6 ม.ค. 2020 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
“โศกนาฏกรรมเรือเหาะฮินเดนเบิร์ก (Hindenburg Disaster) โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ทางอากาศรายแรกๆ ในประวัติศาสตร์การบิน” ตอนที่ 4
Graf Zeppelin และศักราชใหม่ของเรือเหาะ
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ถึงช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทองแห่งเรือเหาะ
หลายประเทศเริ่มจะสร้างเรือเหาะเป็นของตนเอง โดยอังกฤษเป็นชาติแรกที่สร้างเรือเหาะที่สามารถบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้ และต่อมา นอร์เวย์และอิตาลีก็ส่งเรือเหาะข้ามไปยังขั้วโลกเหนือ
เรือเหาะลำแรกที่สร้างในสหรัฐอเมริกาคือ “ยูเอสเอส เชนันโดห์ (USS Shenandoah)” ซึ่งสร้างเสร็จในปีค.ศ.1924 (พ.ศ.2467)
เชนันโดห์นั้นนับเป็นความภาคภูมิใจของสหรัฐอเมริกา แต่ในการเดินทางครั้งที่สองในปีค.ศ.1925 (พ.ศ.2468) เชนันโดห์ก็ได้เจอกับพายุ ทำให้เรือเหาะตก และทำให้ห้องควบคุมนั้นแตกออกจากตัวเรือเหาะและตกสู่พื้น ทำให้คนในห้องควบคุมเสียชีวิต แต่ผู้โดยสารนั้นรอดชีวิต
USS Shenandoah
ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งเยอรมนีนั้น บริษัทเซปเปลินก็ได้รับอนุญาตให้สร้างเรือเหาะอีกครั้ง โดยบริษัทเซปเปลินได้มีการร่วมมือกับบริษัท Goodyear Tire & Rubber Company จากฝั่งอเมริกา
ค.ศ.1926 (พ.ศ.2469) ทั้งสองบริษัทได้ร่วมมือกันสร้างเรือเหาะอีกลำที่ประสบความสำเร็จมาก
นั่นคือเรือเหาะ “กราฟ เซปเปลิน (Graf Zeppelin)”
1
กราฟ เซปเปลิน (Graf Zeppelin)
ภายในเวลาเก้าปี กราฟ เซปเปลินได้บินไปกว่าหนึ่งล้านไมล์ บรรทุกผู้โดยสารกว่า 34,000 คน และไม่เคยเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเลย
บริษัทได้วางแผนจะให้กราฟ เซปเปลินเป็นเรือเหาะลำแรกที่บรรทุกผู้โดยสารข้ามมหาสมุทรและเป็นเรือเหาะหลักที่พาผู้โดยสารเดินทางระหว่างยุโรปกับสหรัฐอเมริกา
ในยุค 20 (พ.ศ.2463-2472) การเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกนั้นมีเพียงทางเดียวคือทางเรือ และผู้คนก็คิดว่าเครื่องบินนั้นไม่แข็งแรงพอที่จะพาผู้โดยสารข้ามมหาสมุทรได้
การจะใช้เครื่องบินข้ามมหาสมุทรนั้นทำได้ยาก เนื่องจากเรื่องของน้ำมันที่ต้องคำนวนให้เพียงพอกับการเดินทาง และเครื่องบินก็ไม่สามารถบรรทุกอะไรได้มาก
ดังนั้นเรือเหาะน่าจะเป็นการเปิดศักราชการบินข้ามมหาสมุทร
กราฟ เซปเปลินได้รับการโปรโมทอย่างหนักและเป็นที่ตื่นตาของผู้คน และกราฟ เซปเปลินยังได้ออกบินไปยังขั้วโลกเหนือเพื่อการสำรวจอีกด้วย
1
ค.ศ.1931 (พ.ศ.2474) กราฟ เซปเปลินก็ได้เริ่มรับผู้โดยสารจากเยอรมนีไปบราซิล
1
ภายหลังจากประสบความสำเร็จในการออกเดินทางไปยังอเมริกาใต้ บริษัทก็คิดว่าถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่
นั่นคือการเปิดเที่ยวบินระหว่างเยอรมนีและสหรัฐอเมริกา
บริษัทจึงได้เริ่มทำการสร้างเรือเหาะที่ใหญ่และหรูหราอลังการที่สุด
นั่นคือเรือเหาะ “ฮินเดนเบิร์ก (Hindenburg)”
เรือเหาะฮินเดนเบิร์ก (Hindenburg) ได้ถูกตั้งชื่อตาม “พอล ฟ็อน ฮินเดนเบิร์ก (Paul von Hindenburg)” วีรบุรุษสงครามและอดีตประธานาธิบดีเยอรมนี
พอล ฟ็อน ฮินเดนเบิร์ก (Paul von Hindenburg)
เรือเหาะฮินเดนเบิร์กได้ถูกสร้างในระหว่างค.ศ.1931-1936 (พ.ศ.2474-2479)
ฮินเดนเบิร์กมีความยาว 804 ฟุต โดยมีขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลเกือบสามสนาม และมีความสูง 135 ฟุต
ฮินเดนเบิร์กสามารถบินได้เร็วกว่า 80 ไมล์ต่อชั่วโมงและบรรทุกผู้โดยสารกว่า 100 คน
ฮินเดนเบิร์กขณะกำลังก่อสร้าง
ในช่วงที่ฮินเดนเบิร์กกำลังก่อสร้างนั้น พรรคนาซีได้เริ่มที่จะมีอำนาจในเยอรมนี
เอคเนอร์ไม่ชอบนาซี เขาได้ขึ้นกล่าวสปีชสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามนาซีและเขายังมักพูดล้อเลียนนาซีอีกด้วย และที่สำคัญ เขาจะไม่ยอมให้เรือเหาะของเขาเกี่ยวข้องอะไรกับพรรคนาซีเด็ดขาด
ค.ศ.1933 (พ.ศ.2476) เอคเนอร์ให้เรือเหาะกราฟ เซปเปลินบินในงานนิทรรศการในชิคาโก โดยตามกำหนดการนั้น บนครีบด้านซ้ายของเรือเหาะต้องมีสัญลักษณ์สวัสติกะของนาซีด้วย
แต่เอคเนอร์ได้ให้เรือเหาะบินวนตามเข็มนาฬิกา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีใครเห็นสัญลักษณ์นี้
ในเวลานี้ สงครามและการเมืองเริ่มจะเข้ามามีส่วนในฮินเดนเบิร์ก
จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามตอนต่อไปนะครับ
โฆษณา