16 ธ.ค. 2019 เวลา 11:00 • ปรัชญา
จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น (the catcher in the rye) ตอนที่ 6
เขาพยายามโยนกระดาษข้อสอบของผมลงบนเตียงเมื่ออ่านจบ แต่เขาโยนพลาดอีกตามเคยนั่นแหละ
จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น (the catcher in the rye) ตอนที่ 6
ผมต้องลุกไปเก็บมันมาวางลงบนนิตยสาร แอตแลนติก
มันเป็นเรื่องที่น่าเบือเมื่อต้องทำอย่างนั้นทุกนาที
“เธอจะทำอย่างไรถ้าเธอเป็นฉัน” เขาถาม
“ตอบฉันมาตรงๆ ไอ้หนุ่ม”
คุณรู้เลยว่าเขารู้สึกแย่จริงๆที่ให้ผมสอบตก
ผมจึงพูดพล่ามไปเรื่อยๆสักพัก ผมก็บอกเขาว่าผมเป็นคนโง่งี่เง่า อะไรประมาณนั้น ผมบอกเขาว่าผมจะทำแบบเดียวกับเขาหากผมเป็นเขา
และบออกว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ซึ้งถึงความยากของการเป็นครูบาอาจารย์ อะไรทำนองนั้นแหละ
เรื่องหลอกเด็กตามเคย
ที่แปลกก็คือ ขณะที่ผมกำลังโม้อยู่นั้นผมกำลังคิดเรื่องอื่นไปด้วย
ผมอาศัยอยู่ในนิวยอร์ก และผมคิดถึงทะเลสาบในเซ็นทรัล พาร์ค มันอยู่ทางตอนใต้ของเซนทรัล พาร์คน่ะ ผมสงสัยว่ามันจะกลายเป็นน้าแข็งหมดหรือยังเมื่อผมกลับถึงบ้าน และถ้ามันกลายเป็นน้าแข็งหมด
แล้วพวกเป็ดจะไปอยู่ที่ไหน ผมสงสัยว่าน่าจะมีใครสักคนขับรถบรรทุกมาขนย้ายมันไปไว้ในสวนสัตว์อะไรทำนอกนั้นหรือป่าว หรือว่าพวกมันก็แค่บินจากไป
ผมโชคดี ที่สามารถผมพูดพล่ามให้อาจารย์สเปนเซอร์ฟังและคิดถึงพวกเป็ดไปพร้อมๆกันได้ มันน่าตลกอยู่เหมือนกัน คุณไม่ต้องคิดอะไรมากนักหรอกเวลาที่คุณพูดกับอาจารย์สักคน
แต่จู่ๆ เขาก็ขัดจังหวะขณะที่ผมกำลังโม้ เขามักจะขัดจังหวะคนอื่นเสมอ
“เธอรู้สึกอะไรกับเรื่องทั้งหมดนี้ละ ไอ้หนุ่ม ฉันอยากรู้จริงๆ อยากรู้มาก”
“อาจารย์หมายถึงเรื่องที่ผมสอบตกและต้องออกจากเพนเซย์หรอครับ” ผมพูด
ผมละอยากให้เขาปิดน่าอกตะปุ่มตะป่าของเขาหน่อย มันไม่ใช่สิ่งที่น่าดูนัก
“ถ้าฉันเขาใจไม่ผิด เธอเคยมีปัญหาที่โรงเรียนวูตันและที่เอลก์ตัน ฮิลส์ มาแล้ว” เขาไม่เพียงพูดในลักษณะที่ประชดประชันเท่านั้น แต่ออกไปแนวถากถางเสียด้วย
“ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมายที่โรงเรียนเอลก์ตัน ฮิลส์” ผมบอกเขา
“ผมไม่ได้สอบตกหรืออะไรแบบนั้นนะครับ ผมก็แค่ลาออก”
“ทำไมละ ฉันถามได้ไหม”
“ทำไมนะหรอครับ คือ…เรื่องมันยาวน่ะครับอาจารย์….ผมหมายความว่ามันค่อนข้างจะซับซ้อนครับ”
ผมไม่รู้สึกอยากจะพูดถึงมันให้เขาฟังเท่าไหร่ พูดไปเขาก็ไม่เข้าใจหรอก
เหตุผลใหญ่ที่สุดเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมออกจากที่เอลก์ตัน ฮิลส์ ก็เพราะผมถูกห้อมล้อมไปด้วยคนตอแหล่แค่นั้นแหละ
มีคนตอแหล่ เยอะจนจะทลักเข้ามาทางหน้าต่าง
ยกตัวอย่าง ที่โรงเรียนนั่นมีอาจารย์ใหญ่ชื่อฮาส เขาเป็นคนตอแหล่ที่สุดคนหนึ่งที่ผมเคยพบเจอในชีวิต
ยิ่งกว่าอาจารย์เธอร์เมอร์หลายสิบเท่า ยกตัวอย่าง ในวันอาทิตย์อาจารย์ฮาสจะเข้าไปจับมือทักทายผู้ปกครองของเด็กนักเรียนทุกคน ตอนที่พวกเขาขับรถมาที่โรงเรียน เขาจะทำตัวอบอุ่นอ่อนโยน ยกเว้นกับเด็กบางคนที่มีผู้ปกครองออกแนวอ้วนๆหน้าตาเฉิ่มๆ หรือ แก่ๆ เปิ่นๆ
คุณน่าจะได้เห็นสิ่งที่เขาทำกับผู้ปกครองของรูมเมตผม
แต่ถ้าพ่อของเด็กคนไหนเป็นคนประเภท ใส่สูทไหล่กว้างๆ และสวมรองเท้าสีขาวดำเสร่อๆแล้วละก็ อาจารย์ก็เขาไปจับมือแล้วฉีกยิ้มเสแสร้งแล้วก็เข้าไปคุยประมาณครึ่งชั่งโมงสงสัยจะได้
ผมทนเรื่องพรรค์นั้นไม่ได้ มันทำให้ผมอยากจะบ้าตาย ผมเกลียดไอ้โรงเรียนเหี้ยนั้นเหลือเกิน
อาจารย์สเปนเสอร์ถามอะไรบางอย่างในตอนนั้น แต่ผมไม่ได้ยินเขา
ผมกำลังนึกถึงอาจารย์ฮาสอยู่
“อะไรนะครับอาจารย์” ผมพูด
“เธอรู้สึกกังวลกับการที่ต้องออกจากเพนเซย์ บ้างไหม”
“อ้อ ครับ ก็กังวลอยู่บ้างครับ มีแน่ๆ….แต่ไม่มากเท่าไหร่ครับ ผมคิดว่าผมอาจจะรู้สึกช้าอยู่
"ผมใช้เวลานานเหมือนกันที่จะรู้สึกกับอะไรบางอย่าง สิ่งเดียวที่ผมคิดอยู่ในตอนนี้คือกลับบ้านในวันพุธ ผมงี่เง่าเองครับ”
"เธอไม่รู้สึกกังวลกับอนาคตของตัวเองเลยหรอไอ้หนุ่ม”
“อ้อ ผมก็กังวลเรื่องอนาคตผมอยู่บ้างละครับ” ผมคิดอยู่สักพัก
“แต่ก็ไม่มากหรอกครับ ไม่มากครับ”
“แล้วเธอจะกังวล” เขาว่า
“แล้วเธอจะกังวล ไอ้หนุ่ม เธอจะเป็นกังวลเมื่อมันสายไปเสียแล้ว”
ผมไม่ชอบสิ่งที่เขาพูด ฟังแล้วมันรู้สึกหดหู่ เขาพูดเหมือนกับว่าผมตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“ครับผมก็คิดว่าอย่างนั้น” ผมบอก
“ฉันอยากจะใส่สติเขาไปในหัวของเธอนะ ไอ้หนุ่ม ฉันพยายามจะช่วยเธอ ฉันพยายามจะช่วยเธอถ้าฉันทำได้”
เขากำลังพยายามจริงๆเสียด้วย ใครก็ดูออก
แต่ปัญหาคือเรามันอยู่คนละฟากแค่นั้นเอง
“ผมทราบว่าอาจารย์กำลังพยายามช่วยผมครับ”
“ขอบคุณอาจารย์มากจริงๆ ผมไม่ได้แกล้งพูดนะครับ ผมซาบซึ้งมาก จริงๆนะครับ”
โฆษณา