31 ธ.ค. 2019 เวลา 10:39 • ความคิดเห็น
#ปรีดาคิด 03
ทฤษฎีกาชาปอง (Gachapon Theory)
"กาชาปอง" หรือตู้หมุนไข่ (หรือแคปซูล) แบบหยอดเหรียญนั้นมีที่มาจากคำว่า “กาชา” (Gasha หรือ Gacha) อันหมายถึงเสียงการบิดตู้ของเล่นหยอดเหรียญ และ “ปอง” (pon) อันเป็นเสียงแคปซูลของเล่นตกลงมา
หลักการความสนุกของกาชาปองอยู่ที่การ “ลุ้น” ว่าเราจะได้อะไรออกมาจากตู้หยอดเหรียญ
ความจริงแล้วประโยคอันเป็นวรรคทองจากภาพยนตร์เรื่อง Forrest Gump ที่บอกว่า “Life is like a box of chocolate, you never know what you gonna get” นั้นเราอาจเปลี่ยนจากคำว่า “a box of chocolate” เป็น “a capsule of gashapon” ก็ย่อมได้ความหมายแบบเดียวกัน
ความจริงแล้วเราจะพบหลักการทำงานคล้ายๆ กาชาปองในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น เซียมซีก็เป็นกาชาปองของวัด การจับฉลากของขวัญก็อาจเรียกว่าเป็นกาชาปองในงานปีใหม่ สอยดาวก็เป็นกาชาปองในงานกาชาด
แล้วตู้กาชาปองใช้วิธีการไหนในการดูดเงินไปจากเรา...
หนึ่ง การเปิดเผยให้เห็นว่าคนเล่นจะมีโอกาสได้ของเล่นอะไรบ้าง ดังนั้นเราจึงได้เห็น “ของตัวอย่าง” ในตู้ดึงดูดให้เราเข้าไปหา
สอง แน่นอนว่าในบรรดาของที่โชว์นั้นเราไม่ได้อยากได้ทุกชิ้น บางชิ้นเราอยากได้มาก บางชิ้นถ้าได้ก็โอเค และบางชิ้นที่เราไม่ได้ชอบ อย่างไรก็ตาม...
สาม ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับของที่จะได้นั้นคุ้มแสนคุ้ม เรียกว่าถ้าไปซื้อย่อมแพงกว่านี้แน่ แต่อย่าลืมว่า...
สี่ ของที่เราอยากได้นั้นมันมักไม่ได้มาง่ายๆ เมื่อเราได้ของที่ไม่อยากได้ เราก็จะกลับไปดูข้อหนึ่ง สอง และสามใหม่ จนนำมาสู่การหยอดอีกเหรียญ (เชื่อเถอะว่าคนที่ถูกตู้กาชาปองดูดเข้ามาด้วยความอยากได้ของบางอย่างในตู้นั้นมักไม่หยุดที่เหรียญเดียว)
และห้า เมื่อหยอดอีกก็ยังไม่ได้ มันจึงเกิดความอยากเอาชนะ ตัวที่เราไม่อยากได้มันออกมาเกือบหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเหรียญต่อไปนี่แหละจะนำของที่เราอยากได้ออกมา
หก กว่าจะรู้ตัวอีกที จากที่คิดว่าจะหยอดเหรียญเท่าที่มี ก็กลายเป็นเอาแบงค์ไปแลกเหรียญ และจากที่คิดว่าของเล่นที่จะได้นั้นถูกกว่าการซื้อเป็นไหนๆ ก็กลายเป็นได้แต่ของที่ไม่อยากได้ เราอาจได้ของที่อยากได้ในที่สุด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยของที่ไม่อยากได้อีกจำนวนมาก ขณะที่บางคนก็อาจถอดใจไปโดยที่ยังไม่ได้ของที่ต้องการ
อนึ่ง ตู้กาชาปองยังแตกต่างจากกลไกคล้ายกาชาปองแบบเซียมซีหรือการจับฉลากของขวัญปีใหม่ตรงที่ เซียมซีกับการจับฉลากของขวัญปีใหม่นั้นมี “กฎกติกา” ที่เราไม่อาจแลกเหรียญมาหยอดใหม่ได้
ส่วนการสอยดาวงานกาชาดนั้นเปิดโอกาสให้เราลองเสี่ยงดวงใหม่ได้ แต่ความน่าจะเป็นที่จะได้รางวัลที่ต้องการนั้นก็ต่ำเสียเหลือเกิน อาจเป็นหนึ่งในพันหรือหนึ่งในหมื่นจนไม่เกิดความรู้สึกท้าทายอยากเอาชนะ
ขณะที่ตู้กาชาปองนั้นความน่าจะเป็นที่เราจะได้ของที่อยากได้ (สมมติว่าเราอยากได้ของแค่แบบเดียว) อยู่ที่หนึ่งในห้าหรือหนึ่งในแปดโดยประมาณ แล้วแต่ว่าตู้กาชาปองนั้นมีของเล่นกี่แบบ
ซึ่งเมื่อประเมินดูแล้วมันมีโอกาสที่จะสำเร็จจากการหมุนอีกครั้ง
ในชีวิตคนเรา บางทีเราก็เป็นเหมือนคนหยอดตู้กาชาปอง
คนบางคนดำเนินชีวิตไปโดยไม่คาดหวัง เขาพอใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เหมือนกับคนที่พอใจกับทุกสิ่งที่หมุนออกมาได้จากตู้กาชาปอง ขณะที่บางคนมีความมุ่งหมายชัดเจน ถ้าบรรลุสิ่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วเหมือนหมุนไข่กาชาปองลูกแรกแล้วได้เลยก็โชคดีไป
แต่ถ้าไม่ได้ล่ะ เราจะตัดสินใจอย่างไร?
หลายคนยอมทุ่มทุนเพื่อสิ่งที่ต้องการ แม้จะรู้ว่ามันมีโอกาสที่จะไม่บรรลุ (หรือบรรลุผลในสิ่งที่ไม่ใช่เป้าหมาย) อยู่ก็ตาม โดยเริ่มแรกนั้นเราไม่คิดว่าการจะได้สิ่งที่ต้องการนั้นจะเป็นเรื่องยากเย็นอะไร
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็หมดหน้าตักไปมากแล้ว
ณ จุดนี้เองที่เป็น “จุดวัดใจ” ว่าจะเพิ่มทุนเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ หรือตัดขาดทุนเพื่อไม่ต้องสูญเสียมากกว่าที่เป็น และยอมรับสภาพที่จะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้กับการทำธุรกิจ การสร้างความสัมพันธ์ การทำตามความฝัน ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนอาจมีวิธีตัดสินใจที่ไม่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ทางเลือกของนักหยอดตู้กาชาปองมิได้มีเพียงแค่ "ไปต่อ" กับ "พอแค่นี้" เท่านั้น เราอาจลืมไปว่ามันอาจมีหนทางอื่นหลังจากที่เราหมุนได้ไข่ไม่ถึงประสงค์มาจำนวนหนึ่ง
บางทีสิ่งที่เราไม่ต้องการอาจเป็นสิ่งที่คนอื่นต้องการ และบางทีสิ่งที่เราต้องการก็อาจเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่ต้องการเช่นกัน
ถูกแล้ว สำหรับกาชาปอง เราอาจเลือกหนทางขอแลกของกับผู้ผิดหวังจากกาชาปองคนอื่นได้ บางครั้งความสำเร็จอาจบรรลุได้จากความร่วมมือ......
สำหรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ คุณปรีดาขอให้ทุกคนได้พบ "กาชาปอง" ที่ตนเองต้องการ หรือไม่ก็หาความสุขกับกาชาปองที่หมุนออกมาได้โดยสวัสดี
สวัสดีปีใหม่
หมายเหตุ ความจริงแล้วเรื่องกาชาปองยังมองจากมุมเจ้าของตู้ ซึ่งมีลักษณะเป็น gamification รูปแบบหนึ่ง เอาไว้ว่างๆ จะมาชวนคุยเรื่องนี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา