22 ธ.ค. 2019 เวลา 14:01 • ความคิดเห็น
ในการถวายพระเพลิง พระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า ที่นครกุสินารานั้น กษัตริย์มัลละได้ทรงประกอบพิธีเช่นเดียวกับพระบรมศพของ พระเจ้าจักรพรรดิ คือห่อหุ้มพระพุทธสรีระ ด้วยผ้า500ชั้น โดยชั้นนอก&ชั้นในสุด ใช้ผ้า"อโธวิตะ"(แปลว่าไม่ต้องซักด้วยน้ำ) ซึ่งเป็นผ้าทนไฟชนิดหนึ่งในยุคนั้น
เพราะเมื่อถวายพระเพลิงแล้ว ทุกสิ่งจะมอดไหม้ไปหมดเหลือแต่ ผ้าที่ห่อหุ้มพระบรมธาตุไว้ พระบรมธาตุ ที่เหลืออยู่ในห่อผ้า มีลักษณะคล้ายอัญมณี สีต่างๆเช่น เหลืองทอง เขียว ขาวสุกใส ขาวดุจงาช้าง
การที่พระบรมธาตุมีลักษณะคล้ายอัญมณี เพราะการบำเพ็ญสมณธรรม มานานทำให้ดวงจิตหลุดพ้นจาก รัก โลภ โกรธ หลง ร่างกายอาจหลั่งสารบางอย่าง ทำให้พระบรมธาตุแปรเปลี่ยน เหล่าอรหันต์สาวกก็ปรากฎเช่นกัน เช่น พระอาจารย์มั่น ภูริทัต วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร ที่ประดิษฐานอยู่ในพิพิธภัณฑ์ บริขาร ซึ่งเปิดให้ชม&นมัสการ
พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภานุพันธ์ยุคล ได้เล่าไว้ในหนังสือ "พุทธธันดรไตรเวทย์"ปีที่1ฉบับที่12 กย. พศ.2520 เกี่ยวกับอัฐิของหลวงจีนรูปหนึ่งว่า
"มีหลวงจีนหนุ่มที่มีคนนับถือ&เชื่อว่าท่านสำเร็จอรหันต์ ได้มรณภาพลง มีศิษย์ที่ใกล้ชิดที่อยู่กับคนจัดการเผาศพท่านเมื่อ2วันก่อน เล่าว่า กระดูกของท่านที่เผาแล้ว มีแก้วสีต่างๆงอกเต็มไปหมด ยังตั้งบูชาอยู่ที่วัด ข้าพได้เข้าไปดู สังเกตเห็น ว่าเศษกระดูกที่ไหม้ไฟนั้น มีแก้วเม็ดเล็กใสๆ ติดแทรกอยู่บางเม็ดครึ่งหนึ่งเป็นกระดูกใสครึ่งหนึ่งก็มี ข้าพเจ้าก็ไปขอเขาก็ให้มา"
ในพิธีถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้านั้น มีกษัตริย์&พราหมณ์จาก7นครมาร่วม ถวายสาส์นต่อพระเจ้ามัลละ ขอส่วนแบ่งพระบรมธาตุ ไปประดิษฐานเพื่อสักการะ
แต่พระเจ้ามัลละประกาศไม่แบ่งใคร ทำให้เหล่ากษัตริย์ไม่พอใจเตรียมยกทัพ มาชิงพระบรมธาตุ แต่โฑณพราหมณ์ เห็นว่าการเอา พระบรมธาตุเป็นมูลเหตุแห่งสงคราม เป็นสิ่งที่ไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง จึงแบ่งพระบรมธาตุออกเป็น8ส่วนเท่าๆกัน
พระบรมธาตุมี3แบบ
1.ขนาดใหญ่เท่าเมล็ดถั่วมุคคะครึ่งซีก(มุคคะเป็นถั่วอินเดียขนาดเท่าถั่วเหลือง) ไทยเรียก"สัณฐานเท่าเมล็ดถั่วหัก" มีสีเหลืองดอกบวบ ตวงได้5ทะนานทองคำ
2.ขนาดกลางเท่าเมล็ดข้าวสารหัก สีแวววาวดุจแก้วผลึก ตวงได้5ทะนานทองคำ
3.ขนาดเล็กเท่าเมล็ดผักกาด สีเหมือนดอกพิกุล วาวใสตวงได้6ทะนานทองคำ
พระบรมสารีริกธาตุทั้ง16ทะนานถูกแบ่งเป็น8ส่วน ให้กษัตริย์ทั้งหลาย นำไปบรรจุตามสถูปเมืองต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีเครื่องพุทธบริขาร คือบาตร จีวร ผ้ารองนั่ง(ผ้าสันถัด) ผ้าคาดเอว(รัดประคด) มีดโกน ฉลองพระบาท รวมถึงทะนานทองที่ตวง พระบรมสารีริกธาตุ พราหมณ์ได้อัญเชิญพุทธบริขาร เหล่านี้ประดิษฐานไว้10หัวเมือง
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงพระราชนิพนธ์"นิทานโบราณคดี"เรื่อง"สืบพระศาสนาในอินเดีย"ว่า
เมื่อขึ้นไปยุโรปถึงกรุงลอนดอน ไปดูพิพิพัธภัณฑ์สถาน จึงขอเจ้าพนักงานไปดู พระบรมธาตุพระพุทธเจ้าที่ได้จากอินเดีย ไปเห็นพบว่าเป็นกระดูกคน มิใช่ธาตุคล้ายอัญมณีเช่นเมืองไทย"
พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภานุพันธ์ยุคล ได้แสดงความเห็นว่า
"พระบรมสารีริกธาตุ&พระธาตุของพระสาวก นั้นควรแบ่งเป็น2แบบ
1.พระบรมธาตุที่เป็นกระดูกคน
2.พระบรมธาตุแบบสมติธาตุ คือสิ่งที่เป็นพุทธาภินิหาร ได้บันดาลให้ปรากฎแทนกระดูก เพื่อให้เราสักการะ"
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุด คือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นเองที่เราควรยึดถือเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตครับ
โฆษณา