28 ธ.ค. 2019 เวลา 23:00 • ประวัติศาสตร์
ชีวิตพระ
ตอนที่ ๒๙ ภายในวัดเวฬุวัน
บาดแผลโลหิตุปบาท ของพระพุทธองค์ได้รับการรักษาจากแพทย์ประจำพระองค์คือหมอชีวกโกมารภัจ (อ่านว่า ชี-วะ-กะ-โก-มา-ระ-พัด เป็นอริยสาวกอีกท่านหนึ่งที่มีบทบาทมากในการทำหน้าที่เชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กับ พระเจ้าอชาตศัตรู ซึ่งจะกล่าวในภายหลัง) จนหายดี
ส่วนพระภิกษุในวัดเวฬุวัน ก็ออกมาเดินจงกรมรอบวิหาร พร้อมสวดสาธยายพุทธมนต์ทั้งเสียงสูง ทั้งเสียงดัง เซ็งแซ่ไปหมด เพื่อป้องกันไม่ให้พระเทวทัตส่งใครมาทำร้ายพระพุทธองค์อีก อย่างน้อยเห็นพระมากๆ เดินจงกรมสวดสาธยายพุทธมนต์เสียงสูงเสียงดังขนาดนี้ ก็ต้องเกรงๆ กันมั่งแหละน่า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสดับเสียงนั้น ก็มีรับสั่งให้พระอานนท์พุทธอุปัฏฐาก (ได้กล่าวไว้บ้างแล้วในตอนที่ ๓) ไปเรียกพระภิกษุสงฆ์มาประชุม แล้วแสดงธรรมเรื่อง ศาสดา ๕ จำพวก (ได้กล่าวไว้บ้างแล้วในตอนที่ ๘) แล้วสรุปลงด้วยพระดำรัส ซึ่งถ้าเป็นสำนวนในยุคปัจจุบันก็จะใช้คำว่า
“ไม่มีใครฆ่าพระพุทธเจ้าได้ ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเธอเคยบำเพ็ญสมณธรรมอย่างไร ก็ทำไปตามปกติอย่างนั้น”
เรื่องทำนองนี้เคยเกิดขึ้นกับพระนักปฏิบัติองค์หนึ่งเหมือนกัน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ ๓๐-๔๐ ปีก่อน คือ มีคนจ้างวานมือปืนรับจ้างให้มายิงท่าน ท่านก็ไปนั่งอยู่ที่หน้าโบสถ์ให้มือปืนมายิง พระลูกวัดเห็นก็เป็นห่วง ก็เลยนุ่งสบงแบบถกเขมร เอาผ้าโพกศรีษะ แล้วถือไม้คมแฝกไปยืนคุ้มครองท่าน ท่านเห็นก็บอกกับพระลูกวัดว่า
“เขาจะมาเติมขันติบารมีให้ข้า เอ็งกลับไปซะ”
ส่วนเหตุการณ์ต่อไปว่า มือปืนรับจ้างมายิงท่านจริงๆ หรือเปล่า ผู้เขียนไม่ทราบ แต่ท่านก็ไม่ได้มรณภาพด้วยการถูกลอบฆ่าแต่อย่างใด ท่านหมดอายุขัยไปตามปกติของสังขารเมื่ออายุใกล้ๆ ๗๕ ปี
ย้อนกลับมาที่วัดเวฬุวัน เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนั้น บรรดาพระภิกษุทั้งหลายก็สงบลง ก็คงมีแต่พระเทวทัตที่มิอาจทำใจให้สงบได้ จึงคิดแผนการปลงพระชนม์ต่อไป ... จบตอนที่ ๒๙

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา