26 ธ.ค. 2019 เวลา 01:47 • ธุรกิจ
จะทำสัญญากับใครก็อ่านให้มันดีๆหน่อยว้อย...
สัญญาที่ดูปกติดี แต่หารู้ไม่ว่า...
ความเดิมตอนที่แล้ว
พี่ทนายที่สนิทโทรมาตอน 4 ทุ่ม พร้อมกับบอกว่า "สัญญาใช้ไม่ได้เลย ไม่โอเคหลายอย่างเลยนะครับ"
น้องเปิดอ่านตามพี่เลยนะครับเดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง
เราทีกำลังจะนอนตอน 4 ทุ่มกว่าต้องตื่นมางัวเงีย อย่างเสียไม่ได้ เรากางสัญญาออกพร้อมเสียบหูฟัง จรดปากกาบนสัญญา
"มีหลายคำบนสัญญาเลยครับที่ใช้ไม่ได้ เช่นคำทับศัพท์หลายคำที่เวลาขึ้นศาล หรือนักกฎหมายอ่านแล้วใช้ไม่ได้เลยครับ"
1. เรทเงิน คำนี้ไม่มีในภาษากฎหมายนะครับ ควรแก้ไขครับ เป็นอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น
2. แบรนด์ คำนี้ก็ไม่มีความหมายครับ ในสัญญาควรระบุเป็นผู้จ้าง หรือผู้ว่าจ้างดีกว่านะครับ
3. สต็อก, อัพเดต อันนี้ก็ไม่มีความหมายในเชิงภาษากฎหมายนะครับ ควรเขียนให้เป็นภาษาไทยที่เป็นทางการนะครับ
โดยรวมคือสัญญาควรจะแปลเป็นภาษาไทยที่เป็นทางการ ถ้าหากมีคำทับศัพท์ควรจะวงเล็บคำแปลไทยที่เป็นคำมาตรฐานไว้นะครับ
ส่วนในข้อที่แม่เรากังวล เกี่ยวกับข้อที่เขียนว่า หากพบว่าสินค้าที่ส่งมาเป็นสินค้าผิดกฎหมาย เราต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบทุกประการ
ทนายแนะนำว่าให้เปลี่ยนเป็นประมาณว่า เจ้าของสินค้าและผู้รับจ้างขนส่งสินค้า ยืนยันว่าสินค้าเป็นสินค้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
โดยสรุปก็คือ ทนายบ่นว่าสัญญาเหมือนเอาคนไม่รู้กฎหมายแล้วมาเขียน ดูเนื้อหาข้างในเอาเปรียบลูกค้ามากๆ คือดูเหมือนถ้าเกิดอะไรขึ้นเรารับผิดชอบคนเดียว
เราลองร่างสัญญาใหม่ตามที่ทนายแนะนำ ซึ่งทั้งปรับคำให้ถูกต้อง ปรับข้อสัญญาบางอย่างที่ดูแล้วเราเสียเปรียบแน่ๆ
ตรงนี้พี่ทนายบ่นนิดนึงว่า ไม่น่ามานั่งแก้นะครับ มันไม่ใช่หน้าที่ของน้องเลยด้วยซ้ำ
เออดิ... ตอนนั้นนั่งแก้ร่างสัญญา แก้แล้วแก้อีก แก้จนไมเกรนขึ้น รู้สึกว่าไม่น่าโง่เสียเวลา เสียพลังงานเลยเรา.😅
เราแชทไปหาบริษัท A และส่งร่างสัญญาตัวใหม่ไปให้ ซึ่งตอนแรกที่ชอบบริษัท A เพราะพนักงานเค้าคุยค่อนข้างดี ตอบทุกคำถามดูเอาใจใส่บริการดี
พนักงานบริษัท A พูดเชิงประมาณว่าปกติผู้จัดการเขาไม่ให้เปลี่ยนเนื้อความในสัญญา แต่เขาจะลองติดต่อกับผู้จัดการให้ว่าจะยอมให้แก้ไหม...
เวลาผ่านไปประมาณ 1-2 ชั่วโมง พนักงานบริษัท A โทรกลับมาบอกว่า
"ผู้จัดการไม่ให้แก้สัญญานะคะ"
OK ค่ะ บ๊ายบาย เราคงไม่ได้ร่วมงานกันแหละ 😅
ทีนี้เราเลยส่งสัญญาของเจ้า B ไปให้ทนายอ่าน เพราะเราเองก็มีข้อมูลของเจ้า B พอประมาณแล้ว
พี่ทนายโทรกลับมาบอกว่า "โอเคครับน้อง สัญญาเจ้านี้ค่อยดูได้มาตรฐานหน่อย ดูก็รู้ว่าใช้นักกฎหมายร่างสัญญานะครับ
สรุปเราโทรไปคุยกับเจ้า B เรื่องจะทำสัญญา เจ้า B เราติดนิดหน่อยเรื่องพนักงาน เพราะเสียงในสายเค้าไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าที่ควร ฮาาา
พอทราบรายละเอียดแล้ว โอเคแล้ว ก็เลยทำนัดกับทางบริษัทเพื่อเซ็นต์สัญญา เพราะคุณทนายบอกว่าคนจะเซ็นต์สัญญากับเราต้องเป็นผู้มีอำนาจ เช่นระดับกรรมการผู้จัดการ เป็นต้น
เอาวะ!!! จะเอาลูกเสือต้องเข้าถ้ำเสือ เอ๊ย ไม่ใช่ จะทำธุรกิจกับใครต้องไปดูบริษัท ไปคุยกับเจ้าของสิครัช
เราขับรถไปยังบริษัทที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เป็น Home Office เล็กๆ
คนที่ออกมาต้อนรับคนแรกก็พนักงานที่เราคุยด้วยนี่แหละ พอเจอตัวจริงก็ดูต้อนรับดี เป็นมิตรดีนะ แต่เสียงเค้าในโทรศัพท์จะดูเหวี่ยงนิดนึง
พนักงานคนนั้นเชิญให้เราไปห้องทำงานเจ้าของที่อยู่ชั้นบน
"ทางนี้ค่ะ"
1
พอเปิดประตูออกมาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่ยังดูภูมิฐาน แต่ก็ยังหนุ่มนั่งอยู่
"สวัสดีครับ" เขาทักทายอย่างเป็นมิตร
To be continued
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณที่ติดตามกันอย่างต่อเนื่องนะคะ พอเห็นคอมเม้นต์เพื่อนๆแล้ว ต้องรีบมาเขียนต่อเลยค่ะ
#Successjourney
โฆษณา