6 ม.ค. 2020 เวลา 06:41
เพราะปัญหามันซ่อนอยู่ข้างใน เราจะรู้ได้ยังไงว่าเราเครียดเรื่องอะไร
เวลาที่ผมถามคนที่มาบำบัดว่าช่วงนี้มีเรื่องอะไรเครียดรึเปล่า
คำตอบส่วนใหญ่คือไม่มี
แต่เมื่อถามลึกขึ้น เช่น มีปัญหาเรื่องที่ทำงาน เรื่องการเงิน หรือเรื่องทะเลาะหงุดหงิดใจในครอบครัวรึเปล่า
ทุกคนก็ตอบว่ามีเต็มเลย
สภาวะเครียดหลบในมันเป็นแบบนี้แหละครับ
มันเป็นเรื่องที่เราไม่อยากนึกถึง ไม่อยากพูดถึง อยากลืมๆมันไป
เราจึงเกิดสร้างภาพขึ้นมาว่ามันไม่มีปัญหา แล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปโดยที่คิดว่ามันไม่มีปัญหา
Repression
มันเป็นกลไกลหนึ่งการอาตัวรอด มันเป็นเปลือกที่หุ้มปัญหาไว้
(ถ้าจำกันได้หน้าที่ของสมองคือการเอาตัวรอด แต่มันแค่เอาตัวรอดอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของความสุขเลยก็ได้)
เมื่อสมองหรือสติหรือ conscious ของเราไม่รับรู้ว่าเรามีปัญหา
ปัญหาจึงไปซ่อนอยู่ในอีกซีกหนึ่งที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งคือ unconscious ของเรา
กลายเป็นกล่องดำที่เก็บความลับที่ซ่อนอยู่ข้างในโดยที่เราไม่รู้ตัว
แต่สิ่งที่เราคิด มันไม่ใช่สิ่งที่เราเป็น
ถึงจะคิดว่าเราไม่มีปัญหา มันก็มีปัญหาอยู่ดีหนีไม่พ้น
แต่การที่ถูกถาม ฉุกคิด ได้ลองทบทวนตัวเองมากขึ้น
ปัญหาที่เราคิดว่าไม่มีมันถึงจะค่อยๆโผล่ออกมา
เช่นที่ถามเรื่องปัญหาในที่ทำงาน การเงิน หรือครอบครัว
แต่ถ้าไม่ฉุกคิดเลย เราก็จะสามารถจะใช้ชีวิตต่อไปได้ทั้งชีวิตโดยคิดว่าไม่มีปัญหา
และถึงแม้จะล้มป่วยก็ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาความเครียดอะไร เลยสรุปว่าความเครียดกับโรคมันไม่เกี่ยวกัน ที่จริงมันก็เป็นเพราะเราไม่รู้ตัว
ในการบำบัดรักษาโรคหรือถ้าอยากมีสุขภาพปราศจากโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายต่างๆในยุคนี้
หน้าที่ของเราคือต้องไปเปิดกล่องนั้นมาปัดเป่าทำความสะอาด
เปลี่ยนสิ่งที่เราไม่รู้ตัว (unconscious) ให้มาเป็นสิ่งที่เรารู้ตัว (conscious)
แต่อาจจะด้วยความโชคร้ายของพวกเราที่ชีวิตในยุคนี้ ที่เราต้องยุ่งอยู่กับการงาน วุ่นกับเรื่องของคนอื่น จนไม่มีเวลามาคิดทบทวนเรื่องของตัวเอง
เราใช้ชีวิตอยู่บนความคาดหวังของคนอื่น ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่บนชีวิตของตัวเอง
คนปัจจุบันจึงตกอยู่ในสภาวะนี้เยอะมาก และอยู่ดีๆวันหนึ่งก็ป่วยเป็นโรคอะไรไม่รู้หายสาเหตุที่แน่นอนไม่ได้ แล้วก็รักษาไม่หาย
สรุปคือการจะตระหนักรู้ว่าถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการหายจากโรค คือต้องตั้งคำถามให้กับตัวเอง ต้องทบทวนตัวเอง ต้องทำลายกำแพงที่เรากำลังหลอกตัวเองว่าไม่มีปัญหาลงไป และยอมรับให้ได้ว่าจริงๆแล้วเรามีปัญหาอะไรเราถึงจะแก้ไขมันได้ ไม่ใช่หนีปัญหาต่อไปเรื่อยๆ
แล้วคุณรู้รึยังว่าจริงๆตัวคุณมีปัญหามีเรื่องเครียดอะไรบ้าง?
บทต่อๆไปจะมีตัวอย่างให้ดู ให้เราเข้าใจปัญหาข้างในได้ง่ายขึ้น
สุดท้าย อย่างหนึ่งที่ผมอยากให้เราเข้าใจกันอย่างชัดเจนตรงนี้คือ
อันนี้ไม่ใช่การ “คิดบวก”
ในการบำบัดโรคแบบนี้ การคิดบวกไม่ได้ช่วยอะไร
มันเหมือนยิ่งหลอกตัวเอง ยิ่งหนีปัญหา
ยิ่งคุณบวกเท่าไร คุณก็ยิ่งห่างจากลบที่คุณซ่อนอยู่
แต่สิ่งที่ต้องทำคือการรับรู้ การยอมรับ และการเข้าใจตัวเองในสิ่งที่เป็น เพื่อที่จะดูแลจิตใจของตัวเอง
ถ้าเป็นหนัง Star Wars มันคือการเข้าสู่ด้านมืด (dark side of the force)
ขอต้อนรับสู่สายดาร์กครับ 555
เมื่อคุณมีพลังทั้งด้านมืดและด้านสว่างคุณจะทรงพลังที่สุด
แล้วพบกันตอนต่อไปครับ
#โรคร้ายบำบัดได้ด้วยการโค้ช
by โค้ชป้อม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา