18 ธ.ค. 2019 เวลา 11:00 • ปรัชญา
จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น (the catcher in the rye) ตอนที่ 8
อย่างไรก็ตาม นั่นแหละคือที่ที่ผมพักอยู่ในเพนเซย์ ที่ปีกตึกออสเซนเบอร์เกอร์เมโมเรียลของหอพักใหม่
จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น (the catcher in the rye) ตอนที่ 8
ผมรู้สึกดีที่ได้กลับไปที่ห้องของผม เพราะทุกคนอยู่ที่การแข่งขัน และเครื่องทําความร้อนในห้องก็ดันใช้งานได้ ทั้งที่ปกติจะเจ๊งตลอด มันรู้สึกค่อนข้างอบอุ่นดี ผมถอดเสื้อโค้ทกับเน็กไทและปลดกระดุมคอเสื้อ จากนั้นผมก็สวมหมวกที่ ซื้อมาจากนิวยอร์กในตอนเช้า มันเป็นหมวกล่าสัตว์สีแดงชนิดที่มีปีก หมวก ยาวๆ ผมเห็นมันในกระจกของร้านขายอุปกรณ์กีฬาตอนที่เราขึ้นมาจาก รถไฟใต้ดิน ในตอนเดียวกับที่ผมรู้ตัวว่าทําไอ้พวกดาบบ้านั้นหายไปนั้นแหละ
ผมซื้อมันมาด้วยเงินเพียงดอลลาร์เดียวเท่านั้น วิธีที่ผมสวมมัน คือผมหันปีกหมวกไปไว้ด้านหลัง เชยมาก ผมยอมรับ แต่ผมชอบมันอย่างนั้น และผมดูดีแบบนั้น
แล้วผมก็เอาหนังสือที่ผมกําลังอ่านออกมาและ นั่งลงบนเก้าอี้ของผม ทุกห้องมีเก้าอี้สองตัว ตัวหนึ่งเป็นของผม และ อีกตัวเป็นของวอร์ด สแตรดเลเทอร์ รูมเมตของผม
ไอ้ที่เท้าแขนของเก้าอี้ อยู่ในสภาพร่อแร่เพราะทุกคนชอบนั่งลงบนมัน แต่ก็เป็นเก้าอี้ที่นั่งสบายทีเดียว
หนังสือที่ผมอ่านอยู่ตอนนั้นคือหนังสือที่ผมไม่ได้ตั้งใจยืมมาจาก ห้องสมุด พวกเขาให้หนังสือผมมาผิดเล่มและผมไม่ทันสังเกตจนกระทั่ง ผมกลับมาถึงห้องเสียแล้ว พวกเขาให้หนังสือ รักที่ริมขอบฟ้า โดยไอแซ็ก ดิเนเซ็นมากับผม ผมนึกว่ามันจะห่วยแตก แต่ก็เปล่า มันเป็นหนังสือ ที่ดีมาก ผมเป็นคนความรู้น้อยแต่ผมอ่านเยอะ นักเขียนคนโปรดของผม คือดี.บี.พี่ชายผม และคนโปรดถัดไปคือริง ลาร์ดเนอร์
พี่ชายผมให้หนังสือของริง ลาร์ดเนอร์ กับผมเป็นของขวัญวันเกิด ก่อนที่ผมจะมา เรียน เพนเซย์พอดี มันเต็มไปด้วยบทละครตลกบ้าๆ บอๆ และก็มีอยู่ เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับตํารวจจราจรที่ตกหลุมรักสาวน่ารักผู้ชอบขับรถเร็ว แต่ตํารวจคนนั้นแต่งงานแล้ว เขาจึงไม่สามารถแต่งงานกับเธอหรือ อะไรได้ ต่อมาสาวคนนั้นก็ตาย เพราะเธอชอบขับรถเร็ว เรื่องนั้นมัน โดนผมจริงๆ
สิ่งที่ผมชอบคือหนังสือที่อย่างน้อยก็มีอารมณ์ขันบ้าง เป็นครั้งคราว ผมอ่านหนังสือคลาสสิกเยอะ พวกเดอะรีเทิร์น ออฟ เดอะ เนทีฟ อะไรทํานองนั้น และผมก็ชอบมันด้วย และผมก็อ่านหนังสือ เกี่ยวกับสงคราม อ่านพวกหนังสือสืบสวนสอบสวนเยอะเหมือนกัน แต่ พวกนั้นไม่ค่อยโดนผมสักเท่าไร หนังสือที่โดนจริงๆ คือหนังสือประเภท ที่เมื่อคุณอ่านมันจบ คุณได้แต่หวังว่าคนที่เขียนมันน่าจะเป็นเพื่อนสนิท มากๆของคุณ และคุณจะสามารถโทรศัพท์หาเขาเมื่อไรก็ได้ที่คุณต้องการ
แต่ก็ไม่ค่อยมีหนังสืออย่างนั้นน่ะนะ ผมอยากโทรศัพท์หา ไอแซ็ก ดิเนเซ็น และริง ลาร์ดเนอร์ได้ แต่ดี.บี.บอกผมว่าเขาตายไปแล้ว แต่ถ้าคุณนึกถึง หนังสืออย่าง ออฟ ฮิวแมนบอนเดจ ของโซเมอร์เซ็ต มอห์ม ที่ผมอ่านเมื่อ ฤดูร้อนปีกลาย มันก็เป็นหนังสือที่ดีนนะ แต่ผมคงไม่อยากโทรศัพท์หา โซเมอร์เซ็ตมอห์มหรอก ไม่รู้สิ เขาไม่ใช่คนประเภทที่ผมจะอยากโทรศัพท์ ไปหา ก็แค่นั้น
ผมอยากจะโทรศัพท์หา ธอมัส ฮาร์ดี มากกว่า เพราะ ผมชอบ อัสเตเชีย ไวย์ ตัวละครสาวในหนังสือของเขา
อย่างไรก็ตาม ผมสวมหมวกใบใหม่ของผม นั่งลง แล้วเริ่มอ่าน หนังสือเรื่อง รักที่ริมขอบฟ้า ผมเคยอ่านมันแล้วแต่ผมอยากอ่านบางบทใหม่อีกครั้ง
ผมอ่านไปแค่สามหน้าเท่านั้นเอง เมื่อผมได้ยินใครบางคนออกมาจากม่านอาบนํ้า
ผมไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองผมก็รู้ทันที่ว่าเป็นใคร
นั่นคือโรเบิร์ต แอ็กเลย์ เขาอยู่ห้องข้างๆผม
ทุกๆ สองห้องพัก จะมีห้องน้ําตั้งอยู่ตรงกลางในปีกตึกของเรา และประมาณแปดสิบห้าครั้ง ต่อวันแอ็กเลย์ก็จะโผล่พรวดมาหาผม เขาน่าจะเป็นคนเดียวในหอนี้ นอกจากผมที่ไม่ได้อยู่ที่การแข่งขัน
เขาแทบจะไม่เคยไปไหนเลย เขาเป็นคนแปลกมาก เขาเป็นนักเรียนปีสุดท้ายและเขาอยู่ที่เพนเซย์มาตลอดสี่ปี แต่ไม่เคยมีใครขานเรียกเขาเป็นอย่างอื่นนอกจาก “แอ็กเลย์" แม้แต่ เฮิร์บ เกล รูมเมตของเขาเอง ก็ไม่เคยเรียกเขาว่า “บ็อบ” หรือ “แอ็ก"
ถ้าเขาได้แต่งงานละก็ เมียของเขาก็คงจะเรียกเขาว่า “แอ็กเลย์” เหมือนกัน เขาเป็นเด็กประเภทที่ตัวสูงมาก และมีหัวไหล่กลม เขาสูงประมาณหกจุดสี่ฟุต และมีฟันที่น่าขยะแขยง ตลอดเวลาที่เขาพักอยู่ห้อง ข้างๆ ผม ผมไม่เคยเห็นเขาแปรงฟันแม้แต่ครั้งเดียว มันดูเป็นสีเขียวๆ และสกปรกตลอดเวลา และเขาจะทําให้คุณแทบอ้วกถ้าคุณเห็นเขาใน ห้องอาหารขณะมีมันบดกับถั่วหรืออะไรสักอย่างอยู่เต็มปาก นอกจากนั้น เขายังมีสิวเยอะ ไม่ใช่แค่บนหน้าผากหรือบนคางเหมือนคนอื่นๆ แต่ กระจายเต็มไปทั้งใบหน้า และไม่เพียงเท่านั้น เขายังมีบุคลิกลักษณะ ไม่ดี นิสัยค่อนข้างแย่
ผมไม่ค่อยชอบเขาสักเท่าไหร่หรอก บอกตามตรง
โฆษณา