามต่อ
“ฉันคือ พระเทวทัต”
“ถ้าท่านคือ พระเทวทัต ก็ขอให้แปลงกลับเป็นพระองค์เดิมเถอะ”
พระเทวทัต ก็หายตัวแว๊บจากตัก ไปยืนอยู่หน้าเจ้าชายอชาตศัตรูด้วยร่างเดิม
โห.. เกิดมายังไม่เคยเจอพระที่มีฤทธิ์ขนาดนี้ เจ้าชายอชาตศัตรูก็เลื่อมใสสุดๆ จึงขนาดหาและสร้างที่อยู่ให้ ทั้งยังไปหาพระเทวทัตวันละ ๒ เวลา คือ เช้า กับ เย็น พร้อมกับอาหารอีก ๕๐๐ สำรับทุกวัน
(พออ่านมาถึงตรงนี้ก็เกิดข้อสังเกตว่า พระเทวทัตจะฉันอาหารวันละ ๕๐๐ สำรับหมดได้ยังไง น่าจะมีพวกพ้องบริวารจำนวนหนึ่งอยู่กับพระเทวทัตด้วย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ เพราะพระเทวทัต อดีต คือลูกกษัตริย์ พวกพ้องบริวาร ก็อาจจะเป็นบรรดาข้าทาสบริวารเก่า ... (ความเห็นส่วนตัว))
ตอนนี้ พระเทวทัต มีอำนาจทางการเมืองในระดับหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่พึงพอใจ เพราะกิเลสมันฟูจนเกินกว่าจะดับได้แล้ว พระเทวทัตอยากได้อำนาจมากกว่านี้ คิดอยากจะปกครองทั้งศาสนจักร และอาณาจักร ความคิดแบบนี้ สำนวนในทางพระพุทธศาสนาใช้คำว่า “มีความปรารถนาลามก” (สำนวนนี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องเพศเหมือนยุคปัจจุบัน)
“ความปรารถนาลามก” นั้นเป็นอันตรายกับคุณวิเศษของพระเทวทัต พอเกิดขึ้นอิทธิฤทธิ์ของพระเทวทัตก็เสื่อมทันที ... ไม่สามารถหายตัว แว๊บไป แว๊บมา หรือ แปลงกายเป็นคนโน้น คนนี้ ได้อีกแล้ว ... จบตอนที่ ๗

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา